นวัตกรรมจาก Rehyphen อัปไซเคิลเทปคาสเซ็ตเก่า ให้เป็นผ้าผืนลายลวดลายเฉพาะตัว

เรียบเรียง : Jitti


      ดีไซเนอร์ชาวสิงคโปร์คนหนึ่งค้นพบการใช้งานใหม่อย่างไม่คาดคิดให้กับเทคโนโลยีที่ครั้งหนึ่งเคยครองโลก “เทปคาสเซ็ต”

     เจสสิก้า “เจ.เจ.” ชวน (Jessica “J.J.” Chuan) ผู้ก่อตั้ง Rehyphen บริษัทเพื่อสังคมด้านการอัปไซเคิลในสิงคโปร์ คือผู้พัฒนาวัสดุใหม่ชื่อว่า “MusicCloth” ผ้าเส้นใยที่ถักทอจากเทปคาสเซ็ตและวิดีโอเทปที่ถูกทิ้งแล้ว

     วัสดุนี้ถูกต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลาย ตั้งแต่กระเป๋าคลัตช์ เสื้อผ้า ไปจนถึงงานศิลปะ และยังเคยปรากฏในรัฐสภาสิงคโปร์ เมื่อ Amy Khor อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน สวมเสื้อที่ทำจาก MusicCloth ขณะอภิปรายเรื่อง Zero Waste

จุดเริ่มต้นของ Rehyphen

     ตลอดชีวิตการทำงาน เจสสิก้า เคยใช้ชีวิตในหลายประเทศ และในปี 2009 เธอได้สัมผัสอุตสาหกรรมแฟชั่นระดับโลกเป็นครั้งแรก ซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญต่อมุมมองด้านความยั่งยืนของเธอ

     ขณะทำงานด้านพัฒนาธุรกิจให้บริษัทแฟชั่นในเซี่ยงไฮ้ เธอได้ไปเยี่ยมชมหลุมฝังกลบขยะจากโรงงานเสื้อผ้า และเห็นกับตาถึงปริมาณมหาศาลของสิ่งทอที่ถูกทิ้ง รวมถึงก๊าซเรือนกระจกอย่างมีเทนที่เกิดจากขยะเหล่านั้น

     “มันเป็นประสบการณ์ที่ทำให้เปลี่ยนไปเลย ทำให้เกิดการตั้งคำถามกับนิสัยของมนุษย์ที่ทำให้เกิดขยะล้นหลุมฝังกลบ” เธอเล่า

     อีกไม่กี่ปีต่อมา เธอไปศึกษาต่อด้านแฟชั่นดีไซน์ที่ Parsons School of Design นิวยอร์ก และได้ฝึกงานกับดีไซเนอร์ชาวอเมริกัน Yeohlee Teng ซึ่งทำให้เธอได้ฝึกฝนทักษะด้านการออกแบบแบบ Zero-Waste คีย์สำคัญที่นำไปสู่การก่อตั้ง Rehyphen

     หลังเรียนจบในปี 2016 เธอกลับมาสิงคโปร์ และระหว่างจัดห้อง เธอพบกล่องเทปคาสเซ็ตเก่าใบหนึ่ง ความตั้งใจแรกคืออยากอัปไซเคิลเพื่อลดของในบ้าน เธอลองทั้งการปัก การถักนิตติ้ง แต่ทุกอย่างยังไม่ลงตัว จนกระทั่งทดลอง “การทอ” และนั่นคือจุดที่ไอเดียเริ่มเปล่งประกาย กลายเป็นต้นแบบแรกของ MusicCloth ผิวสัมผัสคล้ายแผ่นพลาสติกทนทาน มีความมันวาวแบบเมทัลลิก

     เมื่อเห็นศักยภาพ เธอจึงร่วมมือกับ มีลี ชิว (Meelee Chiu) เพื่อนสนิท และใช้เวลาถึง 9 เดือนในการพัฒนาวัสดุนี้ จนเกิดเป็นเทคนิคเฉพาะที่ทำให้ขอบผ้าดูเรียบเนียน และสามารถทอได้หลายลวดลายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความเสถียร นี่คือจุดเริ่มของ Rehyphen

การยอมรับในระดับนานาชาติ

     ปลายปี 2016 เจสสิก้า ได้นำต้นแบบ MusicCloth ส่งให้ Material ConneXion ห้องสมุดวัสดุชื่อดังในนิวยอร์ก ผลตอบรับดีเกินคาด จนทางห้องสมุดขอชิ้นตัวอย่างเพิ่มอีก 20 ชิ้นเพื่อกระจายไปยังสาขาทั่วโลก ถือเป็นก้าวสำคัญที่เปลี่ยนจากงานอดิเรกส่วนตัวไปสู่แบรนด์บนเวทีโลก

