​Hand in Hand เปลี่ยนจุกคอร์กเป็นกระถาง ปลูกต้นไม้ได้แม้ในพื้นที่จำกัด






 
     เมื่อการสร้างแบรนด์ไม่จำเป็นต้องมองให้ไกลตัว เพียงแค่หยิบเอาของที่ชอบสะสมอย่างจุกไวน์มาตอบโจทย์ความต้องการของคนรักที่อยากได้ต้นไม้ไปปลูกในพื้นที่จำกัดอย่างบนโต๊ะทำงานเพื่อสร้างความผ่อนคลายจากหน้าจอให้กับมนุษย์ทำงานอย่างเราๆ จึงเป็นที่มาของ Hand in Hand แบรนด์ที่จะจูงมือทุกคนให้มาร่วมกันปลูกต้นไม้บนจุกคอร์กและแต่งแต้มสีเขียวให้กับพื้นที่เล็กๆให้มีชีวิตชีวามากขึ้น  

 
.... เริ่มต้นที่ความหลงใหลในลวดลายของจุกคอร์ก พลิกมาสร้างความสบายตาให้กับคนรัก ....
 

     ชุลีกร รัตนปริยานุช เจ้าของแบรนด์และคนที่ชื่นชอบเก็บสะสมจุกไวน์เพราะหลงใหลในลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์และตราปั้มที่สวยงาม บอกว่า แรกเริ่มเดิมทีที่ทำผลิตภัณฑ์นี้ขึ้นมาก็เพื่อให้คนรักได้นำไปตั้งไว้บนโต๊ะทำงาน แต่พอเพื่อนและหัวหน้าที่ทำงานของเขามาเห็นและรู้สึกชอบจึงมีการขอให้ทำเข้ามา มีการบอกต่อกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งตัดสินใจทำแบรนด์เพื่อตอบสนองกับความต้องการของคนรอบข้างที่อยากได้ผลิตภัณฑ์แบบนี้ขึ้นมา





     “ช่วงแรกเป็นการปลูกต้นไม้บนจุกไวน์เล็กๆแล้วกำหนดเรื่องของระดับน้ำที่ต้องให้ทำให้ลูกค้ายุ่งยากและเกิดปัญหาตามมา ทางเราเลยค่อยๆคิดพัฒนามาเรื่อยๆโดยเปลี่ยนจากการปลูกบนจุกไวน์ที่มีขนาดเล็กมาเป็นจุกแชมเปญที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และเพื่อที่จะไม่ทำให้ลูกค้าต้องยุ่งยากในการรดน้ำ ทางเราเลยทำการเจาะรูระบายอากาศและระบายน้ำส่วนเกินให้เพื่อไม่ให้ต้นไม้เน่า”
 
 
…. ไม่ว่าใครก็ปลูกได้ ถ้ารู้จักเลี้ยงให้ถูกวิธี....
 

     โดยต้นไม้หลักๆจะเป็นประเภทไม้อวบน้ำ กระบองเพชรและไม้มงคลบางประเภท ซึ่งอาศัยการรดน้ำเพียง 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ สามารถเลี้ยงในที่ร่ม เช่น ห้องนอน ห้องรับแขก โต๊ะทำงานในออฟฟิศที่มีแต่แสงนีออนหรือในห้องแอร์ได้ และเพื่อที่จะให้ต้นไม้แข็งแรงควรเลี้ยงในที่ๆมีอากาศถ่ายเทได้ดี ได้รับแสงแดดรำไรหรือมีความสว่างส่องถึง และห้ามเลี้ยงในที่ๆมีอากาศอับชื้น เช่น ห้องน้ำ เพราะความชื้นจะทำให้เกิดเชื้อราและอาจทำให้ต้นไม้เน่าได้  





     ในส่วนของฟังก์ชั่นการใช้งาน จากที่เคยเป็นเพียงแม่เหล็กติดตู้เย็นก็ทำให้สามารถนำมาวางบนโต๊ะโดยมีถาดรองรับน้ำและแท่นไม้ทรงหกเหลี่ยมที่สามารถนำมาเรียงต่อกันเป็นรวงผึ้งให้ลูกค้าทำการออกแบบเซ็ทการจัดวางด้วยตัวเองได้ นอกจากนี้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเทน้ำที่อยู่ในถาดออก เพราะตัวถาดรองรับน้ำนั้นถูกออกแบบมาเพื่อไม่ให้เป็นสนิม อีกทั้งน้ำยังสามารถระเหยเองได้

 
…. โอกาสของตลาดยังมี อยู่ที่ว่าจะเติมเต็มช่องว่างนั้นยังไง....
 

