![](https://www.smethailandclub.com/images/image/1569463501.png)
Main Idea
- ไม่มีอะไรง่ายในโลกธุรกิจ ดูได้จากรายงานจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ที่ให้ข้อมูลว่า เดือนสิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา มีธุรกิจเลิกกิจการไปแล้ว 1,755 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2562
- โดยประเภทธุรกิจที่เลิกกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ก่อสร้างอาคารทั่วไป 155 ราย คิดเป็นร้อยละ 9 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 97 ราย คิดเป็นร้อยละ 6 และธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร 58 ราย คิดเป็นร้อยละ 3
- ย้อนดูตัวเลขเดือนมกราคม-สิงหาคม 2562 พบว่ามีการเลิกกิจการไปแล้ว 10,016 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนธุรกิจเลิกสะสมรวม 59,548 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7
![](https://www.smethailandclub.com/images/image/1569463547.png)
ท่ามกลางความปรารถนาของใครหลายคนที่อยากเข้ามาทำธุรกิจ อยากเป็นเจ้าของกิจการ แต่ก็ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ต้องตัดสินใจม้วนเสื่อพับกิจการไป ไม่ว่าจะจากปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ หรือแม้แต่การบริหารจัดการธุรกิจของตัวเอง
![](https://www.smethailandclub.com/images/image/1569463637.png)
สำหรับเดือนสิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา รายงานจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า มีธุรกิจเลิกประกอบกิจการไปแล้วจำนวน 1,755 ราย เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2562 ที่มีจำนวน 1,594 ราย หรือเพิ่มขึ้นที่ 161 ราย คิดเป็นร้อยละ 10
โดยประเภทธุรกิจที่เลิกกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 155 ราย คิดเป็นร้อยละ 9 รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 97 ราย คิดเป็นร้อยละ 6 และธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร จำนวน 58 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ตามลำดับ
มูลค่าทุนธุรกิจเลิกกิจการ ในเดือนสิงหาคม 2562 มีจำนวนทั้งสิ้น 28,933 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2562 ที่มีจำนวน 8,279 ล้านบาท พบว่าเพิ่มขึ้นถึงจำนวน 20,654 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.5 เท่า และเมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2561 ที่มีจำนวน 10,156 ล้านบาท จึงเพิ่มขึ้นจำนวน 18,777 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.8 เท่า
![](https://www.smethailandclub.com/images/image/1569463712.png)
ในส่วนธุรกิจเลิกกิจการแบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายเลิกกิจการทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 1,202 ราย คิดเป็นร้อยละ 68.49 รองลงมาคือ ทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท จำนวน 450 ราย คิดเป็นร้อยละ 25.64 ลำดับ ถัดมาคือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 88 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 5.01 และทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 15 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.86
มาดูตัวเลขธุรกิจเลิกสะสม พบว่า จำนวนธุรกิจเลิกสะสมตั้งแต่เดือน ม.ค. – ส.ค. 2562 มีจำนวนทั้งสิ้น 10,016 ราย เพิ่มขึ้น 299 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ม.ค. – ส.ค. 2561) ที่มีจำนวน 9,717 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนธุรกิจเลิกสะสมตั้งแต่เดือน ม.ค. – ส.ค. 2562 มีจำนวน 59,548 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,782 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกับของปีที่ผ่านมา (ม.ค. – ส.ค. 2561) ที่มีจำนวน 55,766 ล้านบาท
![](https://www.smethailandclub.com/images/image/1569463694.png)
ในส่วนธุรกิจที่ยังดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ (ณ วันที่ 31 ส.ค. 62) พบว่ามีจำนวน 743,955 ราย มูลค่าทุน 17.89 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด / ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 184,937 ราย คิดเป็นร้อยละ 24.86 บริษัทจำกัดมีจำนวน 557,767 ราย คิดเป็นร้อยละ 74.97 และบริษัทมหาชนจำกัด มีจำนวน 1,251 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 0.17
โดยหากแบ่งธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ตามช่วงทุน พบว่า ธุรกิจส่วนใหญ่มีช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 441,451 ราย คิดเป็นร้อยละ 59.34 รวมมูลค่าทุน 0.39 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.18 รองลงมาคือ ช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 216,738 ราย คิดเป็นร้อยละ 29.13 รวมมูลค่าทุน 0.71 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.97 รองลงมาคือทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 70,466 ราย คิดเป็นร้อยละ 9.47 รวมมูลค่าทุน 1.91 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.68 และทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 15,300 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.06 รวมมูลค่าทุน 14.88 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 83.17 ตามลำดับ
อย่างไรก็ตามแม้ธุรกิจก่อสร้างอาคาร อสังหาริมทรัพย์ และภัตตาคารและร้านอาหาร จะเป็น 3 อันดับแรกของประเภทธุรกิจที่เลิกกิจการสูงสุด แต่หากดูที่จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่ จะพบว่า ธุรกิจที่เป็นแชมป์คนอยากเข้ามาทำสูงสุดก็ยังเป็น 3 ธุรกิจนี้ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า รายงานประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 547 ราย คิดเป็นร้อยละ 9 รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 344 ราย คิดเป็นร้อยละ 6 และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร จำนวน 172 ราย คิดเป็นร้อยละ 3
จึงเรียกได้ว่ายังเป็นธุรกิจที่คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า คนที่จะอยู่รอดได้จึงต้องแข็งแกร่งอย่างแท้จริงนั่นเอง
ที่มา : กองข้อมูลธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี