TEXT: วิมาลี วิวัฒนกุลพาณิชย์
เชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นเคยกับ Mr. D.I.Y. เชนร้านค้าปลีกประเภทสินค้าและอุปกรณ์ปรับปรุงบ้าน (home improvement) ที่มีกว่า 400 สาขาในไทยเนื่องจากมีสินค้าหลากหลายหมวดหมู่ให้เลือกในราคาไม่แพง เรียกว่าเป็นร้านค้าปลีกค่อนข้างครบวงจรอีกแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากจนกลายเป็นที่นิยมในหลายประเทศเอเชีย
แต่ทราบหรือไม่ว่าก่อนจะขึ้นแท่นเป็นแบรนด์ธุรกิจที่มีมูลค่า 5,600 ล้านดอลลาร์หรือราว 2 แสนล้านบาทนั้น Mr. D.I.Y. มีจุดเริ่มต้นจากร้านห้องแถวเล็กๆ ในมาเลเซีย วันนี้จะพาไปดูกลยุทธ์อะไรที่พา Mr. D.I.Y. ขยายธุรกิจเกือบ 2,000 สาขาในหลายประเทศ ทำไมสินค้าที่ร้านจึงมีราคาถูกกว่าร้านอื่นจนทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในสโลแกน Always Low Prices “ราคาถูกเสมอ”
ผู้ให้กำเนิด Mr. D.I.Y. คือสองพี่น้องตระกูลตันชาวมาเลเซีย ได้แก่ ตัน หยู เย กับ ตัน หยู เหว่ยซึ่งไม่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจค้าปลีกมาก่อนเนื่องจากคนหนึ่งเป็นวิศวกร อีกคนเป็นนายหน้าค้าหุ้น กระทั่งวันหนึ่งของปี 2005 หยู เยลาออกจากงานโบรกเกอร์แล้วชักชวนหยู เหว่ยเปิดร้านขายเครื่องมือช่าง และสินค้าเกี่ยวกับการปรับปรุงบ้าน ทำเลเป็นห้องแถวคูหาเดียวขนาดเล็กบนถนนตวนกูอับดุลเราะห์มานในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ใช้ชื่อร้าน Mr. D.I.Y.
ธุรกิจได้รับการตอบรับค่อนข้างดี ภายในระยะเวลาเพียงครึ่งปีก็สามารถขยายสาขารวมเป็น 3 ร้าน ธุรกิจเติบโตอย่างช้า ๆ ก่อนจะก้าวกระโดดในปี 2008 เมื่อเจ้าของร้านเปลี่ยนกลยุทธ์จากที่เปิดเป็นร้านเดี่ยว stand alone ก็ไปฝังตัวตามห้างโดยเริ่มที่ห้างอิอออนเป็นสาขาแรก ก่อนขยับขยายไปยังห้างไฮเปอร์มาร์เก็ตอย่างเทสโก้ และไจแอนท์ นับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเพราะเป็นการตอบโจทย์ลูกค้าที่มาเดินห้างนอกจากช้อปปิ้งแล้วก็สามารถแวะซื้อสายไฟ แบตเตอรี่ หรือหลอดไฟได้
ในปี 2014 หลังกระจายสาขาตามห้างต่าง ๆ Mr. D.I.Y. ก็ขยายร้านเป็น 100 แห่ง และอีก 5 ปีต่อมา เพิ่มไปอยู่ที่ 500 สาขา และธุรกิจก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ โดยปัจจุบัน Mr. D.I.Y. มีสาขาในมาเลเซียและบรูไนประมาณ 950 สาขา ส่วนอีก 1,000 สาขาอยู่ในไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
ปลายปี 2020 เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มาเลเซียโดยส่งผลให้บริษัทมีมูลค่าตามราคา 19,000 ล้านริงกิตหรือราว 1.5 แสนล้านบาท ก่อนจะมีการต่อยอดธุรกิจขยายเพิ่มอีก 2 แบรนด์ ได้แก่ Mr. Toy ร้านจำหน่ายของเล่นเด็กราคาย่อมเยา และ Mr. Dollar ร้านค้าปลีกของใช้ในบ้านคอนเซปต์เดียวกับร้านไดโซะ สิ่งที่ทำให้ Mr. D.I.Y. เติบโตอย่างก้าวกระโดดและประสบความสำเร็จในเวลาไม่ถึง 2 ทศวรรษประกอบด้วย 3 ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค ได้แก่
ราคาถูกกว่า ซึ่งเป็นไปตามสโลแกน Always Low Prices สินค้าของ Mr. D.I.Y. จะราคาถูกกว่า 30 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับร้านอื่น เหตุผลที่ทำให้สามารถกำหนดราคาได้ถูกเพราะการซื้อในปริมาณมาก ทำให้มีอำนาจในการต่อรอง Mr. D.I.Y. สั่งสินค้าจากซัพพลายเออร์ในจีนและเอเชียมากกว่า 800 ราย นอกจากนั้น ในการกระจายสินค้าไปยังสาขาต่าง ๆ ทางบริษัทยังใช้ระบบโลจิสติกส์ของตัวเองแทนการจ้างบริษัทอื่นซึ่งทำให้ประหยัดต้นทุนได้มากกว่า
สินค้าหลากหลาย Mr. D.I.Y. มีสินค้ากว่า 10 หมวดหมู่ มากกว่า 18,000 รายการ โดยสินค้าหลัก ๆ เป็นอุปกรณ์ เครื่องมือ ของใช้ในบ้าน สินค้าตกแต่งบ้าน เครื่องเขียน อุปกรณ์กีฬา อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องครัวเรียกว่าค่อนข้างครบครันครบวงจร
สะดวกสบาย เนื่องจากทำเลเกินครึ่งอยู่ตามห้างหรือคอมมูนิตี้มอลล์ แถมสาขาก็มากมายจึงเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า ยอดขายหลักของ Mr. D.I.Y. มาจากลูกค้ามาเลือกซื้อสินค้าที่ร้าน แต่สำหรับผู้เดินทางไม่สะดวก ทางร้านเปิดแพลทฟอร์มออนไลน์เพื่อรับคำสั่งซื้อทางออนไลน์เช่นกัน และยังมีบริการ Click-and-Collect ที่ลูกค้าสั่งซื้อทางออนไลน์แล้วไปรับสินค้าที่สาขาใดก็ได้
Mr. D.I.Y. เป็นอีกตัวอย่างของผู้ประกอบการรายย่อยที่ประสบความสำเร็จ แม้จะเริ่มต้นจากร้านห้องแถวแต่วิสัยทัศน์และสามารถตอบโจทย์ของผู้บริโภคได้ถูกต้องว่าต้องการสินค้าเกี่ยวกับบ้านคุณภาพดีในราคาที่เอื้อมถึงก็ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กสามารถผงาดเป็นอาณาจักรขนาดใหญ่ที่มีมูลค่า 5,600 ล้านดอลลาร์ ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดของมาเลเซีย และทำให้สองพี่น้องตระกูลตัน ผู้ก่อตั้งบริษัทมีรายชื่อในทำเนียบมหาเศรษฐีของนิตยสารฟอร์บส์
Source:
https://macro-ops.com/mr-diy-how-two-brothers-turned-one-store-into-a-5b-empire/
https://vulcanpost.com/719677/mr-diy-history-malaysia-home-improvement/
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
