ถอดประสบการณ์กู้วิกฤตฉบับ MIRINN Show สู้ศึก ดิน น้ำ ลม ไฟ ยันโควิด-19

TEXT : กองบรรณาธิการ
 
 
 

Main Idea
 
  • วิกฤตกับการทำธุรกิจดูจะเป็นของคู่กันไปแล้ว จนอาจเรียกได้ว่าหากริจะเป็นผู้ประกอบการ ก็ต้องพร้อมรับมือกับสถานการณ์วิกฤต เช่นเดียวกับ MIRINN Show ธุรกิจการแสดงคาบาเร่ต์และมวยไทยโชว์ ที่เจอวิกฤตมาตั้งแต่วันต้นเริ่มธุรกิจ ทั้งมรสุม เหตุการณ์ไฟไหม้ ลามไล่มาจนถึงโควิด-19
 
  • สำหรับ “ภัทร์พิชาภา ภูวัฒน์ศรุตพล” เจ้าของกิจการ MIRINN Show ประสบการณ์ที่ผ่านมาเป็นเหมือนการซ้อม บีบบังคับให้ต้องตั้งสติ ปรับเปลี่ยนความคิด กล้าคิดนอกกรอบ เพื่อพยุงธุรกิจและพนักงานให้อยู่รอด จนก่อเกิดเป็นโอกาสใหม่ๆ ให้กับก้าวต่อไปของพวกเขา
 


 
     “MIRINN Show”  (มิริน โชว์) คือธุรกิจการแสดงโชว์ที่ผสมผสานความสวยงามของคาบาเร่ต์และความแข็งแกร่งของมวยไทยเป็นจุดขายสร้างความแตกต่าง กลุ่มเป้าหมายของพวกเขาคือนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยมีตลาดหลักเป็นลูกค้าคนจีน คงไม่ต้องสงสัยเลยว่า การมาถึงของโควิด-19 ที่เริ่มต้นจากประเทศจีน และส่งผลกระทบไปทั่วโลก จะเล่นงานธุรกิจของพวกเขาได้สะบักสะบอมแค่ไหน





     แต่สำหรับ “มิริน-ภัทร์พิชาภา ภูวัฒน์ศรุตพล” เจ้าของกิจการ MIRINN Show นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอวิกฤต แต่พูดได้ว่า เจอวิกฤตบ่อยครั้งตั้งแต่วันเริ่มต้นธุรกิจด้วยซ้ำ และความชอกช้ำที่ผ่านมาก็กลายเป็นวัคซีนชั้นดีที่ทำให้เธอยังตั้งสติและพร้อมรับมือกับทุกวิกฤตที่โถมเข้าใส่ได้
 
  • เริ่มต้นธุรกิจพร้อมมรสุมลูกใหญ่

     หลังใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมากว่า 15 ปี ภัทร์พิชาภา ตัดสินใจโบกมือลาเมืองผู้ดีอังกฤษมาเริ่มต้นธุรกิจที่ประเทศบ้านเกิด เธอเริ่มจากวิเคราะห์ดูว่าอุตสาหกรรมไหนที่ทำรายได้เข้าประเทศเราได้มากที่สุด หนึ่งในนั้นก็คืออุตสาหกรรมท่องเที่ยว มาคิดต่อว่าด้วยศักยภาพที่มีเธอพอจะทำอะไรได้บ้าง จึงมาลงตัวที่การทำสถานที่ท่องเที่ยว โดยเลือกการแสดงโชว์หนึ่งในหมุดหมายที่นักท่องเที่ยวต่างชาติอยากมาชื่นชมในประเทศไทย  





     “ตอนกลับมาจากอังกฤษใหม่ๆ ได้ไปยิมมวยแถวดอนเมือง เลยมาดูว่ามีที่ไหนบ้างที่โชว์มวยไทย ก็พบว่าพอมีอยู่บ้าง แต่เราอยากเอาความสวยงามและความแข็งแรงของวัฒนธรรมไทยทั้ง 2 ประเภท คือคาบาเร่ต์โชว์ และมวยไทยมารวมไว้เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งคาบาเร่ต์โชว์ที่เป็นสาวประเภทสองและความเป็นมวยไทย ดังมากสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ จึงเป็นที่มาของ มิริน โชว์”  


     มิริน โชว์ ไม่ได้เปิดตัวด้วยชื่อนี้ตั้งแต่ทีแรก เริ่มต้นพวกเขาปักหมุดธุรกิจที่ภูเก็ต ใช้ชื่อ The  Arena Phuket  ทว่าหลังเปิดตัวกลับเจอกับข่าว เรือนักท่องเที่ยวจีนล่มกลางทะเลภูเก็ตและตามมาด้วยข่าวที่กระทบกับการท่องเที่ยวไทย ณ เวลานั้น ส่งผลต่อธุรกิจน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวและยังมีลูกค้าจีนเป็นตลาดหลักอีกด้วย





     “จากเหตุการณ์เรือล่มครั้งนั้น ทำนักท่องเที่ยวหายไปเยอะมาก เราเองพึ่งพิงนักท่องเที่ยวจีนเป็นหลักก็โดนไปด้วยเต็มๆ แต่จากเหตุการณ์นั้นทำให้คำนึงว่าหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของการทำธุรกิจก็คือเรื่องของสิ่งแวดล้อม การอยู่ในภูเก็ตมันมีความไม่แน่นอนของมรสุม จึงตัดสินใจย้ายการแสดงของเรามาที่กรุงเทพ และเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า The  Arena Bangkok”
 
  • ต้อนรับที่ตั้งใหม่ด้วยวิกฤตไฟไหม้

     หลังโชว์จากภูเก็ตเดินทางเข้าสู่เหมืองหลวงพร้อมชื่อใหม่ พวกเขาก็เริ่มต้นความฝันและความหวังขึ้นอีกครั้ง โดยที่ตั้งแรกคือ ใกล้นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี แถวสนามบินสุวรรณภูมิ ปรากฏก่อนเปิดตัวเพียง 15 วัน ทุกอย่างกำลังเข้าที่ กลับเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ ธุรกิจที่ฝันดับสลายไปกับกองเพลิง





     “วิกฤตเราเจอมาหมด ทั้ง ดิน น้ำ ลม ไฟ ตอนนั้นทุกอย่างกำลังเข้าที่ เตรียมเปิดตัว ปรากฏเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ สุดท้ายก็ย้ายมาอยู่ที่ RCA เราตัดสินใจเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นมิริน โชว์ เริ่มเปิดแสดงเมื่อประมาณกลางปี 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งปรากฏว่าได้รับผลตอบรับที่ดีมาก และทิศทางธุรกิจก็อยู่ในทิศทางที่เราพึงพอใจ ลูกค้าของเรา 90 เปอร์เซ็นต์ เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งในจำนวนนั้น 80 เปอร์เซ็นต์คือนักท่องเที่ยวชาวจีน รองลงมาก็อินเดีย ซึ่งทางมิริน โชว์ กำลังดำเนินแผนธุรกิจมาในทิศทางที่ถูกต้อง มีนักท่องเที่ยวเข้ามาชมโดยเฉลี่ย 450 -1,000 คนต่อวัน สำหรับเรา เรารู้สึกแฮปปี้แล้ว อยู่ในทิศทางที่เราวางไว้ถูกต้อง...จนกระทั่งประสบปัญหาเรื่องโควิด-19”
 
  • วิกฤตไวรัสซัดธุรกิจซบอีกครั้ง

“มิริน โชว์ เป็นธุรกิจด้านการท่องเที่ยว จึงได้รับผลกระทบครั้งนี้ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยที่ไม่ได้ตั้งตัวเหมือนกับทุกๆ คน ผลกระทบเข้ามาเต็ม 360 องศา เราต้องปิดกิจการชั่วคราว โดยพนักงานเริ่มแยกย้ายกันตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีพนักงานบางคนที่ยังคงช่วยวางแผนงานเพื่อที่จะกลับมาเปิดตัวอีกครั้งหนึ่ง ช่วงแรกเรามีพนักงานเหลือเพียงแค่ 4 คน จาก 60 ชีวิต ที่ยังคงช่วยเหลือกันอยู่ ซึ่งตอนนี้ก็ค่อยๆ ให้พนักงานทยอยกลับมา





     หลังจากเกิดเหตุการณ์โควิด เราบอกทีมงานทุกคนว่า ให้ไปเสียใจกับมันให้เต็มที่ในเวลา 1 เดือน แล้วรอดูสถานการณ์ว่าจะเป็นยังไงต่อไป ปรากฏว่าเหตุการณ์มันกลับแย่ลง ไม่ได้มีทิศทางที่จะดีขึ้นเลยในตอนนั้น แต่เราก็บอกว่าเราจะมาระดมความคิด วางแผนกันใหม่ หลังจากนั้นก็เริ่มหาผู้สนับสนุน คนให้คำปรึกษา และผู้ที่มีความรู้ในเชิงวิชาการ มาช่วยให้เรารู้ว่าจะต้องเดินต่อไปในแนวทางไหนหนี”


     ในระยะเวลา 2 เดือนเต็มที่ใช้ไปกับการวางแผน ในที่สุดก็ตกผลึกเป็นกลยุทธ์ที่พร้อมนำมาลงมือปฏิบัติจริง และอีกไม่นานนี้ทุกคนก็จะได้เห็น มิริน โชว์ รูปแบบใหม่ ที่เกิดมาจากความพยายามต่อสู้เพื่ออยู่ให้รอดในวิกฤตของพวกเขา
 



 
  • โอกาสธุรกิจใหม่ที่มาพร้อมกับวิกฤตไวรัส

     จากการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่รอให้นักท่องเที่ยวมาเยือน แต่บทเรียนจากวิกฤตสอนให้รู้ว่า ในวันที่เกิดอุปสรรคทำให้ลูกค้ามาหาไม่ได้ หลายเป็นข้อจำกัดในการทำธุรกิจของพวกเขา ที่มาของการปรับโมเดลธุรกิจใหม่ เพื่อออกจากกับกดดักและข้อจำกัดเหล่านี้


     “เริ่มจากตัวสถานที่ของเรา ปกติจะให้คนเดินทางมาหาเพื่อเข้าชมการแสดงโชว์ แต่ตอนนี้เราเปิดพื้นที่กว้างขึ้นให้เป็นสถานที่เช่าจัดกิจกรรมและจัดคอร์สอบรมต่างๆ เพื่อจะใช้เวลาใน 1 วัน ให้คุ้มค่ามากที่สุด ในส่วนของตัวนักแสดง ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่จะให้บริษัทอีเวนต์รวมถึงบริษัทออร์แกไนเซอร์ต่างๆ สามารถมาเลือกนักแสดงของเราออกไปแสดงนอกสถานที่ได้ รวมถึงการจัดคาราวานเดินทางไปต่างประเทศเพื่อจัดแสดงเชิงวัฒนธรรม คือไปทั้งชุดการแสดงโชว์ สินค้าไทย แล้วก็วัฒนธรรมไทย มองว่าแต่ละประเทศหลังจากโควิดทุกคนจะเยียวยาตัวเองอยู่ในประเทศของตัวเอง ดังนั้นในการประชาสัมพันธ์ธุรกิจเราก็ต้องออกไปหาเขา ถามว่าจะทำได้เมื่อไหร่ก็รอแค่น่านฟ้าเปิด แต่ตอนนี้ได้มีการเซ็นสัญญากันเรียบร้อยแล้ว โดยที่แรกที่จะไปโชว์คือเซี่ยงไฮ้ ประมาณเดือนตุลาคมนี้ นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาเทคโนโลยี เพื่อทำอย่างไรให้การแสดงโชว์สามารถไปถึงบ้านของลูกค้าได้ ในรูปแบบออนไลน์แต่ให้มีความรู้สึกเสมือนจริง เป็นการโชว์สด โดยมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพื่อให้ลูกค้าที่อยู่ที่บ้านไม่สามารถเดินทางมาหาเราได้ก็ยังได้เห็นสิ่งสวยๆ งามๆ ผ่านเทคโนโลยี เราพยายามทุกวิถีทางและปรับตัวอยู่เสมอ” เธอเล่า


     ภัทร์พิชาภา บอกเราว่า นี่เป็นโมเดลธุรกิจที่ไม่เคยคิดมาก่อน ก่อนหน้านี้เธอเคยมองแต่มุมแคบๆ อยู่แต่ในสิ่งที่ทำ แต่วิกฤตที่ผ่านมาทุกครั้งทำให้มองธุรกิจได้กว้างขึ้น และใหญ่ขึ้นกว่าสิ่งที่ทำอยู่เดิมมาก  





