แบรนด์สมุนไพรไทย ‘ชีววิถี’ สู่เจลแอลกอฮอล์สู้โควิด แค่ปรับมุมคิด ธุรกิจก็ไปต่อ

TEXT : กองบรรณาธิการ





Main Idea
 
 
  • แค่ปรับตัวให้ไว ในวิกฤตก็สร้างโอกาสและความสำเร็จได้ เช่นเดียวกับแบรนด์ “ชีววิถี” ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสมุนไพรที่อยู่ในตลาดมากว่า 14 ปี มีสินค้าจำหน่ายทั้งในไทยและต่างประเทศ ผู้พลิกวิกฤตโควิด-19 มาทำเจลแอลกอฮอล์สนองตลาดได้อย่างทันยุค
 
  • จากวิกฤตที่ทำให้ความต้องการของตลาดหยุดชะงัก ผลิตภัณฑ์เดิมยอดสั่งซื้อหดหายแบบไม่ทันตั้งตัว สินค้าค้างสต๊อก เงินหมุนเวียนสะดุด ธุรกิจถูกรัดตึง และดิ่งลงในชั่วข้ามคืน ทว่ากลับพลิกสู่โอกาสธุรกิจใหม่ ด้วยการเรียนรู้ที่จะรับมือกับวิกฤต ไม่ยึดติดรูปแบบเดิมๆ แต่พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนตัวเองให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ 



     “ในวิกฤต มีโอกาสเสมอ” คือคำที่หลายคนให้กำลังใจกันในห้วงเวลานี้


     สำหรับ SME การรับมือกับวิกฤตอาจไม่ใช่เรื่องง่าย และมีความท้าทายอยู่มากๆ โดยเฉพาะเมื่อต้องมามองหาโอกาสในธุรกิจเดิมที่ตัวเองทำ ซึ่งกำลังบอบช้ำอย่างสาหัสจากวิกฤต
               

     เช่นเดียวกับ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสมุนไพรแบรนด์ “ชีววิถี” ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการสมุนไพรไทยมากว่า 14 ปี ส่งสินค้าจำหน่ายทั้งในไทยและกว่า 26 ประเทศทั่วโลก มีสินค้าอยู่ถึงกว่า 300 รายการ หลังโควิด-19 มาเยือน พิษของไวรัสตัวร้ายพ่นใส่ธุรกิจ แม้จะเป็นผลกระทบทางอ้อม แต่ก็หนักหนาสำหรับพวกเขา
 
               



   พลิกวิกฤตสู่โอกาส ต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่
               

    “อรประภา พรมรังฤทธิ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซนต์ บิวตี้ คอสเมติก (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของแบรนด์ “ชีววิถี” บอกเราว่า วิกฤตครั้งนี้หนักหนา ไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา โดยถึงแม้ธุรกิจของพวกเขาจะอยู่ในกลุ่มได้รับผลกระทบทางอ้อม แต่ทว่าเมื่อสถานการณ์บีบบังคับให้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรม ขณะที่ความต้องการของตลาดก็ต้องหยุดชะงักในชั่วข้ามคืน ส่งผลให้ยอดคำสั่งซื้อที่เคยมีหดหายแบบไม่ทันตั้งตัว เกิดเป็นสินค้าค้างสต๊อก เงินหมุนเวียนก็สะดุด ขณะที่แขนขาธุรกิจก็ถูกรัดตึง


    เธอยอมรับว่า วิกฤตนี้หนักหนานัก แต่ทว่าก็จะท้อและถอยไม่ได้ ยังต้องประคอบให้กิจการเดินหน้าต่อ เพราะยังมี พนักงานที่เปรียบเหมือนครอบครัวอีกกว่า 150 ชีวิต ที่ต้องรอดไปด้วยกัน


