"Samarn craft" คราฟต์เบียร์ชาไทยรายแรกที่เตรียมตีตลาดจีน

Photo: Samarn craft


     Samarn Craft แบรนด์คราฟต์เบียร์ชาไทยกำลังจะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการคราฟต์เบียร์ไทย ที่ไม่เพียงเป็นเบียร์ถูกกฎหมาย แต่ เจ็น-ชาญชัย รัศมี เจ้าของแบรนด์ Samarn craft ยังมีเป้าหมายที่จะพาคราฟต์เบียร์ชาไทยตัวนี้ไปตีตลาดจีน เพื่อทำให้โลกรู้ว่าเมืองไทย คนไทยมีฝีมือในการทำคราฟต์เบียร์ พร้อมกับตั้งความหวังไว้ว่าอยากให้ธุรกิจนี้เป็นอีกหนึ่งธุรกิจเล็กๆ ที่จะนำเงินตราเข้าในประเทศไทย

     แม้ทางเดินนี้จะไม่ง่ายดายแต่เขาก็สามารถฝ่าฟันจนเรียกว่าฝันกำลังจะกลายเป็นจริง ตั้งแต่การคว้ารางวัลในเวทีระดับประเทศและระดับเอเชีย และกำลังร่วมมือกับอินฟลูเอ็นเซอร์เมืองจีนที่จะพาคราฟต์เบียร์ไทยไปเฉิดฉายในแดนมังกรช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้

จากช่างรับเหมาสู่ผู้ประกอบการเบียร์คราฟต์

     แม้จะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่ชาญชัย พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความคิดสร้างสรรค์และความกล้าที่จะลองสิ่งใหม่ สามารถเปลี่ยนชีวิตและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่กลายเป็นธุรกิจที่น่าสนใจได้ เหมือนที่เขาหันไปสนใจการผลิตคราฟต์เบียร์และไปเรียนที่โคราช

     ส่วนสาเหตุที่เขาเลือกชาไทยมาทำเบียร์นั้น เจ้าของแบรนด์ Samarn Craft ให้เหตุผลว่า เพราะชาไทยเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก แม้แต่ TasteAtlas เว็บไซต์ที่รวบรวมบทความและข้อมูลอาหารยอดนิยมทั่วโลกยังจัดให้ชาไทยเป็นเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์อันดับที่ 7 ที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2023

     “ด้วยความที่ชาไทยเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ชาวต่างชาติคุ้นเคยกับรสชาติอยู่แล้ว ทำให้เราเล็งเห็นโอกาสในการนำเสนอเบียร์ชาไทยสู่ตลาดต่างประเทศ เราก็เลยคิดพัฒนาสูตรขึ้นมา”

เบียร์เป็นวิทยาศาสตร์ ไม่มีคำว่ารสมือ

     นอกจากการเลือกชาไทยมาเป็นวัตถุดิบที่ช่วยสร้างความแตกต่างให้แบรนด์แล้ว สิ่งที่ทำให้แบรนด์ Samarn Craft เติบโตได้รวดเร็วคือ ความละเอียดและการใส่ใจในกระบวนการผลิต เพื่อให้ได้เบียร์ที่มีคุณภาพและรสชาติคงที่ จนสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศของประเทศไทยประเภท Hazy IPA รายการ East Coast Home Brew Competition 2024 และได้รับรางวัลชมเชยในการประกวดระดับเอเชียที่สิงคโปร์

     “เพราะว่าเบียร์เป็นวิทยาศาสตร์ เบียร์ไม่มีคำว่ารสมือครับ ฉะนั้นต้องเอาวิทยาศาสตร์มาช่วยควบคุมการผลิต ผมนำความรู้ที่สั่งสมมาจากการทำงานในโรงเบียร์ มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาสูตรเบียร์อย่างเป็นระบบ การทดลองแต่ละครั้งเปรียบเสมือนการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ผมต้องควบคุมปัจจัยต่างๆ อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นชนิดของชา อุณหภูมิในการหมัก หรือระยะเวลาในการบ่ม ผมใช้เวลาถึง 7 เดือน ต้องผ่านการหมักและปรับปรุงสูตรมากกว่า 100 ครั้ง เพื่อให้ได้รสชาติที่ลงตัวที่สุด”