    “วิกฤตที่เกิดขึ้นมันบังคับให้เราคิดนอกกรอบ เพื่อธุรกิจของตัวเราเอง และเพื่อพนักงานที่มีอยู่ ถามว่าที่ผ่านมาเคยมีความคิดที่จะถอดใจบ้างไหม มีบ้างแต่ไม่ใช่รอบที่เกิดโควิด เพราะการที่เราผ่านวิกฤตมาหลายครั้ง มันเหมือนได้ซ้อมไว้แล้ว วันนี้ก็คิดแค่ว่า สิ่งที่ทำอยู่เป็นอย่างไร ผลประกอบการเราโอเคไหม เมื่อเห็นว่าในเชิงธุรกิจมันอยู่ได้ มันเป็นไปได้ เราก็ไม่กลัวอย่างอื่นแล้ว ในส่วนปัจจัยต่างๆ ที่เข้ามากระทบและทำให้เราต้องปรับเปลี่ยน ถามว่าเราจะยอมแพ้แค่นี้เหรอ ไม่ได้ เราต้องสู้ต่อไป แต่ต้องเป็นการสู้ด้วยสติและตั้งใจทำ ที่สำคัญคือการปรับเปลี่ยนความคิด จากที่ผ่านมาเราอาจคิดแค่ว่า การทำมิริน โชว์ คือโชว์ของฉันดีอยู่แล้ว ฉันก็เป็นอย่างนี้ รอให้นักท่องเที่ยวมา รอประเทศเปิด แล้วถามว่าเมื่อไหร่จะเปิด โควิดเมื่อไหร่เราจะได้วัคซีน แต่ถามว่าทุกวันนี้เรายังต้องอยู่ต่อไปไหม ต้องอยู่ ยังต้องทำไหม ต้องทำ แล้วหยุดได้ไหม หยุดไม่ได้ ฉะนั้นเราต้องสู้ และหาทางทำธุรกิจให้มันประสบความสำเร็จขึ้นมาให้ได้”


     เธอบอกในตอนท้ายว่า

     “เวลาเจอวิกฤตขอให้มีสติและตั้งสติให้ได้ ยอมรับแล้วปรับตัว ไม่ว่าการเปลี่ยนแปลงจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวแค่ไหนแต่ไม่น่ากลัวเท่ากับการหยุดนิ่ง แล้วปล่อยให้ตัวเองหายไป ฉะนั้นต้องไม่หยุดที่จะคิดและต่อสู้”
 

 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

ทำธุรกิจซัก-รีด ยังไงให้มีรายได้สาขาละแสน ล้วงความลับกับเจ้าของแบรนด์ ตั้งใจซัก

หนึ่งในธุรกิจที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “เสือนอนกิน” นั้นต้องมีธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญติดในลิสต์เป็นอันดับต้นๆ ทำให้ธุรกิจนี้เติบโตเป็นพิเศษโดยเฉพาะในช่วงโควิดที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการที่สนใจเปิดธุรกิจนี้มากมาย แต่ถึงแม้จะเป็นธุรกิจเสือนอนกิน ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเสือที่ได้กินธุรกิจนี้ง่ายๆ

Erabica Coffee ผู้ปักหมุด กาแฟน่าน ให้เป็นที่รู้จักระดับประเทศ

นี่คือสองสามีภรรยา ที่อยากมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่น่าน คิดสร้างแบรนด์กาแฟของตัวเองขึ้นมาในชื่อ Erabica (เอราบิก้า) กลายเป็นการยกระดับกาแฟน่านเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น

HEH ร้านอาหารย่านภูเก็ต เชฟใช้เวลาในครัวให้เหมือนอยู่ในสนามแข่ง ไม่อยากเป็นแค่ Just Another Restaurant

“HEH (เห)” ร้านอาหารสไตล์  Australian Contemporary กลางเมืองภูเก็ต สร้างเมนูอาหารให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะไม่อยากเป็นเพียง แค่ร้านอาหารร้านหนึ่ง