     “วิกฤตครั้งนี้เหมือนเป็นครูที่มาชี้แนะให้ธุรกิจได้เปิดตากว้างขึ้น ได้เห็นมุมมองการทำตลาดแบบใหม่ ได้เรียนรู้ว่าการทำธุรกิจต้องไม่ยึดติดรูปแบบตายตัว หากแต่ต้องพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เพราะไม่มีใครรู้หรอกว่าอนาคตจะมีภาวะวิกฤตหนักกว่าการระบาดของไวรัสโควิด-19 อีกหรือไม่ ดังนั้นหลังจากกระทรวงสาธารณสุขออกประกาศให้ผู้ผลิตเครื่องสำอางสามารถผลิตเจลแอลกอฮอล์ได้ เราเลยเห็นโอกาสที่จะนำจุดแข็งด้านความชำนาญเรื่องสมุนไพร มาคิดค้นทดลองและต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่”
 




     เมื่อผู้เชี่ยวชาญสมุนไพร ลุกมาทำเจลแอลกอฮอล์



     จากจุดนั้นเองที่ทำให้ตลาดได้รู้จักกับ “แอลเจลโลยี แอนตี้ พอลลูชั่น” (ALGELOGY ANTI POLLUTION) เจลล้างมือชนิดฆ่าเชื้อโรคที่มีส่วนผสมของสมุนไพรไทย ซึ่งส่วนประกอบหลัก คือ  ว่านหางจระเข้ เอทิลแอลกอฮอล์ 95 เปอร์เซ็นต์ วิตามินซี และวิตามินอี โดยเอทิลแอลกอฮอล์ ที่นำมาใช้ในการผลิตมีคุณภาพเกรดระดับพรีเมี่ยม จาก บริษัท ยูเนี่ยนเคมีคอล แอนด์ อีควิปเม้นท์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเอทิลแอลกอฮอล์ที่ได้รับการรับรองจาก Food Grade ว่ามีความปลอดภัยต่อร่างกาย สามารถใช้ในการผลิต Cosmetic ได้


     นอกจากสรรพคุณในการฆ่าเชื้อโรค “แอลเจลโลยี แอนตี้ พอลลูชั่น” ของพวกเขายังช่วยบำรุงผิวพรรณให้นุ่ม ชุ่มชื้น กักเก็บน้ำในผิวได้ยาวนานขึ้น และอ่อนโยนแม้ผิวเด็กอีกด้วย


      นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์แปรรูปภายใต้แบรนด์ “ชีววิถี” ยังผ่านการตรวจสอบมาตรฐาน การรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) โอทอป ฮาลาล มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) GMP และ ISO 9001:2015 อีกด้วย
 




               
     ปรับตัวเร็ว สนองตลาดไว ธุรกิจก็ไปต่อ


     หลังการปรับตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้ผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดได้อย่างทันเวลา ตรงกับความต้องการและจำเป็นของผู้บริโภค และนั่นคือโอกาสที่ธุรกิจจะฟื้นคืนกลับมาอีกครั้งของชีววิถี


     “เมื่อธุรกิจมีการปรับตัว วางสินค้าได้ตรงต่อความต้องการของผู้บริโภค ราคาจำหน่ายก็ย่อมเยา ทุกกลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าถึงง่าย ทำให้ทันทีที่วางจำหน่ายกระแสตอบรับดีมาก โดยมียอดสั่งซื้อเข้ามาจากทั้งในและต่างประเทศ โดยเราได้รับการติดต่อจากตัวแทนขาย เกิดเป็นช่องทางการตลาดใหม่ให้กับแบรนด์ชีววิถี   ซึ่งวันนี้เราวางจำหน่ายเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ เจลสบู่แอลกอฮอล์ล้างมือ และสเปรย์แอลกอฮอล์ล้างมือ ขนาดตั้งแต่ 20-4,000 มิลลิลิตร ขายในราคาเฉลี่ยที่ 20-750 บาท เท่านั้น” เธอเล่า
 
               




     ปลดล็อกอุปสรรคทางการเงิน เดินหน้าธุรกิจให้โตรุ่ง


     แม้ผลิตภัณฑ์ใหม่จะทำให้ธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดดได้ในภาวะวิกฤต แต่ทว่าการจะขยายฐานการผลิตให้ทันต่อความต้องการของลูกค้าได้นั้นเป็นเรื่องยากสำหรับ SME โดยเฉพาะเมื่อต้องมาติดล็อกกับเงินทุนหมุนเวียน และนั่นเองที่ทำให้ชีววิถี ได้ตัวช่วยอย่าง ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เข้ามาสนับสนุนด้านแหล่งเงินทุนเสริมสภาพคล่องทางธุรกิจด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ผ่านสินเชื่อกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ เพื่อใช้ในการซื้อเครื่องจักร เข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการอย่างเธอได้ตรงจุดในเวลาเช่นนี้  จึงส่งผลให้ศักยภาพในการผลิตมีประสิทธิภาพ สามารถรองรับการขยายตลาดได้มากยิ่งขึ้น
               



     เมื่อถามถึงแผนธุรกิจหลังจากนี้ อรประภา บอกเราว่า ตั้งเป้าที่จะขยายผลิตภัณฑ์ให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคให้มากที่สุด ผ่านการจำหน่ายในราคาที่ครอบคลุม ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น โดยมุ่งมั่นจะเป็นสินค้าที่ครองใจคนไทย หากนึกถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปสมุนไพรไทยที่มีคุณภาพให้นึกถึง “ชีววิถี” และหากนึกถึงผลิตภัณฑ์เจลแอลกอฮอล์ล้างมือชนิดฆ่าเชื้อโรคที่ช่วยป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมบำรุงผิวพรรณไปในตัว ก็ขอให้นึกถึงแอลเจลโลยี แอนตี้ พอลลูชั่น ที่พวกเธอสร้างสรรค์ขึ้นนั่นเอง
 
               

    ในทุกวิกฤต ย่อมมีโอกาส และในทุกอุปสรรคก็ย่อมมีทางออกเช่นเดียวกัน ขอเพียงผู้ประกอบการไม่ยอมแพ้ เลือกเปิดตัวเอง และไม่ยึดติดกับสิ่งเดิมๆ ก็มีโอกาสประสบความสำเร็จสามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ในวิกฤตได้เหมือนที่ “ชีววิถี” พิสูจน์ให้เห็นแล้ว
 



 www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 
 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

จับตาผลกระทบการค้าชายแดนไทย เส้นทางธุรกิจแม่สอดเปลี่ยนเป็นสนามรบ

กับสถานการณ์การสู้รบในเมียนมาใกล้ชายแดนไทยยังคงร้อนระอุนับตั้งแต่กองกำลังกะเหรี่ยง KNU และกองกำลังปกป้องประชาชน PDF “เข้ายึดฐานปฏิบัติการ 275 ในเมียวดี” ส่งผลต่อกระทบเส้นทาง “แนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor-EWEC)” ของไทย

ทำธุรกิจซัก-รีด ยังไงให้มีรายได้สาขาละแสน ล้วงความลับกับเจ้าของแบรนด์ ตั้งใจซัก

หนึ่งในธุรกิจที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “เสือนอนกิน” นั้นต้องมีธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญติดในลิสต์เป็นอันดับต้นๆ ทำให้ธุรกิจนี้เติบโตเป็นพิเศษโดยเฉพาะในช่วงโควิดที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการที่สนใจเปิดธุรกิจนี้มากมาย แต่ถึงแม้จะเป็นธุรกิจเสือนอนกิน ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเสือที่ได้กินธุรกิจนี้ง่ายๆ

Erabica Coffee ผู้ปักหมุด กาแฟน่าน ให้เป็นที่รู้จักระดับประเทศ

นี่คือสองสามีภรรยา ที่อยากมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่น่าน คิดสร้างแบรนด์กาแฟของตัวเองขึ้นมาในชื่อ Erabica (เอราบิก้า) กลายเป็นการยกระดับกาแฟน่านเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น