ถูกปาก ถูกใจ และต้องถูกกฎหมาย

     แม้จะได้รับกระแสตอบรับที่ดี แต่การก้าวเข้าสู่วงการเบียร์คราฟต์ในประเทศไทยก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนัก กฎหมายที่ค่อนข้างเข้มงวดทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กๆ ต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายในการผลิตและจำหน่ายเบียร์ในปริมาณมาก การจะขยายตลาดไปยังต่างประเทศก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่เจ้าของแบรนด์ Samarn Craft ก็ไม่ลดละความพยายามที่เอาชนะอุปสรรคเหล่านี้

     เมื่อได้สูตรเบียร์ที่พอใจแล้วก็เริ่มทำตลาด ไปจำหน่ายในงานอีเวนต์ต่างๆ และช่องทางออนไลน์ ผลตอบรับจากผู้บริโภคเป็นไปอย่างดีเกินคาด ทำให้เขาตัดสินใจผลิตเบียร์ชาไทยในปริมาณมากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด และที่สำคัญคือการขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง

     “ตอนนี้เรามีคราฟต์เบียร์ชาไทยถูกกฎหมายเป็นตัวแรก เนื่องจากกฎหมายบ้านเรายังเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย ปัจจุบันมีเพียงสองทางเลือกหลักสำหรับการผลิตเบียร์บรรจุกระป๋องจำหน่ายในไทย คือ การจ้างผลิตที่โรงงานขนาดใหญ่ ซึ่งมีข้อจำกัดด้านปริมาณและสูตรเฉพาะ หรือการผลิตที่ต่างประเทศแล้วนำเข้า ซึ่งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูง

     สำหรับรูปแบบ Brewpub นั้น แม้จะเป็นที่นิยม แต่กฎหมายไทยจำกัดให้จำหน่ายเบียร์ได้ภายในร้านอาหารเท่านั้น ทำให้ขาดโอกาสในการขยายตลาดและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น ผู้ประกอบการหลายรายที่มีใจรักในงานคราฟต์เบียร์ แต่อาจขาดทักษะในการบริหารร้านอาหาร รวมทั้งปัญหาค่าเช่าสถานที่และการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเฉพาะพื้นที่ ยิ่งเป็นอุปสรรคที่ทวีคูณสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องการสร้างแบรนด์ของตนเองในตลาดที่แข่งขันสูง

     “ในขณะที่การก่อตั้งโรงงานผลิตเบียร์จำเป็นต้องมีทุนจดทะเบียนจำนวนมาก ซึ่งอาจสูงถึง 500 ล้านบาท ทุกวันนี้ยังต้องจ้างเขาผลิตให้อยู่ อีกทั้งภายใต้กฎหมายปัจจุบัน การผลิตเบียร์ในรูปแบบ Homebrew มีข้อจำกัดที่เข้มงวด โดยกำหนดปริมาณการผลิตไว้เพียงปีละ 200 ลิตรเท่านั้น ซึ่งเหมาะสำหรับการผลิตเพื่อบริโภคภายในครัวเรือนมากกว่าการผลิตเพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์”

เน้นกระป๋องมากกว่าขวด

     นอกจากการผลิตที่เน้นคุณภาพแล้ว ชาญชัย ยังมองไปถึงวิธีการเข้าถึงผู้บริโภค จึงตัดสินใจลงทุนผลิตเบียร์ล็อตแรกจำนวน 5,000 ลิตร เพื่อให้สามารถบรรจุในกระป๋อง เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยของผู้บริโภคยุคใหม่ การเลือกบรรจุภัณฑ์กระป๋องไม่เพียงแต่สะดวกต่อการพกพาและบริโภค แต่ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดูพรีเมียมและโดดเด่นให้กับแบรนด์

     “เบียร์กระป๋องตอบโจทย์ผู้บริโภคไทยได้ดีกว่าแบบขวด เพราะนอกจากจะดูทันสมัยแล้ว ยังง่ายต่อการขนส่งและจัดเก็บ อีกทั้งยังสามารถนำไปใช้ในการทำโปรโมชั่นต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย” ชาญชัยกล่าว

     แม้ว่าช่วงเข้าพรรษาและหน้าฝนจะเป็นช่วงที่ตลาดเบียร์โดยทั่วไปมักซบเซา แต่ยอดขายของเบียร์ชาไทยกลับเติบโตอย่างก้าวกระโดดเกินคาด โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ชื่นชอบเบียร์คราฟต์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากกระแสตอบรับที่ล้นหลามบนโซเชียลมีเดีย สะท้อนให้เห็นจากยอดกดไลค์และแชร์ที่สูงมากในเพจประชาชนเบียร์

     “ตอนเขาโพสต์เบียร์เรามียอดวิวบนทวิตเตอร์เกือบล้านครั้ง ยอดกดไลก์บนเฟซบุ๊กกว่า 6 หมื่นครั้ง และยอดแชร์กว่า 6 พันครั้ง เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ยอดกดกดไลก์บนเฟซบุ๊กเฉลี่ยอยู่ที่ 3 พัน และการได้รับรางวัลต่างๆ ก็ยิ่งตอกย้ำความสำเร็จและช่วยเพิ่มยอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง”

เปิดประตูสู่แดนมังกร

     แม้จะประสบความสำเร็จเกินคาดในตลาดภายในประเทศ แต่ชาญชัยยังคงมุ่งมั่นที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดและขยายตลาดเบียร์ชาไทยสู่ระดับสากล โดยเฉพาะตลาดจีน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่เริ่มต้น

     “ถือว่าโตได้เร็วแบบก้าวกระโดด แต่ถ้าถามว่าถึงจุดที่ตั้งใจไว้หรือยังก็ยังคับ เพราะว่าเป้าหมายเราคือส่งออก อยากผลิตให้คนต่างชาติรู้ว่าคนไทยทำเบียร์ได้ดีนะ”

      จากเป้าหมายนั้นเขาก็พยายามที่จะปลุกกระแสคราฟต์เบียร์ในไทยด้วยการเปิดคลาสสอนการทำคราฟต์เบียร์ฟรี ซึ่งถึงปัจจุบันมีลูกศิษย์ประมาณ 300 คน

     “ผมเปิดสอนคราฟต์เบียร์ฟรีทำให้ได้เจอคนหลากหลาย ได้ไปเจอลูกศิษย์คนหนึ่งที่เขารู้จักอินฟลูเอ็นเซอร์ของจีนที่มียอดผู้ติดตามประมาณ 3 ล้านคนจะมาช่วยไลฟ์ขายเบียร์ให้ผม โดยที่ไม่คิดค่าใช้จ่ายผมด้วย" ชาญชัย กล่าวทิ้งท้าย

     ข้อมูลติดต่อ

     Facebook: Samarn Craft

     โทรศัพท์: 084 140 1063

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

ชีววิถี จากปฏิวัติสมุนไพรไทยด้วยนวัตกรรม สู่การทำ ESG โมเดลพาธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน 

ไม่มีเส้นทางไหนโรยด้วยกลีบกุหลาบ เช่นเดียวกับสมุนไพรไทย “ชีววิถี” ที่เริ่มต้นจากการมองเห็นของดีในท้องถิ่นของอรประภา พรมรังฤทธิ์ จึงเอาน้ำมันมะพร้าวมาเป็นส่วนผสมหลักของผลิตภัณฑ์ความงาม จากธุรกิจครัวเรือนเล็กๆ ถูกต่อยอดด้วยนวัตกรรม จนส่งออกไปขายทั่วโลก

5 นักแสดงที่เปิดร้านอาหาร คาเฟ่ สุดปัง

นอกจากจะเป็นนักแสดงมากฝีมือแล้ว เมื่อหันมาทำธุรกิจ ก็เป็นผู้ประกอบการที่มากความสามารถไม่แพ้กัน และนี่คือ 5 นักแสดงที่ทำธุรกิจร้านอาหาร-ร้านขนมจนดัง ​

ไม่สายเกินไป! อดีตพนักงานธนาคารวัย 73 ปี เริ่มต้นธุรกิจแฟชั่น DGA Threads หลังจากเกษียณอายุ

แม้ในวันนี้เขาจะมีอายุกว่า 70 ปีแล้ว แต่ Pino ก็ยังบริหาร DGA Threads แบรนด์แฟชั่นหรูหราที่ยั่งยืน ซึ่งเขาเริ่มต้นหลังจากเกษียณอายุแล้ว ให้เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง ไปดูกันว่าเรื่องราวของเขากับการก่อตั้งแบรนด์นี้มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง