เจาะแนวคิดนักธุรกิจวัยเก๋า ป้าพิม - เพลินพิศ เรียนเมฆ เจ้าของ Mother Roaster บริหารคาเฟ่เติบโตมาได้ครึ่งทศวรรษ

TEXT : นิตยา สุเรียมมา

PHOTO : สุนันท์ ล้อสมทรัพย์

 

Main Idea

  • การย่างเข้าสู่วัยเกษียณ สำหรับหลายคนอาจมองว่า ชีวิตกำลังจะจบลง แต่สำหรับ ป้าพิม - เพลินพิศ เรียนเมฆ บาริสต้าวัย 70 ปี เจ้าของร้าน Mother Roaster กลับคิดว่า “ชีวิตกำลังเริ่มต้นขึ้น” ต่างหาก

 

  • “วัยเกษียณ คือ วัยที่คุณมีอิสระปลอดจากภาระรับผิดชอบทุกอย่างแล้ว การอยู่ในวัยเกษียณไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างกำลังจะจบลง แต่มันเพิ่งเริ่มต้นขึ้นต่างหาก”

 

  • มาติดตามแง่คิดดีๆ ในการใช้ชีวิต และการทำงานจากป้าพิมกัน

 

 

   ถ้าวันนี้อายุ 70 ปี คุณจะทำอะไร?

     เดินทางท่องเที่ยวทั่วประเทศ, อยู่บ้านดูแลลูกหลาน หรือเปิดร้านทำธุรกิจเล็กๆ ของตัวเองขึ้นมาสักอย่างหนึ่ง

     แต่สำหรับ ป้าพิม - เพลินพิศ เรียนเมฆ คงไม่ต้องบอกว่าเธอเลือกอะไร เพราะวันนี้ไม่มีใครไม่รู้จักเธออย่างแน่นอน โดยเฉพาะคอกาแฟกับการเป็นเจ้าของแบรนด์และร้านกาแฟที่ชื่อ “Mother Roaster(MR.) หรือ “มาเธอร์ โรสเตอร์” (มร.) ที่มีความหมายตรงตัวว่า “แม่คั่ว” ธุรกิจร้านกาแฟเล็กๆ ที่เติบโตมากว่า 5 ปี ปัจจุบันขยายสาขาออกไปมากกว่า 4 แห่ง  และมีแพลนที่จะขยายเพิ่มขึ้นอีกตามเวลาและโอกาสที่เหมาะสม

     ในวันนี้เราคงไม่ได้มาเล่าถึงจุดเริ่มต้นของธุรกิจ เพราะคิดว่าทุกคนก็คงรู้กันดีอยู่แล้วว่าที่มานั้นเริ่มต้นมาจากแนวคิดที่อยากหาอะไรทำในวัยเกษียณ จึงได้นำการชงกาแฟ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทำกันเป็นประจำของครอบครัว ออกมาถ่ายทอดให้คนภายนอกได้รู้จัก เผื่อจะมีใครชอบเหมือนอย่างตัวเองบ้าง

     แต่วันนี้เราอยากอัปเดตให้เห็นมากกว่าว่า 5 ปีผ่านไป จากธุรกิจที่ตั้งใจทำในวัยเกษียณวันนี้ได้เติบโตเป็นยังไง รวมถึงอยากฝากเป็นแง่คิดเอาไว้ว่าถ้าวันหนึ่งหากมีอายุ 70 ปี คุณจะคิดวางแผนชีวิต และการทำงานอย่างไร จริงๆ แล้ว นั่นคือ ช่วงบั้นปลายของชีวิต หรือชีวิตคุณเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นกันแน่!

