บ้านๆ น่านๆ ตำนานที่พัก+ห้องสมุด รายแรกของไทย ใช้สิ่งที่รักต่อยอดธุรกิจโตกว่าทศวรรษ

TEXT : Neung Cch.

Photo: Banban Nannan library and guest home

     “เป็นความตั้งใจนะ การทำห้องสมุดแบบเดิมๆ อยู่ไม่ได้แล้ว เพราะความรู้ ความบันเทิง ความรื่นรมย์ไม่ได้อยู่แค่ในหนังสือ แต่มันอยู่ในชีวิตเราทุกรูปแบบ” ชโลมใจ ชยพันธนาการ หรือ ครูต้อม อดีตครูสอนวิชาภาษาไทยผันตัวมาเป็นเจ้าของที่พัก “บ้านๆ น่านๆ” ที่มีจุดขายคือมีห้องสมุดไว้สำหรับหนอนหนังสือเป็นรายแรกของไทย

     ผ่านลม ผ่านฝน ผ่านหนาว มา 11 ปี เสน่ห์ของที่พักเงียบสงบแห่งนี้ยังได้รับการตอบรับอย่างดีจากหนอนหนังสือไม่ใช่แค่ในสยามเท่านั้น กลายเป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยวจากยุโรปโดยเฉพาะชาวฝรั่งเศสอีกด้วย

     การต่อยอดสิ่งที่รักให้เป็นธุรกิจได้ยาวนานกว่าทศวรรษต้องทำยังไง?

     ลองไปดูไอเดียและประสบการณ์จาก ครูต้อม เจ้าของที่พักๆ บ้านๆ น่านๆ ที่สามารถต่อยอดจากสิ่งที่รักซึ่งไม่ได้มีเพียงที่พักและห้องสมุดเท่านั้น

ทัศนคติ กำหนด ธุรกิจ

     แม้จะไม่ใช่นักธุรกิจในสายเลือดแต่ในความคิดครูต้อมนั้นเธอมองว่า ธุรกิจจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นกับทัศนคติของเจ้าของกิจการ ยกตัวอย่างในการรออกแบบที่พักของบ้านๆ น่านๆ นั้นเธอมีคอนเซปต์ชัดเจนว่าต้องเป็นที่พักที่ก่อสร้างจากไม้ ที่มีบรรยากาศร่มรื่นมีหนังสือให้ได้นั่งอ่านพร้อมกลิ่นหอมของกาแฟ

     “ต้องการให้ธุรกิจเป็นแบบไหนเราเป็นคนเลือกได้ว่าอยากให้แมสหรือเน้นเฉพาะกลุ่ม หรือรสนิยม ความลุ่มลึกของตัวเรา สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนมีผลและจะเป็นตัวบอกว่าจะต้องดำเนินธุรกิจอย่างไร อย่างครูชอบบ้านไม้บรรยากาศแบบมีหนังสือให้อ่าน เราเลือกทำในสิ่งที่เราชอบ ถ้ามีใครชอบในสิ่งที่เราทำเหมือนกันเขาก็คงเลือกมาพักที่เรา”

     ครูต้อมเล่าว่าการสร้างที่พักที่มีห้องสมุดนั้นเป็นความตั้งใจตั้งแต่แรก เพราะตัวเธอชอบอ่านหนังสือ เลยอยากทำให้พี่พักแห่งนี้เป็นห้องสมุด

     “เราไม่อยากได้หนังสือธรรมมะ หนังสือ how to ซึ่งมีกันเยอะหาอ่านได้ทั่วไป อีกอย่างพื้นที่เรามีจำกัด ไม่อยากให้หนังสือเหมือนท้องตลาด เปิดให้คนทั่วไปเข้ามาอ่านฟรี ถ้าจะยืมไปอ่านต้องเป็นสมาชิก จะคิดค่าสมาชิกเฉพาะคนที่เรียนจบม. 6 ไปแล้ว ค่าสมาชิก 100 บาทตลอดชีพ”

ต่อยอดเพิ่มกิจกรรม เพิ่มมูลค่าจากสิ่งที่มี

     ด้วยพื้นเพที่เป็นครูสายกิจกรรม เมื่อมาทำธุรกิจครูต้อมจึงเกิดไอเดียมากมายที่จะต่อยอดจากสิ่งที่ชอบคือ หนังสือ เช่น การจัดเทศกาล ‘Nan Poesie’ ที่เธอได้ร่วมมือกับ วรพจน์ พันธุ์พงศ์ นักเขียนที่คร่ำหวอดในวงการสื่อมวลชน เชิญศิลปินมาอ่านบทกวี มีการเล่นดนตรี แสดงภาพวาด วงเสวนา นอกจากนี้ยังมีการจัดค่ายวรรณกรรม เชิญนักเขียนมาเป็นวิทยากร งานฉายหนัง การให้เช่าสถานที่เป็นที่ทำเวิร์กชอปกิจกรรมต่างๆ เช่น ทำดอกไม้ ฯลฯ