     หลังจากนั้น MusicCloth ก็ถูกจัดแสดงในหลายประเทศ รวมถึงพิพิธภัณฑ์ Red Dot Design Museum เมืองเซียะเหมิน ประเทศจีน และยังได้รับความสนใจจากดีไซเนอร์ชาวอังกฤษ เควิน แม็คคลาวด์ (Kevin McCloud)

     “ผู้คนรู้สึกดีเวลาเห็นของที่เคยเป็นของตัวเอง ถูกแปลงร่างเป็นของใช้ที่มีประโยชน์ แถมยังช่วยโลกด้วย มันเพิ่มคุณค่าทางใจให้กับวัสดุที่เคยไร้ค่า” เจสสิก้า อธิบาย

     มหาวิทยาลัยกลาสโกว์เคยระบุว่า ตั้งแต่ปี 1963 เทปคาสเซ็ตใช้พลาสติกไปแล้วกว่า 56 ล้านกิโลกรัม ยังไม่รวมผลกระทบจากแผ่นเสียงหรือซีดี Rehyphen จึงมุ่งอัปไซเคิลเทปที่ถูกทิ้งพร้อม DV เทปที่ได้รับบริจาคจาก Mediacorp, Singapore Press Holdings และ United International Pictures

     งานแต่ละชิ้นจึงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะเทปแต่ละยี่ห้อ แต่ละสี ให้เฉดและลวดลายแตกต่างกัน ปัจจุบันพวกเธอสร้างทั้งงานศิลปะและของใช้ เช่น สมุดโน้ต แม้จะเลิกทำเสื้อผ้าไปแล้วเพราะคุณสมบัติของวัสดุที่เป็นพลาสติก

     แม้ทีมจะเล็ก แต่เมื่อมีโปรเจกต์ใหญ่หรือออร์เดอร์จากบริษัท พวกเธอจะจ้างฟรีแลนซ์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่มีทักษะการทอเข้ามาช่วยงาน

Rehyphen ในชีวิตจริง: Mobile Cassette Tapes Museums

     Rehyphen นำเสนอผลงานผ่าน “Mobile Cassette Tapes Museums” ทั้งในและต่างประเทศ เป็นนิทรรศการเคลื่อนที่ที่ให้ผู้คนสัมผัสได้ทั้งประวัติศาสตร์ ศิลปะ และความยั่งยืนผ่านประสาทสัมผัสหลากหลาย

     “พิพิธภัณฑ์แบบเคลื่อนที่มีความยืดหยุ่นมากค่ะ เราสามารถปรับรูปแบบเพื่อให้ผู้คนมีส่วนร่วมได้หลากหลายสำคัญคือ เราพิพิธภัณฑ์ไปหาคน ไม่ใช่ให้คนเดินทางมาหาเรา” เจสสิก้า กล่าว

     ผู้เข้าชมสามารถลองจับตัวอย่างผ้า MusicCloth ดูผลิตภัณฑ์จริง และซื้อได้ทันที ทุกนิทรรศการยังออกแบบให้เข้ากับเมืองและธีมของงานนั้นๆ

     ปีนี้ Rehyphen เป็นแบรนด์สิงคโปร์เพียงรายเดียวที่ได้รับเชิญร่วมงาน Paris Design Week ซึ่งโฟกัสเรื่องสิ่งทอเชิงฟื้นฟู (Regenerative Textiles)

     ในงานมีการจัดแสดง “นาฬิกาหมุนย้อนเข็ม” ทำจาก MusicCloth เพื่อสื่อถึง “การย้อนเวลากลับไปแก้ไข” และบอกเล่าความเร่งด่วนของปัญหาสภาพอากาศ พร้อมนำเทปเพลงยุคต่างๆ ตั้งแต่มิวสิกแจ๊สทศวรรษ 1940 ไปจนถึงผลงานของ Huey Lewis and the News มาจัดแสดงเป็นเกียรติแก่ประวัติศาสตร์ดนตรี

     นิทรรศการอีกเวอร์ชัน เช่น The Walkman Experience ยังเปิดให้ผู้เข้าชมลองเล่นเพลงจากเทปจริงผ่าน Sony Walkman รุ่นเก่า พร้อมเวิร์กชอปสอนทอและให้ความรู้ด้านความยั่งยืน

สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ไม่คาดคิด

     ตลอดหลายปีที่ผ่านมา Rehyphen ร่วมมือกับหลายแบรนด์ในสิงคโปร์เพื่อสร้างสินค้าที่คาดไม่ถึง เช่น

     - เปลี่ยนกล่องวิดีโอเทปเป็นแพ็กเกจสบู่ พร้อมดีไซน์ตั๋วหนังยุค 60 ให้แบรนด์ DaChun ของไต้หวัน