     “ที่ทำโปรดักต์ตัวนี้ขึ้นมานั้นก็เพราะเรามองเห็นโอกาสในตลาดและได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่ดี เพราะส่วนใหญ่เขาบอกว่าไม่เคยเห็น ดูน่ารักและมีความกิ๊บเก๋ โดยการไปรับจุกเอามาทำนั้นต้องอาศัยคอนเน็กชันส่วนตัวกับรุ่นพี่ที่เปิดร้านไวน์ เพราะตามปกติส่วนใหญ่เขาจะไม่ขายกันเนื่องจากทางร้านจะเก็บเอาไว้สำหรับใช้ในการตกแต่งหรือประดับร้าน หรือเป็นจุกของขวดไวน์ที่มีราคาเป็นแสน รวมไปถึงลูกค้าบางรายก็นำเอาจุกกลับบ้าน”


     อย่างไรก็ตาม กว่าที่จะนำออกมาวางขายได้นั้น ทางแบรนด์มีการทดลองทั้งในเรื่องของสภาพดิน อากาศ แสงและการให้น้ำทุกอย่าง เพื่อทำให้แน่ใจว่าต้นไม้ทุกต้นสามารถปลูกได้จริงและลูกค้าจะได้ประสบการณ์ที่ดีจากการปลูกต้นไม้ เพราะหลายคนค่อนข้างจะเข็ดขยาดกับการเลี้ยงต้นไม้หรือเลี้ยงมาแล้วตาย


     “ก่อนที่จะนำออกสู่ตลาดได้นั้น เราต้องเพาะต้นไม้ให้แข็งแรงในระดับนึงก่อนหรืออย่างน้อยๆก็ 6 เดือน เพราะเราคำนึงถึงลูกค้าเป็นสำคัญ ต้องให้เขารู้สึกได้รับประสบการณ์ที่ดีจากแบรนด์ของเรา ไม่ใช่เลี้ยงไป 2 - 3 วันแล้วตาย โดยเราทำการศึกษาทุกอย่างมาเป็นอย่างดี” 




 
.... เพราะการสัมผัสยังเป็น Sense ที่จำเป็น หน้าร้านจึงต้องมีเพื่อสร้าง Feeling ที่ดีให้ลูกค้า ....
 

     แม้ออนไลน์จะเป็นเครื่องมือที่ดีในการทำตลาดปัจจุบัน แต่ทางแบรนด์กำลังอยู่ในช่วงหาทำเลที่จะเปิดเป็นหน้าร้านเพื่อตอบโจทย์ในการทำธุรกิจให้มากขึ้น โดยให้เหตุผลว่าการมีหน้าร้านจะทำให้สามารถขยายพื้นที่ในการเพาะปลูกได้ ทำฟาร์มขนาดย่อมหรือขนาดกลางได้ เก็บสต็อกสินค้าและพัฒนาโปรดักต์ต่างๆได้  


     “เราได้รับคำแนะนำมาว่าโปรดักต์แบบนี้จริงๆแล้วการจับต้องถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการที่เห็นเพียงแค่รูปนั้น ลูกค้าไม่ได้สัมผัส ทำให้ไม่ได้ฟิลลิ่งและเข้าไม่ถึง เราเลยมองไปที่การมีหน้าร้านที่เหมาะสมกับกำลังที่เรามี โดยมองว่าจะเปิดที่กรุงเทพฯ ซึ่งทำเลไม่จำเป็นต้องอยู่ในตัวเมืองหรือแหล่งทองขนาดนั้น เพราะหลายๆร้านที่เขาทำโปรดักต์ที่มีความยูนีคแบบนี้ไม่ว่าจะไกลขนาดไหนคนก็ดั้นด้นไปซื้อ”
 



 
….ไม่ว่าจะมีคู่แข่งมากน้อยแค่ไหน เมื่อก้าวขาเข้ามาแล้วก็ต่อก้าวต่อไป แต่ต้องแตกต่าง....


