กระถางเพาะชำย่อยสลายได้ สูตรเด็ดจาก วว. ไอเดียทำเงินจากวัสดุเกษตรเหลือทิ้งรับเทรนด์ BCG

 

     ทุกวันนี้ด้วยวิถีชีวิตรูปแบบใหม่ (New Normal) ไม่ว่าจะเป็นการสั่งซื้อของออนไลน์ สั่งอาหารมาทานที่บ้าน การสวมหน้ากากอนามัย ล้วนเป็นตัวเร่งจำนวนปริมาณขยะทั่วโลกให้เพิ่มมากขึ้น ซ้ำเติมวิกฤตโลกร้อนและ Climate Change ให้รุนแรงยิ่งขึ้น คาดว่าในหลายๆ ประเทศจะกลับมาให้ความสำคัญอย่างจริงจังกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนโดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

      BCG หนึ่งในโมเดลที่กำลังมาแรงในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างยั่งยืน โดยเป็นโมเดลที่มุ่งเน้นการรักษาสิ่งแวดล้อมและสังคมควบคู่ไปกับการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ประกอบด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ซึ่งเป็นโมเดลการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นการรักษาสิ่งแวดล้อมและสังคมควบคู่ไปกับการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ทั้งนี้ ปัจจุบันโมเดล BCG เริ่มถูกนำไปใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รวมถึงประยุกต์ใช้กับภาคธุรกิจในหลายประเทศ

     ศ. (วิจัย) ดร. ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กล่าวว่า  นโยบายเศรษฐกิจ BCG เป็นธงการดำเนินงานของ วว. เพื่อร่วมขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลให้สำเร็จ สามารถตอบโจทย์ แก้ปัญหาของประเทศด้วยองค์ความรู้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี

      ล่าสุดได้ประสบผลสำเร็จในการเพิ่มมูลค่าวัสดุเหลือทิ้งจากภาคการเกษตร นำมาวิจัยพัฒนาเป็นกระถางเพาะชำที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อทดแทนและลดการใช้ถุงเพาะชำที่ทำจากพลาสติก ระบุผลิตภัณฑ์มีความแข็งแรง ทนทาน มีความยืดหยุ่น ทำให้รากพืชสามารถชอนไชออกจากก้นกระถาง/ด้านข้างของกระถางได้ มีความสามารถในการอุ้มน้ำ ระบายความร้อนได้ดี ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช

     ผู้ว่าการ วว. อธิบายเพิ่มว่า นวัตกรรม “กระถางเพาะชำย่อยสลายได้” เป็นหนึ่งในผลงานที่เป็นรูปธรรม ซึ่ง วว. โดย ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมวัสดุ ประสบผลสำเร็จในการเพิ่มมูลค่าวัสดุเหลือทิ้งจากภาคการเกษตร ได้แก่ ใยมะพร้าว แกลบ เปลือกข้าวโพด ฟางข้าว หญ้าเนเปีย เยื่อกล้วย ชานอ้อย ผักตบชวา และไผ่ เป็นต้น นำมาวิจัยและพัฒนาขึ้นรูปเป็นกระถางเพาะชำที่สามารถย่อยสลายได้และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์มีความแข็งแรงและทนทาน มีความยืดหยุ่นที่ดี เพื่อให้รากสามารถชอนไชออกจากก้นกระถางและด้านข้างของกระถางได้เป็นอย่างดี รวมถึงมีความสามารถในการอุ้มน้ำ และระบายความร้อนได้ดี ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช

     “ในการเพาะชำไม้ดอกไม้ประดับรวมถึงพืชอื่นๆ ชาวสวนส่วนใหญ่จะเพาะกล้าไม้ลงในถุงเพาะชำหรือกระถางเพาะชำที่ทำมาจากพลาสติก โดยพลาสติกเหล่านั้นเป็นวัสดุที่ย่อยสลายยาก และเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสภาวะโลกร้อน จึงเป็นโจทย์ที่ วว. นำมาแก้ปัญหาและประสบผลสำเร็จในการพัฒนาเป็นกระถางเพาะชำย่อยสลายได้ ซึ่งถือเป็นการนำองค์ความรู้ ประสบการณ์ มาต่อยอดโดยใช้หลักวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาช่วยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถเข้าใจ เข้าถึงกระบวนการผลิตได้ไม่ยาก และใช้วัตถุดิบที่มีต้นทุนต่ำในการปรับปรุงคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ และเป็นการเพิ่มมูลค่าของเหลือทิ้งทางการเกษตรตามหลักการ BCG” ผู้ว่าการ วว. กล่าว

     ทั้งนี้การผลิต กระถางเพาะชำย่อยสลายได้ นั้นจะใช้วัตถุดิบที่มีต้นทุนต่ำ จากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรมาสับย่อยให้มีขนาดที่เหมาะสมซึ่งขึ้นกับชนิดของพืช ดังนี้  

  • ใยมะพร้าว  ไม่ต้องตัด สามารถใช้แบบยาวๆ ได้ 

 

  • แกลบ นำมาล้างและอบให้แห้ง เปลือกข้าวโพด  ฉีกตามแนวยาวให้มีความกว้างประมาณ 0.5 – 2.0  เซนติเมตร    

 

  • ฟางข้าว  นำมาล้างและอบให้แห้ง  จากนั้นนำไปผสมกับตัวประสานอินทรีย์ในปริมาณที่เหมาะสม  เพื่อช่วยในการยึดเกาะของเยื่อและมีความแข็งแรงหลังการขึ้นรูป

 

  • ในส่วนของพืชที่มีเส้นใยอ่อน เช่น หญ้าเนเปีย/ผักตบชวา/กาบกล้วย นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ และนำไปปั่นละเอียดจนเป็นเยื่อ จากนั้นนำเยื่อที่ได้ไปอัดขึ้นรูป

 

  • ส่วนพืชที่มีโครงสร้างแข็ง เช่น ชานอ้อย/ไผ่/ฟางข้าว  นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ และต้มด้วยโซเดียมไฮดรอกไซต์ (NaOH) หรือ โซดาไฟ จะได้เยื่อที่มีความอ่อนนุ่มขึ้นรูปได้

 

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

‘แตะพี่หมอ’ รองเท้าแตะผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ขยายสาขา ไม่ X แบรนด์ดัง แต่มีลูกค้าอยู่ทั่วโลก

“แตะพี่หมอ” ร้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในโรงงานผลิตเครื่องปรุงรสและน้ำปลา โดยไม่มีหน้าร้านใหญ่โต ไม่โฆษณา แต่กลับดึงดูดนักวิ่ง คนรักสุขภาพ และผู้ที่มีปัญหาเรื่องเท้าจากทั่วโลกให้เดินทางมาหาด้วยเป็น “รองเท้าแตะที่ทำขึ้นมาเฉพาะคนเดียว”

ศัตรูตัวจริงที่ฆ่าธุรกิจที่อยู่มานาน คือ ความเคยชิน และ วิธีคิด ของเจ้าของ

หยุดโทษตลาด คู่แข่ง หรือภาวะเศรษฐกิจ! เพราะศัตรูที่อันตรายที่สุดที่กำลังฆ่าธุรกิจคุณอย่างช้าๆ อาจไม่ใช่เศรษฐกิจ เทคโนโลยีใหม่ๆ แต่เป็นสิ่งที่เคยทำให้คุณรวยในอดีต นั่นคือ "ความเคยชิน" และ "วิธีคิดที่ติดกับดักความสำเร็จ" ของตัวคุณเอง

จาก Street Food ข้างทาง สู่แฟรนไชส์ที่มีมาตรฐาน “ต้มเส้นตีนไก่” เริ่มง่าย คืนทุนไว

จากร้านอาหารเวียดนาม สู่การต่อยอดเมนูสตรีทฟู้ดอย่าง “ต้มเส้นตีนไก่” ให้กลายเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ที่กำลังเติบโต ด้วยการวางเป็นระบบ มาตรฐานครัวกลาง การควบคุมคุณภาพ และโมเดลแฟรนไชส์ที่ลงทุนไม่สูง แต่กลับสร้างผลตอบแทนเร็วเกินคาด