     - ออกแบบลำโพงไร้สาย MusicCloth ร่วมกับ Decibelist

     - สร้างโคมไฟเทปคาสเซ็ตกับร้านไฟ Shiok Lighting

     ความท้าทายก็กลายเป็นโอกาส เช่น เมื่อมีเศษปลอกเทปเหลือมาก พวกเธอไม่อยากทิ้ง จึงคิดผลิตภัณฑ์ “Tweet Tape” ที่ให้ลูกค้าส่งข้อความ 140 ตัวอักษรในทุกภาษา บรรจุเส้นเทปพร้อมข้อความไว้ในปลอกเทป กลายเป็นของขวัญที่เก็บได้นาน

     Rehyphen ยังตอบรับกระแสคิดถึงอดีต หลายคนอยากฟังเพลงจากเทปเดิม ทีมจึงออกฟีเจอร์ “scan and listen” ตั้งแต่ปี 2021 ใส่ QR โค้ดลงในผลิตภัณฑ์เพื่อเชื่อมไปยังเพลย์ลิสต์ที่ทีมจัดทำใหม่ทุกเดือน MusicCloth ยังถูกใช้ในงานศิลปะสาธารณะ เช่น ปี 2024 Amazon Singapore มอบหมายให้สร้างอินสตอลเลชันสำหรับออฟฟิศ AWS

     ทีมใช้เวลาหนึ่งปีทอแผ่น MusicCloth ขนาด A5 จำนวน 500 แผ่นเพื่อนำมาประกอบเป็นโลโก้ AWS โดยทุกชิ้นเชื่อมโยงกับต้นทางของเทป ไม่ว่าจะเป็นเพลง Gelang Sipaku Gelang หรืออัลบั้มที่บันทึกเองจากศิลปินสิงคโปร์ยุคบุกเบิก

วิสัยทัศน์ต่อสิงคโปร์และอนาคต

     ต่อจากนี้ Rehyphen เปิดรับการร่วมงานกับองค์กรและแบรนด์เอกชน เพื่อขยายแนวคิดด้านความยั่งยืนไปอีกระดับ

     ในฐานะพลเมืองสิงคโปร์โดยกำเนิดต่างถิ่น J.J. มีความผูกพันกับแวดวงสร้างสรรค์ของประเทศอย่างลึกซึ้ง และหวังว่า Rehyphen จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจเรื่องการออกแบบอย่างยั่งยืน การเก็บรักษาความทรงจำทางวัฒนธรรม และการคืนชีวิตใหม่ให้วัสดุที่ถูกทิ้ง

     ทุกชิ้นของ MusicCloth สะท้อนให้เห็นว่า “นวัตกรรม ศิลปะ และความใส่ใจสิ่งแวดล้อม” สามารถถักทอกันอย่างกลมกลืน และแม้แต่เทปคาสเซ็ตธรรมดาๆ ก็ยังมีเรื่องราวที่ควรเก็บรักษาไว้

     ภารกิจของเธอยิ่งเร่งด่วนขึ้น เมื่อธนาคารโลกคาดการณ์ว่า ภายในปี 2050 โลกจะมีปริมาณขยะเพิ่มเป็น 3.4 พันล้านตันต่อปี เพิ่มขึ้น 70% จากปัจจุบัน หากมนุษย์ไม่เร่งลงมือแก้ไข

     ที่มา : www.vulcanpost.com

     Photo Credit : Rehyphen

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

สาวผมยาวต้องถูกใจสิ่งนี้! Pony Cap ตัวช่วยสระผมแบบใหม่ ที่ให้คุณสระแค่ครึ่งหัว ก็สะอาด แห้งเร็วขึ้น

รู้จัก “Pony Cap” ถุงครอบป้องกันผมเปียกขึ้นมา เพื่อใช้คลุมส่วนของเส้นผมที่ไม่ต้องการให้เปียก โดยทำมาจากผ้าโพลีเอสเตอร์ ไอเดียธุรกิจที่เกิดจาก Pain Point ของสาวผมยาว

ปั้น Ocare Health Hub ยอมขาดทุน 3 ปีก่อนมีรายได้ 8 หลัก

เจาะลึกบทเรียนจาก พญ.ชุติมา ดุลมณี (หมอออม) CEO Ocare Health Hub ที่กล้าทิ้งความมั่นคงของคลินิกแพทย์ สู่สนามรบ Health Tech ที่ไร้กำไรในช่วง 3 ปีแรก เพื่อหาแนวทางสร้าง System ที่ปลดล็อกอิสรภาพทางธุรกิจทุบกำแพงรายได้เดิม

‘แตะพี่หมอ’ รองเท้าแตะผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ขยายสาขา ไม่ X แบรนด์ดัง แต่มีลูกค้าอยู่ทั่วโลก

“แตะพี่หมอ” ร้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในโรงงานผลิตเครื่องปรุงรสและน้ำปลา โดยไม่มีหน้าร้านใหญ่โต ไม่โฆษณา แต่กลับดึงดูดนักวิ่ง คนรักสุขภาพ และผู้ที่มีปัญหาเรื่องเท้าจากทั่วโลกให้เดินทางมาหาด้วยเป็น “รองเท้าแตะที่ทำขึ้นมาเฉพาะคนเดียว”