Text: VaViz
Photo: win_phassawin
“เมื่อเราไม่สามารถที่จะมองสุขภาพเป็นต้นทุนได้แล้ว
เราก็มองเรื่องเวลาที่เราเริ่มเร็วกว่าเป็นต้นทุนแล้วกัน”
ความคิดที่ได้จากประสบการณ์จริงของ วิน – ภาสวิน ตันตินิติ เด็กวัย 14 ย่าง 15 ที่ป่วยเป็นมะเร็งตอน 3 ขวบ ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันจะหายดีแล้ว แต่กลับยังต้องเผชิญกับโรคแทรกซ้อนต่างๆ จึงไม่น่าแปลกใจที่จะทำให้คิดอะไรได้เร็วกว่าวัย โดยเฉพาะเรื่องทางการเงิน
ซึ่งสำหรับใครที่ยังคิดไม่ตกว่า จะจัดการวางแผนการเงินของตัวเองยังไงให้คล่องตัวได้มากขึ้น มาดูเด็กมัธยมต้นคนนี้เป็นตัวอย่างกัน
ถ้ายังไม่รู้จะเริ่มยังไง...ลองหาอะไรมาอ่านดู
ไม่ต่างกับผู้ใหญ่หลายคนที่บางครั้งก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเก็บเงินหรือวางแผนค่าใช้จ่ายยังไง เจ้าของช่อง win_phassawin ที่เล่าเรื่องราวชีวิตวัยเรียนและเรื่องเงินวัยเรียน ซึ่งมีคลิปยอดวิวทะลุล้าน และมีผู้ติดตามกว่า 57.3K บน TikTok และกว่า 154K บน Instagram คนนี้ จึงไปหาหนังสือที่เกี่ยวกับการเงินมาอ่าน รวมไปถึงการฟังพอดแคสต์ต่างๆ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ในด้านนี้โดยตรงด้วย
TIP: อ่านแล้วไม่ลงมือทำ สภาพคล่องและเงินเก็บ = 0
เบสิกต้องมี...ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้
เพราะโจทย์ทางการเงินพื้นฐานนั้นอยู่ที่ “จะทำยังไงถึงจะลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้” ง่ายๆ แค่นี้เอง ภาสวินผู้ที่เห็นบิลค่ารักษาพยาบาลของตัวเองทุกเดือน จึงหาทางลดรายจ่ายของตัวเองด้วยการพกข้าวและน้ำไปกินเองที่โรงเรียน พร้อมหารายได้เสริมด้วยการนำขนมแพ็กใหญ่ไปขายเพื่อนๆ ระหว่างคาบพักเรียน พร้อมเริ่มเส้นทางเป็น KOL รับรีวิวสินค้า เป็น Content Creator และทำ Vlog
TIP: หากลดรายจ่ายไม่ได้แล้ว ให้มองหาทางเพิ่มรายได้ เช่น ขายของออนไลน์, รับรีวิวสินค้าแบบทดลองใช้จริง
ห้ามมองข้าม...เงินเข้า-เงินออกที่แท้จริง
สำคัญไม่แพ้กันกับข้อที่แล้วคือ เราต้องรู้ว่าแต่ละเดือนเรามีรายรับรายจ่ายอยู่ที่เท่าไร ซึ่งต้องทำการติดตามและประเมินอยู่เสมอ อย่างเช่นของน้องวินที่ได้ค่าขนมจากคุณแม่อาทิตย์ละ 500 บาท บวกกับรายได้เสริมจากการขายขนมที่โรงเรียนได้อาทิตย์ละ 200 บาท ทำให้ต่อเดือนจะมีรายรับอยู่ที่ 700 บาท ในขณะที่รายจ่าย ซึ่งเป็นค่ารักษาพยาบาลนั้นต่อเดือนจะอยู่ที่ 10,000 บาท
TIP: นำเงินที่ได้จากรายได้เสริมครึ่งหนึ่ง ไปต่อยอดลงทุนซื้อขนม / สินค้าอย่างอื่นมาขายต่อได้ไม่รู้จบ
หลายคนตกม้าตาย...ไร้แผนเงินสำรองฉุกเฉิน
แน่นอนว่า แค่มีให้ใช้เดือนชนเดือนก็หนักสำหรับหลายคนอยู่แล้ว แต่เพื่อความปลอดภัย เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ในชีวิตเราเสมอ เรื่องของเงินสำรองฉุกเฉินหรือ Emergency Fund นั้น จึงเป็นอีกส่วนที่ทิ้งไม่ได้ โดยเฉพาะเด็กวัย Teen คนนี้ที่ตั้งเป้าหมายว่าจะต้องมีเงินส่วนนี้เก็บไว้ 60,000 บาท โดยคำนวณจากค่ารักษาพยาบาลต่อเดือนที่อยู่ที่ 10,000 บาทนั่นเอง
TIP: เงินเก็บก้อนแรกที่ทุกคนควรมี คือ Emergency Fund 3 – 6 เดือน ซึ่งจะเป็นจำนวนเท่าไรนั้น คำนวณได้จากค่าใช้จ่ายจริง เช่น
ค่าใช้จ่าย 10,000 บาท x เป้าที่จะเก็บคือ 6 เดือน = 60,000 บาท
ออมทอง...Safe Heaven ไม่ว่าสมัยไหนก็พึ่งได้
เหมือนนักลงทุนรุ่นใหญ่มาเอง เมื่อ ภาสวิน บอกว่าเราจะเก็บเงินไว้นิ่งๆ ทั้งหมดไม่ได้ ต้องแบ่งส่วนหนึ่งไปออมทองด้วย เพราะเป็น Safe Heaven และเป็นสินทรัพย์ตัวเดียวที่เขาลงทุนได้ ณ อายุเท่านี้ นั่นเพราะเขาคิดว่าหากเก็บเงินไว้เพื่ออนาคต จะต้องโดนเงินเฟ้อกัดแน่ๆ ในขณะที่ทองนั้นจะช่วยรักษามูลค่าเงินได้ในระยะยาว จึงตั้งเป้าที่จะออมทองให้ได้ปีละ 1 บาท
TIP: สามารถ Scale Up ช่องโซเชียลของตัวเอง เพื่อขยายธุรกิจค้าขายออนไลน์ให้โตมากขึ้น และแบ่งมาออมทองได้
ใช้เงินอย่างมีสติ...ไม่จำเป็นอย่า Pay Later
สิ่งที่นักการเงินรุ่นเยาว์ฝากไว้ หนีไม่พ้นเรื่องพฤติกรรมการใช้จ่าย ที่ปัจจุบันคนไม่น้อยนิยมชำระเงินแบบ Buy Now Pay Later หรือซื้อใช้-กินก่อนแล้วจ่ายทีหลัง ซึ่งแม้ว่าจะมีข้อดี เช่น ซื้อของที่จำเป็นจริงๆ แต่ถ้าไม่ระมัดระวังอาจเกิดปัญหาทางการเงินภายหลังได้
TIP: ถ้านึกภาพไม่ออก ให้ไปดูโดราเอมอนตอนที่ซึเนโอะกดเงินในอนาคตมาใช้ จนทำให้ไม่เหลือเงินตอนแก่ในชีวิตจริง
แม้แนวคิดเหล่านี้จะไม่ได้ฉีกกรอบทางการเงินแต่อย่างใด แต่สามารถนำไปใช้ เพื่อสร้างวินัยทางการเงินให้แข็งแรงได้ไม่แพ้กฎไหนๆ แน่นอน
อ้างอิง: รายการมนุษย์ต่างวัย Talk
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี