“จี่เกีย” เปลี่ยนความคลั่ง(ไคล้) เป็นไอเดีย สร้างร้านอาหารอีสาน สันดานญี่ปุ่น

Text: Wipawan In.


     หลังจากใช้เวลากว่า 12 ปีในองค์กรญี่ปุ่น “หมู ฑิฆัมพร ศรีคำแหง” อดีตดีไซเนอร์ บริษัทผลิตชิ้นส่วนมอเตอร์ไซค์ ในประเทศญี่ปุ่น ตัดสินใจกลับบ้าน และรู้ดีว่างานแบบนี้ไม่มีที่ประเทศไทย แต่การกลับมาไม่ใช่การหยุดนิ่ง เขาเริ่มมองหาเส้นทางใหม่ เพื่อสร้างทางกลับบ้านที่ดีที่สุด

     และคำตอบก็มาจากสิ่งที่รักมาตลอดนั่นคือ  “อาหารอีสาน” ความหลงใหลในวัฒนธรรมแดนปลาดิบและความถนัดด้านอาหารกลายเป็นแรงผลักดันให้เริ่มต้นทำธุรกิจอาหารอย่างจริงจัง

ผสมผสานความต่าง สองขั้ววัฒนธรรม

     เมื่อได้คำตอบว่าสิ่งที่ชอบคืออะไร หมู จึงเดินหน้าเลือกทำเลที่ตั้งของร้านในจังหวัดขอนแก่น โดยในช่วงแรกเปิดเป็นร้านยากิโทริ เน้นความเป็นญี่ปุ่นแบบ 100% แต่เกิดความรู้สึกว่า “นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่ต้องการถ่ายทอดออกมา”

     “เดิมเราเป็นคนชอบอาหารอีสานอยู่แล้ว แต่ถ้าจะขายอาหารอีสานบนแผ่นดินอีสาน การนำเสนอรูปแบบเดิมคู่แข่งเยอะมาก เราเลยมองว่า Paint Point หรือข้อเสียของอาหารอีสานคืออะไร ที่สามารถนำความญี่ปุ่นมาแก้ไขได้ เรามองว่าจุดอ่อนของอาหารอีสานมีเยอะ เช่น กลิ่นไม่พึงประสงค์ มีความเชื่อว่าอาหารอีสานไม่สะอาด สุขอนามัยไม่ดี แต่ของญี่ปุ่นอยู่ขั้วตรงข้ามหมดเลย เรียกได้ว่าสามารถมาปิดรอยรั่วของอาหารอีสานได้เกือบทั้งหมด”

     หลังจากได้ไอเดีย จึงเกิดเป็นการเปลี่ยนแปลงจากร้านยากิโทริ กระโดดข้ามสายสู่การเป็นร้านอาหารอีสานที่นำวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาผสมผสานได้อย่างลงตัวในชื่อ “จี่เกีย”

ไม่ใช่เพียงรสชาติ แต่ลงลึกถึงการจัดการ

     แนวทางของร้านไม่ใช่เพียงแค่อยากทำอาหารอีสานรูปแบบเดิม เสิร์ฟผ่านภาชนะของญี่ปุ่น ตกแต่งร้านสไตล์ญี่ปุ่นเท่านั้น แต่อยากนำความเป็นญี่ปุ่นเข้ามาอยู่ในทุกส่วนของร้านตั้งการบริหารจัดการไปจนถึงรสชาติของอาหาร เพราะญี่ปุ่นไม่ได้เป็นแค่ “สไตล์” ของร้านแต่คือ”สันดาน” ของร้าน

     “เราไม่ใช่แค่ผสมผสานอาหารอีสานกับความเป็นญี่ปุ่นเข้าด้วยกัน แต่เรานำองค์ความรู้การบริหารจัดการมาประยุกต์ใช้เกือบทั้งหมด ตั้งแต่หลักการในการพัฒนาคน องค์กร เราใช้การดำเนินงานแบบญี่ปุ่นหมดเลย เรียกว่าเรามีความคลั่ง งานบริการจะไม่ใช่แบบร้านอาหารอีสานทั่วไป เรามีการตั้งมาตรฐานงานบริการที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด การบริหารจัดการหลังบ้าน เช่นการคำนวณต้นทุน การจักสรรควัตถุดิบให้เกิดของเสียน้อยที่สุด หรือการใช้ประโยชน์ของวัตถุดิบให้เกิดมูลค่ามากที่สุด”

     ส่วนที่จี่เกียให้ความสำคัญไม่ใช่ภาพลักษณ์ที่ต้องลงทุนเพื่อให้ร้านดูดี แต่เป็นการพยายามหาวัสดุที่ลบงทุนน้อยที่สุดที่ให้ผลลัพธ์ออกมาได้เกินมูลค่า ภายในร้านใช้การตกแต่งด้วยไม้อัดเพิ่มมูลค่าจากการทาสีแต่งเติมให้สวยงาม ทำให้ทุกมุมของร้านสามารถเป็นจุดเช็คอินได้

สร้างจุดเด่น บนเส้นทางไร้คู่แข่ง

     ปัจจุบันในสนามของร้านจี่เกีย ยังไม่มีคู่แข่งที่สามารถเข้ามาตีคู่ได้ในตลาดนี้ เพราะการศึกษาที่จริงจังและลงลึกถึงรากเง้าของความเป็นญี่ปุ่น ทำให้ร้านมีความเป็นเอกลักษณ์และโดดเด่นไม่เหมือนใคร

     “ร้านเราจะไม่มีน้ำปลา ไม่มีโชยุ ไม่มีซีอิ๊ว เราต้มซอสของตัวเองเลย ซอสเราจะมีปลาร้าโชยุอยู่ในตัวเดียวกัน และซอสตัวนี้จะไปอยู่ในลาบ ก้อย เมนูต้ม ย่าง ทุกองค์ประกอบจะมีทั้งอีสานและญี่ปุ่นบวกกันอยู่ ร้านเราไม่มีส้มตำนะ เราออกแบบใหม่ทั้งหมดเลย เรายกระดับเมนูของเราให้สามารถอยู่ในโซเชียลได้ จากเมนูข้าวจี่ ซุปมะเขือ ข้าวเหนียวไก่ย่าง ธรรมดาเราก็ต้องนำเสนอในรูปแบบที่ไม่ซ้ำใคร”

     จากการศึกษาอย่างลงลึกของ หมู ทำให้รู้ว่าคนญี่ปุ่นกับคนอีสานเหมือนกันมาก ปรุงแต่งเนื้อสัตว์น้อย ถ้ากินปลาดิบคือมีแค่โชยุกับวาซาบิเป็นเครื่องเคียง คนอีสานกินเนื้อดิบก็จิ้มแจ่วเลย มันจะมีวัฒนธรรมที่เหมือนกัน แต่กันที่การนำเสนนอและภาพลักษณ์

     “อีกหนึ่งอย่างที่เป็นจุดแข็งของญี่ปุ่นที่การสร้างสตอรี่ เราเลยใช้ Storytelling มาปรับใช้ โดยเราเรื่องราวตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพ การใช้กรรมวิธีแบบโบราณ และใช้การเล่าเรื่องผ่านอาหาร จะช่วยทำให้ลูกค้าไม่ใช่เพียงรู้สึกถึงรสชาติอาหาร แต่ยังรู้สึกไปถึงความใส่ใจอีกด้วย”

ยึดมั่นในมาตรฐาน เพื่อรองรับการเติบโต

     จากวันแรกที่เริ่มต้น จี่เกีย วางกลยุทธ์ในการบริหารจัดการธุรกิจไว้ 3 ข้อ คือ Creative , Quality , System สามเสาหลักสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

     “สำหรับร้านอาหารในปัจจุบันขาดไม่ได้คือความคิดสร้างสรรค์ เพราะปัจจุบันร้านอาหารเกิดขึ้นเยอะมากถ้าไม่ต่างก็ไม่รอด ต่อมาคือเรื่องคุณภาพต้องคงที่ไม่ว่าจะเรื่องรสชาติ วัตถุดิบ หรือการบริการ สุดท้ายคือระบบ ร้านเรามี SOP ที่ลงรายละเอียดในทุกขั้นตอน และนี่คือ 3 สิ่งที่เรายึดมั่นตั้งแต่วันที่เริ่มต้น”

     ปัจจุบัน จี่เกีย เปิดให้บริการ 2 ปี มีทั้งหมด 2 สาขา ขอนแก่น โคราช และมีแผนขยายธุรกิจเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ในย่านอารีย์ และอีกหนึ่งความตั้งใจของ หมู คือการพาจี่เกียกลับไปสร้างชื่อเสียงที่ญี่ปุ่น เพื่อตอกย้ำความตั้งใจของการผสมผสานสองขั้ววัฒนธรรมออกมาได้อย่างลงตัว

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

ขายดีจนต้องจำกัดการซื้อ! LoafyCo Bakery ขายขนม 2,000 ชิ้นต่อวัน เพราะคนต่อคิวซื้อไม่หยุด

ไม่ง่ายเลยที่ร้านเบเกอรี่เล็กๆ ย่านชานเมืองจะมีคิวแน่นหน้าร้านทุกวัน จนต้องจำกัดจำนวนการซื้อ แต่ LoafyCo Bakery House คือข้อยกเว้นนั้น จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ สู่ยอดขายวันละ 1,000-2,000 ชิ้น และรายได้ 4 ล้านต่อเดือน..ทำได้อย่างไร?

“แหนมวาสนา” จากรสมือแม่..สู่แบรนด์อาหารอีสาน ที่มุ่งมั่นพัฒนาส่งต่อวัฒนธรรมอาหารอีสานสู่ครัวโลก

ในทุกคำของแหนมวาสนา ไม่ได้มีแค่รสเปรี้ยวกลมกล่อมของอาหารอีสาน แต่ยังเต็มไปด้วยความรักและความตั้งใจของครอบครัว ที่ส่งต่อจากรุ่นแม่สู่รุ่นลูก นิชา-ณัฐธีรยา ชัยวิสิทธิ์  ที่พลิกโฉมแหนมวาสนาให้กลายเป็นแบรนด์อาหารพื้นถิ่นที่ก้าวสู่เวทีระดับโลก