           

Q : ตอนนี้ Mother Roaster มีทั้งหมดกี่สาขา และแต่ละที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นอย่างไร

     ถ้าไม่นับสาขาแรกที่เริ่มต้นที่ปิดไปแล้ว ตอนนี้ Mother Roaster เรามีทั้งหมด 4 สาขา ได้แก่ สาขาตลาดน้อย, สาขาประตูผี, สาขาสุทธิสาร เพิ่งเปิดตัวได้สองเดือนก่อน และล่าสุดเพิ่งเปิดไปเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คือ โครงการดาดฟ้า ลาซาล 33 แต่ละที่มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเราจะปรับไปตามความเหมาะสมตามเหตุปัจจัยที่มี เริ่มจากสาขาตลาดน้อยเครื่องกาแฟที่ใช้ชงจะเป็นเครื่องแบบแมนนวลทั้งหมด สืบเนื่องมาจากสาขาแรกที่คนรู้จักเราก็เพราะการใช้เครื่องแบบแมนนวล เช่น เครื่อง Rok ตอนนี้ให้ลูกชาย 2 คนดูแลอยู่

     ต่อมา คือ สาขาประตูผี ซึ่งเราประจำอยู่ จุดเริ่มต้นตอนแรก คือ เราตั้งใจที่จะเปิดขึ้นมาเพื่อให้เพื่อนๆ สูงวัยที่มาเรียนเวิร์กช้อปทำกาแฟกับเรา ซึ่งเริ่มโครงการมาตั้งแต่สาขาแรก ได้มาต่อยอดทดลองทำงานจริงตามที่เรียนไป ซึ่งเป็นสาขาเดียวที่เราใช้ชื่อร้านเป็นภาษาไทย แต่พอโควิดมา มีช่วงต้องปิดร้านบ่อยขึ้น ก็เลยไม่ได้มาทำต่อเนื่อง จนตอนนี้เลยเหลือแค่เราคนเดียว ถ้าต้องมาชงหลายอย่างก็ทำไม่ทัน ตอนนี้เลยเหลือแค่ชงดริป เป็นเมนูกาแฟดำอย่างเดียว

     ส่วนสาขาที่สุทธิสารจะเป็นสไตล์โมเดิร์นขึ้นมาหน่อย แต่มีความโฮมมี่เหมือนไปดื่มกาแฟที่บ้านเพื่อน แต่ที่นั่นจะใช้เครื่องออโต้ เพราะเป็นของลูกชายอีกคน ซึ่งทำกับภรรยาแค่สองคน และต้องเลี้ยงลูกเล็กไปด้วย และสาขาล่าสุดที่ 4 ตอนนี้จะเป็นลักษณะของร้านกาแฟในร้านหนังสือ โดยจับมือร่วมกับนิตยสาร Happening ซึ่งเปิดเป็นร้านหนังสืออยู่แล้ว เป็นอีกหนึ่งรูปแบบร้านในใฝ่ฝันที่เราอยากทำ ซึ่งสาขานี้เราจะนำบาริสต้าที่เป็นผู้สูงวัยกลับมาทำอีกครั้งหนึ่ง

Q : จากความตั้งใจแรกที่คิดว่าอยากเปิดร้านเล็กๆ หาอะไรทำในวัยเกษียณ จนวันนี้เติบโตมีหลายสาขา เคยคิดมาก่อนไหมว่าภาพจะออกมาเป็นแบบนี้

     ไม่เลย เราไม่เคยคาดหวัง ไม่ได้เอาเรื่องธุรกิจเป็นตัวตั้งว่าจะต้องเติบโตเท่าไหร่ หรือขยายสาขาให้ได้เยอะๆ ทุกอย่างมันมาเองตามเวลาและโอกาสที่เหมาะสมเหมือนที่เล่าไป ถ้าจะเป็นธุรกิจ ก็คือ ธุรกิจของครอบครัวที่ช่วยกันทำด้วยกัน โดยมีเรา ซึ่งเป็นแม่เป็นจุดศูนย์กลาง ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มมาจากตัวเราก่อน และมีลูกๆ เข้ามาช่วย ไม่ใช่ว่าแม่เป็นตุ๊กตา และลูกคอยเชิดอยู่ข้างหลัง เราจะเป็นคนคอยออกแอคชั่นตามความหมายของชื่อร้านเลย คือ Mother Roaster ที่แปลว่า “แม่คั่ว”

     เวลาได้เมล็ดกาแฟมาใหม่ เราจะมาคุยกันก่อนว่าจะคั่วออกมาให้เป็นแบบไหน กาแฟตัวไหนใครชอบ ไม่ชอบอะไร เราจะเบรนด์สตรอมกันทุกเรื่อง และค่อยเอามาสรุปรวมกัน เพราะปกติเวลามีเรื่องอะไรที่บ้านเราก็จะคุยกันอยู่แล้วทุกเรื่อง เพราะเราเองเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ต้องเลี้ยงลูกชายทั้งหมด 4 คนมาคนเดียว ฉะนั้นมีอะไรก็จะปรึกษากันตลอด การทำร้านจึงเป็นเหมือนกิจกรรมที่ทำร่วมกันอย่างหนึ่งของครอบครัวด้วย ฉะนั้นจึงเป็นหนึ่งในเหตุผลว่าทำไมเราจึงเปิดสาขาเยอะ และในร้านของเราจึงมีเมล็ดให้เลือกที่หลากหลาย ก็เพราะมาจากความชอบของแต่ละคนในครอบครัว

Q : ขอย้อนถามเรื่องเวิร์กช้อปสอนชงกาแฟฟรีสำหรับผู้สูงอายุหน่อย เพราะอะไรถึงสนใจทำขึ้นมา

     จุดประสงค์เลย คือ เราอยากช่วยเพื่อนร่วมรุ่นที่เป็นคนวัยเดียวกัน ให้เขาได้มีโอกาสทดลองทำสิ่งที่อยากทำ อีกอย่างที่สำคัญที่เขาจะได้กลับไปนอกจากความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเมล็ดกาแฟ การชงกาแฟแล้ว อีกสิ่งที่เขาจะได้ ก็คือ การฝึกให้มาสมาธิอยู่กับตัวเอง เราเข้าใจดีว่าคนในวัยนี้ คือ 60-70 ขึ้นไป เขาจะมีอารมณ์ที่ไม่แน่นอน มีน้อยใจ เสียใจ โกรธ ไม่ชอบใจ ติฉินนินทา มีทุกอย่าง เพราะเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล แต่พอเขาได้ลองดริปกาแฟ ได้จดจ่ออยู่กับมันแค่ 3 นาทีสั้นๆ ค่อยๆ ฝึก ค่อยๆ ทำทุกวันจะทำให้เขามีสติมากขึ้น ได้อยู่กับตัวเอง เวลาเจอกับปัญหาอะไร เขาจะเดินออกมาก่อน เพื่อหยุดพัก

     และอีกสิ่งหนึ่งที่เราตั้งใจมาก ก็คือ เพื่อทำให้พวกเขาไม่กลับไปกินกาแฟที่ใส่อะไรหลายๆ เช่น น้ำตาล, คอฟฟี่เมต เพื่อจะได้มีชีวิตยืนยาว มีสุขภาพแข็งแรง

Q : ทุกวันนี้มีหลักการทำงานและการใช้ชีวิตอย่างไร

     เราโชคดีที่เป็นคนเลือกทำในสิ่งที่ชอบมาตลอด ตั้งแต่ทำโรงพิมพ์ ทำหนังสือ จนทำร้านกาแฟ เราก็ทำออกมาจากสิ่งที่ชอบ อย่างร้านที่สาขาประตูผีที่ทุกวันนี้ดูแลด้วยตัวเอง พอเราต้องอยู่คนเดียว ถ้าทำหลายอย่างก็คงไม่ไหว เราก็เลยปรับให้เหมาะกับตัวเอง เปลี่ยนทำแค่ดริปอย่างเดียว มีเมนูกาแฟดำอย่างเดียว เพื่อให้ไม่เหนื่อยเกินไป ลูกค้าบางคนเข้ามาอยากกินลาเต้ โกโก้ เราก็แนะนำเขาว่าให้ไปร้านแถวนี้ได้ เพราะร้านเราไม่มี ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาก็น่ารัก เขาเข้าใจเรา เราอายุเยอะแล้ว จะทำอะไรก็ต้องดูตัวเองด้วยว่าไหวแค่ไหน อย่าคว้าทุกอย่างไว้หมด ไม่งั้นความสุขจะไม่เกิด

     มีบางช่วงเหมือนกันนะที่เหนื่อยมากจนไม่อยากเปิดร้าน แต่พอได้ลงมาดริปกาแฟกินเองตอนเช้า มันก็หายไป รู้เลยว่า นี่คือ สิ่งที่เราแสวงหา คือ ความสุขจริงๆ ของเรา ในทุกๆ วันตื่นเช้ามา เราก็จะออกไปเดินที่สวนสาธารณะใกล้ๆ ก่อน กลับมาก็ดริปกาแฟกิน อาบน้ำแต่งตัวเตรียมเปิดร้าน เราจะหยุดอาทิตย์ละ 2 วัน คือ จันทร์กับอังคาร วันหนึ่งเราจะพักผ่อนให้เต็มที่เลย นอนดูซีรีส์เรื่องนั้นเรื่องนี้ อีกวันก็จะทำงานที่ตัวเองชอบ เช่น เขียนหนังสือ ไปช้อปปิ้ง ไปร้านกาแฟร้านอื่นบ้าง ดูว่าเขาทำกันยังไง มีอะไรใหม่ๆ เอามาปรับใช้กับเราได้ไหม เราไม่ได้คิดว่าเขาเป็นคู่แข่ง แต่คือ เพื่อนร่วมอาชีพ

Q : จากที่ฟังมาดูชีวิตคุณมีอิสระ อยากทำอะไรก็ทำ เหมือนเพิ่งเริ่มต้นใหม่

     ใช่ค่ะ วัยเกษียณ คือ วัยที่คุณมีอิสระปลอดจากภาระรับผิดชอบทุกอย่างแล้ว การอยู่ในวัยเกษียณไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างกำลังจะจบลง แต่มันเพิ่งเริ่มต้นขึ้นต่างหาก คุณสามารถทำอะไรได้อีกเยอะเลย เวลาเป็นของคุณแล้ว เราต้องปล่อยวางความห่วง หันมาดูแลตัวเอง มาทำสิ่งที่อยากทำ เพราะก็ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เราเองจะตื่นขึ้นมาไหม เราไม่เคยคิดนะว่าอายุ 70 แล้วควรอยู่นิ่งๆ เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรแล้ว จะทำแบบนั้นทำไม ในเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ก็ทำต่อไปสิ

 

Q : มีภาพในหัว หรือความฝันอะไรอย่างอื่นที่อยากทำอีกไหม

     ก็มีเรื่อยๆ นะ เราเป็นคนชอบคิดอะไรเยอะแยะไปหมด คิดในสิ่งที่เป็นไปได้นะ แต่ไม่ได้เป็นคนคิดมากนะ ไม่ได้คาดหวังกับอะไร ในทุกๆ วันเราจะจดบันทึกเอาไว้ถึงสิ่งที่อยากทำ เช่น เดี๋ยวพรุ่งนี้จะต้องทำอะไรบ้าง ติดต่อใครบ้าง หรือมีภาพในหัวว่ายังอยากทำอะไรอีก เราก็จะจดเอาไว้ เราจะแพลนทุกอย่างเอาไว้หมด ก็เหมือนเป็นการทำมรดกเอาไว้ อย่างน้อยถ้าพรุ่งนี้เราไม่ตื่นขึ้นมา ลูกมาดูเขาก็สามารถรันต่อไปได้ ถึงเราจะคิดว่ายังทำอะไรได้อีกเยอะ แต่เราอายุเยอะแล้ว 70-79 เป็นวัยที่อันตรายมาก ชีวิตก็ไม่แน่นอน ฉะนั้นอะไรที่ทำไว้ได้ ก็ทำไว้เลยดีกว่า  

Q : อยากให้ฝากอะไรถึงเพื่อนในวัยเกษียณหน่อย

     1. อยากให้ลองค้นหาตัวเองให้เจอก่อนว่าชอบอะไร หรือมีอะไรที่อยากลองทำอีก แต่เวลามีน้อย ฉะนั้นค้นให้เจอเร็วๆ และลงมือทำซะ 2. อย่าลงทุนเยอะ อย่าเอาเงินเก็บทั้งก้อนของชีวิตออกมาลงทุน เพราะเราไม่รู้เลยว่าสถานการณ์ตอนนี้จะเป็นยังไง และเราก็อายุเยอะแล้ว ฉะนั้นเอาแต่พอดี ลองเริ่มทำจากเล็กๆ ไปก่อน และ 3. ข้อสุดท้ายที่อยากฝากไว้ คือ อย่าหยุดหาความรู้ เพราะการที่เรารู้อะไรเยอะจะทำให้เรามีสังคม คุยกับใครก็รู้เรื่อง ทุกอย่างเป็นความรู้ได้หมด แม้แต่การดูซีรีส์ก็ตาม

Q : คำถามสุดท้าย ถ้าให้เต็ม 10 ความสุขของคุณตอนนี้ คือ เท่าไหร่

     ให้เต็มร้อยเลยค่ะ อาจจะเกินร้อยด้วยซ้ำ ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่มุมมองของเรา ถ้าเราสามารถมองทุกอย่างให้เป็นกลางได้ ใจเราก็จะสบาย แต่ถ้าเรามองข้างลบ ทุกอย่างก็จะเป็นลบอยู่อย่างนั้น แต่ถ้าเราเป็นคนมีความสุข ถึงจะเป็นเรื่องเล็กๆ  น้อยๆ มันก็มีความสุขได้ ทุกสิ่งทุกอย่างมาจากตัวเราทั้งนั้น ทั้งมุมมอง ความคิด อาหารการกิน เราทำอย่างไร ก็ได้อย่างนั้น

Mother Roaster Pratu Phi

https://web.facebook.com/motherroasterghostgate

โทร. 089 488 0112

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

ทำธุรกิจซัก-รีด ยังไงให้มีรายได้สาขาละแสน ล้วงความลับกับเจ้าของแบรนด์ ตั้งใจซัก

หนึ่งในธุรกิจที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “เสือนอนกิน” นั้นต้องมีธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญติดในลิสต์เป็นอันดับต้นๆ ทำให้ธุรกิจนี้เติบโตเป็นพิเศษโดยเฉพาะในช่วงโควิดที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการที่สนใจเปิดธุรกิจนี้มากมาย แต่ถึงแม้จะเป็นธุรกิจเสือนอนกิน ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเสือที่ได้กินธุรกิจนี้ง่ายๆ

Erabica Coffee ผู้ปักหมุด กาแฟน่าน ให้เป็นที่รู้จักระดับประเทศ

นี่คือสองสามีภรรยา ที่อยากมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่น่าน คิดสร้างแบรนด์กาแฟของตัวเองขึ้นมาในชื่อ Erabica (เอราบิก้า) กลายเป็นการยกระดับกาแฟน่านเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น

HEH ร้านอาหารย่านภูเก็ต เชฟใช้เวลาในครัวให้เหมือนอยู่ในสนามแข่ง ไม่อยากเป็นแค่ Just Another Restaurant

“HEH (เห)” ร้านอาหารสไตล์  Australian Contemporary กลางเมืองภูเก็ต สร้างเมนูอาหารให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะไม่อยากเป็นเพียง แค่ร้านอาหารร้านหนึ่ง