อดีตเด็กสถาปัตย์สู่เจ้าแม่สายแฟ! Varithorn Boutique แบรนด์สุด Classy ที่มีศิลปะเป็นแรงขับเคลื่อน

TEXT : กองบรรณาธิการ




Main Idea
 

 
  • ‘วาริธร กันท์ไพบูลย์’ ผู้หลงใหลในเรื่องราวของศิลปะ เธอเรียนจบทางด้านสถาปัตยกรรม ทำให้มีพื้นฐานด้านการวาดรูปเป็นทุนเดิม กอปรกับความรักในงานศิลปะ จึงประกอบร่างสร้างเป็นแบรนด์แฟชั่นที่ชื่อ Varithorn Boutique ขึ้น
 
  • เริ่มจากความคิดแค่ทำขึ้นมาเพื่อ ‘ใส่เล่นๆ’  ทว่าไปๆ มาๆ กลับกลายเป็นแบรนด์เสื้อผ้าที่ได้รับความนิยมจากทั้งชาวไทยและต่างชาติ ประกาศความสำเร็จอย่างงดงามในวันนี้



     จากเส้นสู่เส้นที่ลากต่อกันจนเป็นลายโค้งมนสวยงาม ตามด้วยสีน้ำสลับเข้มอ่อน ออกมาเป็นลวดลายที่ถูกรังสรรค์ขึ้นแบบเดียวในโลกก่อนจะนำไปพิมพ์ลงบนผ้าเพื่อตัดเย็บให้สาวๆ ผู้รักแฟชั่นได้สวมใส่ นี่คือหนึ่งในกระบวนการสร้างสรรค์แบรนด์แฟชั่นที่มีศิลปะเป็นแรงขับเคลื่อนของ ‘วาริธร กันท์ไพบูลย์’ ผู้หลงใหลในเรื่องราวของศิลปะ โดยเธอเล่าว่าตนเองเรียนจบมาทางด้านสถาปัตยกรรม จึงทำให้มีพื้นฐานของการวาดรูปเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว กอปรกับความรักในงานศิลปะจึงประกอบร่างกลายเป็นแบรนด์แฟชั่นที่ชื่อ Varithorn Boutique”  ในวันนี้
               




     ย้อนกลับไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ก่อนที่ Varithorn Boutique จะก่อตั้งขึ้น วาริธรเล่าว่าช่วงนั้นแบรนด์แฟชั่นบนโลกออนไลน์ยังไม่ใช่กระแสหลัก มีอยู่เพียง 5 – 10 แบรนด์เท่านั้น ณ ช่วงเวลานั้นวาริธรเพียงแค่มองหาชุดที่มีดีไซน์แบบที่เธอต้องการแต่ไม่มีแบรนด์ไหนตอบโจทย์ เธอจึงตัดสินใจออกแบบ ลงมือวาดเองและนำไปตัดมาใส่เล่นๆ จากความคิดเริ่มต้นแค่ว่าทำขึ้นมาเพื่อ ‘ใส่เล่นๆ’ แต่ไปๆ มาๆ กลับกลายเป็นแบรนด์เสื้อผ้าที่ได้รับความนิยมทั้งสาวไทยและชาวต่างชาติ
               

     “ธุรกิจของเราทำมา 7 ปีแล้ว ซึ่งวันที่เริ่มทำยังไม่มีร้านออนไลน์เยอะเท่าตอนนี้ ตอนนั้นแค่คิดว่าอยากได้ชุดๆ หนึ่ง แต่ไม่มีแบบที่ต้องการ เลยตัดและทำใส่เอง จนหลายคนบน Social ถามว่าซื้อที่ไหน เลยคิดว่าถ้าอย่างนั้นทำขายเลยดีกว่า เพราะว่ามีคนเยอะมากที่อยากได้ชุดของเรา โดยส่วนตัวเป็นคนชอบศิลปะมากๆ อยู่แล้ว ตอนนั้นเราเป็นรายแรกๆ ที่ทำแบรนด์แฟชั่นขายใน IG ซึ่งผลตอบรับดีมาก จนผ่านไป 1 ปี ก็ตัดสินใจเปิดร้านแรกที่ Terminal 21 เพราะลูกค้าอยากให้มีหน้าร้าน” วาริธรเล่า
               




      นิยามเสื้อผ้าของ Varithorn Boutique คือ ‘Simple & Classy’ ที่เน้นความเรียบง่าย ใส่ได้ทุกวัน สามารถมิกซ์แอนด์แมทช์ออกมาเป็นสไตล์ใหม่ๆ ไม่ล้าสมัย แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ยังหยิบมาใส่ได้ทุกโอกาส อีกทั้งยังมีความโดดเด่นเรื่องดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ เนื้อผ้าที่มีคุณภาพดี การตัดเย็บเนี้ยบทุกกระเบียดนิ้ว นอกจากนี้วาริธรยังให้ความสำคัญในการดีไซน์ทั้งรูปแบบเสื้อผ้าและลายผ้า ซึ่งผ้าทุกลายของ Varithorn Boutique จะทำออกมาแบบ Limited Edition เท่านั้น เนื่องจากอยากให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับสิ่งที่พิเศษที่สุด
               


   

       “ก่อนที่จะมาเป็นเสื้อผ้าในแต่ละคอลเลกชันเราต้องได้ Inspiration มาก่อน เช่น ถ้าเป็นช่วง Winter คอลเลกชันนั้นอาจจะเป็นเกี่ยวกับ Christmas หรือมีความสดใสหน่อย แล้วเราก็จะวาดลายนั้นๆ ออกมา วาดด้วยสีน้ำหรือแล้วแต่ว่าช่วงนั้นอยากวาดด้วยอะไร แล้วเอาลายมาพิมพ์ลงบนผ้า ซึ่งทุกลายเรากับทีมจะวาดเองหมดเลย ถ้าผ้าลายนั้นหมดแล้วก็จะไม่ขายต่อเพราะอยากให้เป็น Limited Edition จริงๆ โดยเราจะไม่ทำเยอะ มองว่าแบรนด์เราราคาดีกับการตัดเย็บเนี้ยบ มันเหมาะสมกับราคา เราไม่ได้ขายแพงเว่อ ชุดไหนผ้าแพง เราขายแพงขึ้นมาหน่อย ถ้าชุดไหนผ้าถูก เราก็ขายถูกลงมา เรียกว่าขายตามคุณภาพชิ้นงานจริงๆ เลยทำให้ลูกค้าชื่นชอบ นอกจากนี้ยังรับตัดตามไซส์ด้วย บางคนหน้าอก M แต่เอว S คุณก็สามารถเลือกได้เลยว่าจะเอาขนาดเท่าไหร่ ไม่ว่าจะไซส์ใหญ่มากหรือคนท้องเราก็สามารถตัดตามไซส์แบบ Customized ได้” เธอบอก
               

     แต่อย่างที่เราทุกคนทราบดีว่าการทำแบรนด์แฟชั่นในปัจจุบันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะไม่ว่าใครต่างก็ใฝ่ฝันอยากจะสร้างแบรนด์แฟชั่นของตัวเองทั้งนั้น ทำให้ตอนนี้มีแบรนด์ใหม่ๆ ผุดขึ้นมาหลายพันแบรนด์ จนเกิดเป็น Red Ocean ที่นับวันยิ่งแข่งขันกันรุนแรง
               

     “ตอนนี้แข่งขันเยอะมากทำให้ธุรกิจมันยากขึ้นเยอะ ด้วยความที่ทุกคนออกแบบได้สวยและแข่งกันที่ราคา เมื่อแข่งที่ราคา ที่โปรโมชั่น เลยกลายเป็นอุปสรรคของเราเพราะว่าตอนนี้มันเปิดกว้างขึ้น ทำให้มีคู่แข่งมากขึ้น ช่วงเริ่มต้นเรามองกลยุทธ์เรื่องราคาที่จับต้องได้ แต่เมื่อแบรนด์เติบโตขึ้นท่ามกลางความแข่งขันในธุรกิจแฟชั่น เราจึงต้องเริ่มมองหาสิ่งที่สร้างความโดดเด่นแตกต่าง โดยเป็นแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์ สร้างความรู้สึกว่ามีความพิเศษให้กับลูกค้าที่ใส่เสื้อผ้าของ Varithorn Boutique มากขึ้น”
 

     ใครจะคิดว่า 7 ปีผ่านไป วันนี้ Varithorn Boutique จะไม่ได้ครองใจสาวๆ ทั้งประเทศ รวมทั้งเหล่า   เซเลบคนดังของไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสาวๆ ในอีกหลายประเทศทั่วโลกด้วย ทั้ง ดูไบ สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน และกัมพูชา อีกด้วย
               

