3 มุมมอง SME รุ่นใหม่ รับมือยังไง ในวันที่ธุรกิจเจ๊ง! เร็วกว่าที่คิด

TEXT : นิตยา สุเรียมมา





     คนทำธุรกิจสมัยก่อน ทำธุรกิจขึ้นมาสักตัวหนึ่งก็หวังอยากให้กิจการเจริญรุ่งเรืองสืบทอดต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลาน ซึ่งหากย้อนไปเมื่อ 30 กว่าปีก่อนอาจยังพอเป็นไปได้ แต่ในช่วงสิบกว่าปีให้หลังที่ผ่านมานี้อาจนับเป็นเรื่องยากตั้งแต่ที่โทรศัพท์มือถือได้กลายร่างเป็นสมาร์ทโฟนเข้ามาช่วยตอบโจทย์อำนวยความสะดวกทุกสิ่ง ทำให้สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้อย่างเท่าเทียมกัน ในขณะที่ตัวเลือกในการบริโภคก็กลับเพิ่มจำนวนมากขึ้น การจะมัดใจผู้บริโภคให้ยืนยาวต่อไปได้เหมือนเก่าด้วยการทำธุรกิจรูปแบบเดิมๆ จึงอาจไม่เพียงพออีกต่อไป ส่งผลต่ออายุธุรกิจที่สั้นลง ซึ่งหากปรับตัวไม่ทันคงได้ล้มหายตายจากไปในเวลาอันรวดเร็ว


     ภาพเหล่านี้อาจยังมองเห็นไม่ชัดเจนนัก หากวันนี้ไม่เกิดเหตุการณ์วิกฤตไวรัสโควิด-19 ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง ทำให้หลายธุรกิจต้องเอาตัวรอด และใช้เวลาหดสั้นลงสำหรับเปลี่ยนแปลงตัวเอง บางรายเป็นสัปดาห์ บางรายแค่รายวันก็สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สิ่งนี้เองทำให้ผู้ประกอบการได้เรียนรู้ว่า โลกของการทำธุรกิจนับจากนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป


     วันนี้เราจึงนำ 3 มุมมองแนวคิดจาก 3 ผู้ประกอบการ SME รุ่นใหม่ คิดเห็นอย่างไรในวันที่โลกเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น และจะปรับตัวอย่างไรให้ก้าวทันโลกมาฝากกัน




   
               
     “แต่ก่อนไซเคิลธุรกิจอาจเปลี่ยนแปลงในทุกๆ 10 ปี แต่ ณ เวลานี้อาจจะย่นระยะเวลาลงเหลือเพียง 2 – 3 ปีเท่านั้น เมื่อก่อนถ้าต้องการหาข้อมูล คือ เข้าห้องสมุด แต่ตอนนี้เด็กรุ่นใหม่ใช้เวลาเสิร์ชในอินเตอร์เน็ตแค่ 3 วินาทีก็เรียนรู้เรื่องต่างๆ บนโลกใบนี้ได้แล้ว เมื่อทุกคนมีความรู้ใกล้เคียงกันจึงทำให้การแข่งขันมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขึ้นอยู่ว่าใครจะนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ได้มากกว่า การจะอยู่รอดได้ธุรกิจอาจต้องทำตัวให้เล็กลง มีความคล่องตัวมากขึ้น เพื่อเตรียมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น เวลาเปลี่ยนแปลงหลายๆ ครั้งเราอาจล้มเหลว ผิดพลาดบ้าง แต่ผมมองว่าถ้าอยากเติบโตต่อไปได้ระยะยาว เราอาจต้องล้มให้บ่อยขึ้น แต่ก็ต้องลุกขึ้นยืนให้เร็วขึ้นด้วย สิ่งนี้จะช่วยให้ธุรกิจขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ ดีกว่าอยู่กับที่
               

     “การจะทำให้เกิดความคล่องตัวได้ อาจต้องเตรียมตัวตั้งแต่การวางโครงสร้างธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างองค์กร วัฒนธรรมองค์กร ตัวผู้นำเองก็ต้องเป็นโค้ชชิ่งมากขึ้น ไม่ใช่แค่ชี้นิ้วสั่งงานเหมือนก่อน เพื่อให้ทีมได้มีประสบการณ์ ไปด้วยกัน ซึ่งพอเกิดความคล่องตัวแล้ว ก็จะแก้ช่วยให้ปัญหาได้เร็วขึ้น ตอนนี้ในองค์กรของเราแทบจะไม่มีการแบ่งแยกแผนก เราพยายามให้ทุกคนรู้เรื่องเกี่ยวกับองค์กรให้มากที่สุดเท่าที่จำเป็น เช่น ฝ่ายขายก็เข้าใจกระบวนการการผลิต ต้องดูว่าจะส่งของทันไหม ไม่ใช่แค่ขายอย่างเดียว เราพยายามให้ทุกฝ่ายนึกถึงอีกฝ่ายเสมอ ซึ่งพอเป็นแบบนี้ เวลามีโปรเจกต์ใหม่ๆ หรือมีอะไรเกิดขึ้นเราก็สามารถมูฟได้ไว ถึงแม้จะพลาดก็ลุกได้เร็ว จึงทำให้เรากล้าที่จะทดลองอะไรใหม่ๆ เสมอ”




                 
     “ที่บอกว่าอายุธุรกิจทุกวันนี้หดสั้นลงเป็นเรื่องจริง บางธุรกิจอาจอยู่ได้ 2 -3 ปี แต่บางธุรกิจอาจเร็วกว่านั้น อาจอยู่ได้แค่รายสัปดาห์ด้วยซ้ำ โดยเฉพาะธุรกิจที่นำเรื่องแฟชั่นหรือกระแสเข้ามาใช้ ไม่ว่าธุรกิจเสื้อผ้า อาหาร ของสะสมต่างๆ หรือแม้แต่เทคโนโลยีเองก็มีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน ซึ่งทั้งหมดที่เกิดขึ้นผมมองว่ามาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเป็นหลัก ยิ่งมีคนพร้อมที่จะพัฒนาสินค้าออกมาตลอดเวลา ไม่ว่าเทรนด์จะเปลี่ยนไปเร็วแค่ไหน ก็มีผู้เล่นรายใหม่พร้อมเข้ามาอยู่เสมอ ทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกเพื่อทำการเปรียบเทียบได้มากขึ้น ดังนั้นการที่เราจะขายสินค้าตัวเดิมอย่างเดียวตลอดไป จึงเป็นเรื่องยาก เพราะไม่ช้าก็เร็วก็จะมีคนทำสินค้าออกมาเหมือนกับคุณ หรืออาจทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ ดังนั้นทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ รวมถึงความลึกซึ้งของสินค้าด้วยว่าทำออกมาได้ดีมากแค่ไหน ถ้าทำได้ง่าย เพียงไม่กี่วันก็อาจล้มหายตายจากไปเร็วขึ้น


     “วิธีการปรับตัว ผมมองว่ามี 3 ส่วนด้วยกัน คือ 1.ต้องชัดเจนในตัวเอง มองภาพธุรกิจให้ออกว่าชีวิตหลัง New Normal ไปแล้วเราจะเป็นยังไงต่อไป  มีประเด็นอะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เราจะสามารถนำมาปรับใช้ได้อย่างไรบ้าง 2. ชัดเจนในกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และมีความเข้าใจในลูกค้าของตัวเอง 3.มีสินค้าที่ชัดเจน ตอบโจทย์ความต้องการได้ในทันที และอย่างต่อเนื่อง อีกข้อที่อยากฝากไว้ คือ อย่าทำธุรกิจด้วยวิธีการเดียว ควรมีเผื่อไว้สัก 2 - 3 วิธี เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยง อย่างตอนนี้โชนันเองเดิมเราเป็นร้านอยู่ในห้างสรรพสินค้า แต่ทุกวันนี้เราพยายามแตกไลน์แพลตฟอร์มธุรกิจออกมาอีกหลายตัว อาทิ เปิดร้านสแตนอโลนสาขาเล็กๆ ขายแฟรนไชส์ การใช้โมเดล sharing economy เร็วๆ นี้เราจะสร้างแบรนด์ใหม่อีกหลายตัวด้วย


     ผมมองว่าการทำธุรกิจทุกวันนี้ คือ การทดลอง  โดยไม่ต้องไปยึดกับรูปแบบเดิมๆ ลองเริ่มจากความรู้ที่เรามีก่อน ใช้เงินไม่ต้องเยอะ ซึ่งพอลองแล้วเราจะได้เห็นวิธีการ ได้ลองแก้ไข และในที่สุดก็จะค่อยๆ ต่อยอดไปเอง ผิดหวังก็ไม่เป็นไร ก็แค่เปลี่ยนใหม่เท่านั้นเอง”




   

     “ธุรกิจทุกวันนี้อายุสั้นลงก็จริงอยู่ แต่หากเราสามารถทำธุรกิจให้เปลี่ยนทันโลกได้ อายุของมันก็จะยาวขึ้น ยิ่งปรับตัวได้เก่งเท่าไหร่ โอกาสรอดก็จะมีสูงขึ้น ซึ่งการที่จะทำให้เราปรับตัวให้ทันได้ ให้ลองคิดล่วงหน้าไว้ก่อนว่ายังไงวันหนึ่งมันก็ต้องเปลี่ยน การเปลี่ยนแปลงจะทำให้เรากระตือรือร้น และคอยกระตุ้นตัวเองอยู่ตลอดเวลา


     “การเตรียมตัวที่ดีที่สุด คือ การเตรียมตัวเจอในสิ่งที่ไม่ได้เตรียมตัวมา ความโปร่งใส การยอมเปิดเผยข้อมูลบางอย่างจะทำให้เราทำงานง่ายขึ้น เพราะยุคนี้ข้อมูลไม่ใช่แค่ของเราคนเดียวอีกต่อไปแล้ว ข้อต่อมา คือ เราต้องไม่เหนื่อยที่จะเข้าใจสิ่งใหม่ เพราะยิ่งเปิดรับมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เราปรับตัวได้เร็วขึ้นตามลำดับ และข้อสุดท้ายด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ที่มีเข้ามาบวกกับชุดความคิดใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นของผู้บริโภค ทำให้เราวางแผนงานได้ค่อนข้างยากขึ้น ฉะนั้นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า จึงเป็นสิ่งสำคัญมากในยุคนี้ อยากฝากผู้ประกอบการ SME ทุกคนว่าให้พยายามสนุกกับทุกสิ่งที่เข้ามา ถ้าใจเรามองให้สนุก เราก็จะสนุกกับทุกอย่างที่เข้ามา”















www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี