Text : Ratchanee P.
จากความรักขนมไทยสู่แบรนด์นวัตกรรมสำหรับคนรุ่นใหม่
นี่คือเรื่องราวของ กรกฤษ โฆษิตสกุล เด็กไทยวัย 18 ปี ที่ใช้ความหลงใหลในขนมไทยเป็นแรงผลักดันในการสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ จนเกิดเป็นแบรนด์ “ข้าวหลาม 921” ข้าวหลามกึ่งสำเร็จรูป ในรูปแบบ DIY ที่เก็บได้นาน เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ และเข้าถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ง่าย
กรกฤษไม่ได้เพียงคิดสูตร แต่ลงมือทำและมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การพัฒนาโปรดักต์ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงการวางขายจริง ที่สำคัญคือ เขาตั้งใจอยากให้ขนมไทยคลาสสิกนี้กลายเป็น “ของฝากร่วมสมัย” ที่ทุกคนสามารถทำเองได้อย่างสนุกและสะดวก
จากความชอบขนมไทยสู่แรงบันดาลใจสร้างแบรนด์
กรกฤษ เด็กไทยวัย 18 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ระดับมัธยมในประเทศอังกฤษ เป็นคนที่ชอบคิดและมีไอเดียสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะการนำของดั้งเดิมมาต่อยอดให้มีมีความทันสมัยและเข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ทุกครั้งที่กลับเมืองไทยในช่วงปิดเทอม เขามักใช้เวลาว่างอยู่ที่จังหวัดชลบุรี เมืองที่มี “ข้าวหลาม” วางขายอยู่แทบทุกหัวมุมถนน
“ผมชอบกินข้าวหลามมาก ไปชลบุรีบ่อยเพราะคุณพ่อทำงานที่นั่น แต่ข้าวหลามแต่ละเจ้าก็คล้ายกันหมด ทั้งรสชาติและแพ็กเกจจิ้ง ราคาก็แข่งกัน เลยเริ่มสังเกตว่าไม่มีใครทำอะไรที่ต่างออกไป จนวันหนึ่งไปเจอคาเฟ่ที่ทำครัวซองต์ข้าวหลาม ก็รู้สึกว่าน่าสนใจดี เป็นข้าวหลามในรูปแบบใหม่”
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความคิดที่ว่าข้าวหลามไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปแบบเดิมเสมอไป ซึ่งถ้าสามารถทำข้าวหลามในรูปแบบใหม่ แบบที่ไม่ต้องใช้การเผาไม้ไผ่ก็คงดีไม่น้อย เพราะนอกจากช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ยังทำให้ต่างชาติและคนรุ่นใหม่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ความคิดเล็กๆ นี้ ค่อยๆ พัฒนาเป็นไอเดียใหญ่ เมื่อกรกฤษนำไปปรึกษากับอาจารย์ด้าน Food Science จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อหาคำตอบว่า “ข้าวหลามรูปแบบใหม่จะเป็นไปได้หรือไม่” จนกระทั่งได้บทสรุปเป็น ข้าวหลามกึ่งสำเร็จรูป แบรนด์ ‘ข้าวหลาม 921’
ชื่อ “ข้าวหลาม 921” มาจากวันเกิดของเขาเอง และยังแฝงความหมายว่า “เลข 9” คือการก้าวไปข้างหน้า ส่วน “21” หมายถึงศตวรรษที่ 21 ซึ่งสะท้อนถึงการปรับตัวให้เข้ากับยุคใหม่
ปัจจุบัน “ข้าวหลาม 921” วางจำหน่ายที่ King Power และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ
“ช่วงแรกฟีดแบ็กดีมาก เพราะเป็นของใหม่ คนเห็นแล้วอยากลอง ตอนนี้กลุ่มลูกค้าหลักยังเป็นชาวต่างชาติ แต่อยากขยายตลาดให้เข้าถึงคนไทยด้วย เพื่อให้ข้าวหลาม 921 กลายเป็นของฝากร่วมสมัยที่ทุกคนทำเองได้ง่ายๆ”
ข้าวหลาม 921 ที่เก็บได้นานถึงหนึ่งปี
จุดขายสำคัญที่สุดของข้าวหลาม 921 คือ “ความสะดวกและเก็บได้นาน” โดยสามารถเก็บไว้ได้นานกว่าหนึ่งปีเต็ม แต่ยังคงรสชาติหอมมันของกะทิและข้าวเหนียวไว้อย่างครบถ้วน
“ผมอยากให้ข้าวหลามเป็นของฝากที่คนต่างชาติซื้อกลับไปได้จริง เพราะมันเก็บได้นาน เขาอาจซื้อเป็นแพ็กกลับไปต่างประเทศ แล้วค่อยๆ ทำกินเองที่บ้าน หรือกินคู่กับมะม่วงก็ได้ คล้ายข้าวเหนียวมะม่วงสำเร็จรูป ซึ่งยังไม่มีใครทำ”
นอกจากเก็บได้นาน จุดเด่นอีกอย่างคือ บรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม ตัวกล่องกลมถูกออกแบบให้คล้ายกระบอกข้าวหลาม ทำจากกระดาษพิมพ์ลายไม้ไผ่ สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ โดยกรกฤษเป็นผู้ออกแบบเองทั้งหมด
“แพ็กเกจจิ้งต้องสื่อถึงความเป็นข้าวหลาม ดูสะอาด ทันสมัย และมีคำอธิบายสั้นๆ สำหรับวิธีทำข้าวหลามด้วยตัวเอง”
ภายในกล่องมีวัตถุดิบครบชุด ได้แก่ ข้าวเหนียวขาวและข้าวเหนียวดำ ที่ผ่านการทำให้สุกบางส่วนก่อนอบแห้ง น้ำตาล กะทิผงบรรจุในถุงกันชื้น ถ้วยฟอยล์และช้อน สำหรับใช้ผสมส่วนผสมทั้งหมด
ส่วนวิธีทำก็แสนง่าย เพียงเทข้าวเหนียวลงถ้วย เติมน้ำร้อน ใส่กะทิผงและน้ำตาลตามชอบ ทิ้งไว้ 8 นาที แล้วนำเข้าเตาอบเพียง 15 นาที ก็ได้ข้าวหลามหอมมันพร้อมเสิร์ฟในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
“ตอนกลับไปอังกฤษ ผมอยู่หอพัก ไม่มีเตาอบ มีแต่ไมโครเวฟ แต่เพื่อนๆ อยากลองกิน เลยลองทำดู ปรากฏว่าเวิร์กมาก อร่อยและหอมเหมือนข้าวหลามจริงๆ แค่ตอนนี้เรายังไม่ได้ใส่วิธีทำด้วยไมโครเวฟไว้บนกล่อง แต่อนาคตอาจเพิ่ม เพราะมันทำให้คนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น แต่สิ่งเดียวคืออยากให้ได้ซื้อไปลองสักครั้ง เพราะผมมั่นใจในรสชาติว่าพอกินแล้วจะต้องชอบอย่าง และจะกลับมาซื้อซ้ำอย่างแน่นอน”
ลงมือจริงทุกขั้นตอน เพราะความตั้งใจไม่มีอายุ
จริงๆ แล้ว กรกฤษเริ่มพัฒนาโปรเจกต์นี้ตั้งแต่อายุ 16 ปี เขาใช้เวลาคิดค้นสูตรกว่า 1 ปีเต็ม ก่อนเปิดขายจริงในเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา และแม้ในเวลานั้นจะอายุเพียง 16 ปี แต่กรกฤษก็ไม่ใช่แค่คนคิดไอเดียเท่านั้น เขาเข้าไปมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน ตั้งแต่พัฒนาสูตรจนถึงออกแบบบรรจุภัณฑ์