     เมื่อเริ่มเห็นร้านที่เข้ามาจับตลาดต้นไม้บนจุกคอร์กเพิ่มขึ้น ชุลีกร บอกว่า เมื่อเราไม่ใช่เจ้าเดียวที่อยู่ในตลาด เราก็ต้องคิดว่าจะพัฒนาโปรดักต์ยังไงให้ฉีก แตกต่างและเดินไปข้างหน้าได้ไกลกว่าคนอื่น โดยอาจจะเป็นการปั้มแบรนด์ลงบนจุกคอร์ก สั่งทำจุกขึ้นมาเพื่อใช้เฉพาะของแบรนด์ซึ่งไม่ใช่อย่างปัจจุบันที่รับซื้อมาแบบรีไซเคิล ปรับเปลี่ยนแท่นรับน้ำรวมไปถึงการเพิ่มลูกเล่นในการออกแบบตัวผลิตภัณฑ์   





     “ตลาดต้นไม้บ้านเราถือว่ามีการแข่งขันที่สูง แต่ที่เห็นส่วนใหญ่จะเป็นพวกงานเซรามิกหรืองานไม้ ซึ่งตัวจุกคอร์กนี้เริ่มมีให้เห็นแล้วเจ้าสองเจ้า อย่างไรก็ตามยังมีโอกาสอีกมากในการขยายตัวเพราะตลาดยังมีความต้องการอยู่ เนื่องจากคนในปัจจุบันหันมารักษ์โลกและใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ที่สำคัญยังตอบโจทย์การเป็นสังคมเมืองที่มีพื้นที่แคบลงและน้อยลงได้เป็นอย่างดี และด้วยลวดลายของแต่ละจุกคอร์กที่แตกต่างกันไปทำให้งานแต่ละชิ้นนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสามารถตอบสนองความต้องการของคนที่ชอบอะไรไม่ซ้ำใคร”


  ​www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

อย่างอาร์ต! MAMAD แบรนด์แฟชั่น X ศิลปะ วาดลวดลายสไตล์ Semi Abstract สร้างความแปลก ออกแบบ “ศิลปะที่สวมใส่ได้”

“Me As My Art Daily” ศิลปะคือส่วนหนึ่งของตัวตนเราในทุกวัน คือนิยามของแบรนด์แฟชั่นสุดอาร์ตอย่าง MAMAD ที่นำเอาศิลปะและแฟชั่นมาผสานกัน กลายเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า และหมวกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ความแปลกตา และสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร

เค้กหรือมายากล!? ไอเดียสุดแหวก! เมื่อ “ราเมน” กลายเป็นเค้ก

Bob The Baker Boy ร้านเค้กในสิงคโปร์ทำให้คำว่า “เค้ก” เปลี่ยนไปตลอดกาล จาก "หน้าตา" เค้กที่แทบทุกคนเห็นแล้วต้องหยิบมือถือขึ้นมาถ่าย! ไอเดียแบบนี้เกิดจากความตั้งใจของเมย์ ฟง เจ้าของร้านสุดครีเอทีฟ

ทรานฟอร์มธุรกิจให้รอด ฉบับทายาทรุ่น 3 จาก 3 แบรนด์เก๋า หอยนางรม-น่ำเอี๊ยง-เด็กสมบูรณ์

ธุรกิจครอบครัวที่ผ่านรุ่น 3 ไปได้ต้องทำอย่างไร ? เราจะพาไปดูวิธี ‘ทรานฟอร์มธุรกิจให้รอด’ จาก 3 แบรนด์เก๋า: หอยนางรม - น่ำเอี๊ยง - เด็กสมบูรณ์" ​ ที่ไม่เพียงรักษามรดกครอบครัวไว้ แต่ยังสร้างโอกาสใหม่ๆ อีกด้วย ​