     โดยสิ่งที่ช่วยสร้างเอกลักษณ์ให้ Varithorn Boutique ได้เป็นอย่างดีคือการนำเอาศิลปะเข้ามาเป็นแรงขับเคลื่อนในการออกแบบอีกทั้งปัจจุบันยังมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวช่วยในการสร้างสรรค์ผ้าพิมพ์ลายซึ่งทำให้ผ้าพิมพ์ลายที่ได้นั้นมีสีที่สวย คมชัด สามารถก้าวข้ามทุกจินตนาการและออกแบบลายผ้าได้อย่างไร้ขีดจำกัด นี่คือสิ่งที่ธุรกิจสายแฟชั่นต้องเร่งปรับตัวอยู่ในตอนนี้
               



     “เรามองว่าเทคโนโลยีมันคือโอกาสของวงการแฟชั่น แถมตอนนี้ก็ยังมีเทคโนโลยีหลายอย่างที่ช่วยเราได้ เช่น ด้านกราฟฟิก การทำโปรโมชั่น อย่าง เราสามารถนำเทคโนโลยีมาช่วยการทำกราฟฟิก ทำให้ลายผ้ามีอะไรแปลกใหม่มากขึ้น ทำให้การทำงานของเราดู Creative และน่าสนใจ อย่างคอลเลกชันล่าสุดที่ชื่อ ‘Romance Limited Edition’ เรามีการนำเครื่องพรินต์ของ HP รุ่น STITCH S มาใช้ เราว่ามันทำให้ลายผ้ามีสีคมชัดมากๆ ดูมีความหลากหลายและยูนีคมากขึ้น ลายไม่ซ้ำใครเพราะลูกค้ายุคนี้ต้องการดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ บ่งบอกความเป็นตัวตนมากที่สุด ประโยชน์ของเทคโนโลยีทำให้มั่นใจว่าควบคุมสีได้ เราก็มีอิสระในการสร้างสรรค์ออกแบบจากแรงบันดาลใจของตัวเรามากขึ้น โดยนักออกแบบแฟชั่นสามารถดีไซน์ลวดลายตามต้นฉบับแล้วพิมพ์ออกมาเป็นผลงานสไตล์โดดเด่นที่ไม่ซ้ำใคร”
               

      วาริธรปิดท้ายถึงหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจแฟชั่นในยุคนี้ว่า ใจรักต้องมาก่อน ตามด้วยความตั้งใจในทุกๆ กระบวนการที่ทำ
               

     “แบรนด์แฟชั่นต้องอยู่ที่ว่าเรารักจริงๆ ต้องตั้งใจทำจริงๆ และใจรักอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีโปรโมชันที่ดีเพื่อดึงดูดลูกค้า การตลาดก็สำคัญ ไม่ว่าคุณจะทำสินค้าสวยแค่ไหน ดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่ทำการตลาดเลย ไม่โปรโมตเลยก็ไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องควบคู่กันไปถึงจะทำให้ธุรกิจแฟชั่นของคุณประสบความสำเร็จได้”
 



 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

จับตาผลกระทบการค้าชายแดนไทย เส้นทางธุรกิจแม่สอดเปลี่ยนเป็นสนามรบ

กับสถานการณ์การสู้รบในเมียนมาใกล้ชายแดนไทยยังคงร้อนระอุนับตั้งแต่กองกำลังกะเหรี่ยง KNU และกองกำลังปกป้องประชาชน PDF “เข้ายึดฐานปฏิบัติการ 275 ในเมียวดี” ส่งผลต่อกระทบเส้นทาง “แนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor-EWEC)” ของไทย

ทำธุรกิจซัก-รีด ยังไงให้มีรายได้สาขาละแสน ล้วงความลับกับเจ้าของแบรนด์ ตั้งใจซัก

หนึ่งในธุรกิจที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “เสือนอนกิน” นั้นต้องมีธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญติดในลิสต์เป็นอันดับต้นๆ ทำให้ธุรกิจนี้เติบโตเป็นพิเศษโดยเฉพาะในช่วงโควิดที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการที่สนใจเปิดธุรกิจนี้มากมาย แต่ถึงแม้จะเป็นธุรกิจเสือนอนกิน ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเสือที่ได้กินธุรกิจนี้ง่ายๆ

Erabica Coffee ผู้ปักหมุด กาแฟน่าน ให้เป็นที่รู้จักระดับประเทศ

นี่คือสองสามีภรรยา ที่อยากมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่น่าน คิดสร้างแบรนด์กาแฟของตัวเองขึ้นมาในชื่อ Erabica (เอราบิก้า) กลายเป็นการยกระดับกาแฟน่านเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น