“คุณพ่อคุณแม่รู้ว่าผมชอบธุรกิจมาตั้งแต่เด็ก เขาเลยเปิดโอกาสให้ลองทำจริง ซึ่งผมว่ามันเป็นเรื่องดีมาก” กรกฤษเล่าพร้อมรอยยิ้ม
เบื้องหลังของ “ข้าวหลาม 921” เต็มไปด้วยการทดลองซ้ำแล้วซ้ำอีก ทั้งการเลือกข้าวเหนียว การคำนวณอุณหภูมิ และการทดสอบรสชาติ
“ตั้งแต่เริ่มต้นผมอยู่ในทุกกระบวนการ ตอนแรกเลยเราลองทำเป็นเยลลี่ข้าวหลาม จนมาถึงเวอร์ชันข้าวหลามกึ่งสำเร็จรูป DIY แบบปัจจุบัน ผมลองชิมทุกอย่างเอง ดูว่า texture แบบไหนอร่อยที่สุด แล้วเป็นคนตัดสินใจเองทุกขั้นตอนว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน”
ด้านการบริหารครอบครัวคือแรงสนับสนุนสำคัญ โดยเฉพาะคุณพ่อที่ช่วยให้คำแนะนำเรื่องการเงินและการเจรจาต่อรอง
“พ่อสอนว่าทำธุรกิจต้องลงรายละเอียดเอง ต้องตามงาน ต้องรู้จักการเจรจาต่อรอง ผมเลยพยายามเรียนรู้จากทุกสถานการณ์ แม้แต่ตอนไปพรีเซ็นต์ที่ King Power ก็ทำด้วยตัวเอง ตอนนั้นอายุ 16 ปี ซึ่งเขาก็บอกเลยว่าไอเดียน่าสนใจมาก”
จากโปรเจกต์วัยมัธยมสู่แบรนด์ไทยในอนาคต
กรกฤษมองเส้นทางธุรกิจของตัวเองอย่างยาวไกล “ตอนนี้ยังเรียนอยู่ที่อังกฤษ เลยอาจจะแบ่งเวลายากหน่อย แต่ถ้าเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว มีเวลามากขึ้น น่าจะทำอะไรได้หลายอย่าง”
อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น เขาตั้งใจจะขยายกลุ่มลูกค้าจากต่างชาติสู่คนไทย
“คนไทยรู้จักข้าวหลามอยู่แล้ว แต่ถ้าเราทำให้มันดูสนุก ทำเองได้ง่าย และอร่อยแบบพรีเมียม ก็น่าจะเข้าถึงกลุ่มใหม่ได้”
ปัจจุบัน ข้าวหลาม 921 จำหน่ายใน King Power โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นนักท่องเที่ยว และบนเว็บไซต์ 9-twentyone ส่วนในอนาคตจะขยายไปสู่ช่องทางออนไลน์อื่นๆ ในราคาย่อมเยา เพื่อเข้าถึงคนไทยมากขึ้น
สุดท้าย เขาฝากข้อคิดถึงผู้ประกอบการไทยว่า “ถ้าของที่เราขายเหมือนกับคนอื่นหมด มันก็ยากจะโดดเด่น ลองคิดนอกกรอบดู ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่ถูกใจทุกคน อย่างน้อยคุณก็ได้สร้างของใหม่ขึ้นมาจริงๆ”
ก่อนจบบทสนทนา กรกฤษยิ้มและทิ้งท้ายด้วยความตั้งใจที่สะท้อนตัวตนของเขาได้ดีที่สุด
“ผมอยากให้ขนมไทยได้อยู่ในระดับเดียวกับอาหารไทย เพราะต่างชาติรู้จักอาหารไทย แต่ไม่รู้จักข้าวหลามหรือขนมไทยอื่นๆ ถ้าเราทำให้มันดูโมเดิร์นขึ้น เข้าใจง่ายขึ้น คนทั้งโลกก็จะเห็นเสน่ห์ของขนมไทยเหมือนที่เราเห็นครับ”
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
