ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดคาดเศรษฐกิจไทยปี 63 ยังฟื้นตัวช้า ดอกเบี้ยนโยบายมีโอกาสปรับลดได้อีก




Main Idea
 
 
  • โอกาสที่ประเทศไทยจะกลับไปเติบโตที่ระดับร้อยละ 4 อย่างที่เคยทำได้ในช่วงปี 2560-61 ยังไม่น่าจะเป็นไปได้ในช่วงนี้
 
  • ค่าเงินบาทที่แข็งค่าไม่สอดคล้องกับเศรษฐกิจประเทศที่การเติบโตชะลอลง สร้างความกังวลให้กับธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอย่างมาก
 
  • เราคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25 เปอร์เซ็นต์ ในไตรมาส 1 ของปีนี้ ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงไปทำสถิติตำสุดใหม่ที่ 1 เปอร์เซ็นต์



     ภาพรวมเศรษฐกิจไทยน่าจะเติบโตแบบชะลอตัว ยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน


     ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) มองว่าโอกาสที่ประเทศไทยจะกลับไปเติบโตที่ระดับร้อยละ 4 อย่างที่เคยทำได้ในช่วงปี 2560-61 ยังไม่น่าจะเป็นไปได้ในช่วงนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจในภาพรวมยังคงชะลอตัว การบริโภคภายในประเทศที่อ่อนกำลังลง ประกอบกับสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ที่ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม สะท้อนให้เห็นว่าโอกาสการฟื้นตัวในระยะสั้นนี้ยังไม่น่าเป็นไปได้ การชะลอตัวของเศรษฐกิจที่ยืดเยื้ออาจนำไปสู่ปัญหาหนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากรายได้ฝืดเคืองทำให้คนต้องหันหาเงินกู้เพื่อดูแลค่าใช้จ่ายประจำวัน ยอดการนำเข้าที่ปรับลดลง สะท้อนให้เห็นถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศที่อ่อนกำลังลง และแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยยังไม่ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการลงทุนที่เคยคาดว่าจะเกิดขึ้นจากสงครามการค้า
               

     “การบริโภค การลงทุนภายในประเทศ ไม่น่าจะปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ นอกจากนี้ยังมีความไม่แน่นอนในเรื่องงบประมาณประจำปี และความเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งเป็นปัจจัยให้เรามองว่าเศรษฐกิจจะเติบโตช้า ในขณะที่ความเสี่ยงจากภายนอก ประกอบไปด้วยความขัดแย้งทางการค้าสหรัฐฯ-จีน และความตึงเครียดในตะวันออกกลาง” ดร. ทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) กล่าว
               

     “ยังไม่เห็นภาพชัดเจนว่าประเทศไทยได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการลงทุนอันเป็นผลมาจากสงครามการค้า หรือการเพิ่มขึ้นของการลงทุนจากต่างชาติ”
               

     มองค่าเงินบาทยังคงแข็งค่าในระยะสั้น


     ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดคาดค่าเงินบาทจะอยู่ที่ 29.25 ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในสิ้นไตรมาสหนึ่ง บัญชีเดินสะพัดเกินดุลของประเทศปรับเพิ่มขึ้นอีกในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น โดยปกติแล้ว ไตรมาส 1 มักเป็นไตรมาสที่ดีสำหรับบัญชีเดินสะพัดและค่าเงินบาท เนื่องจากเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว ยิ่งไปกว่านั้น ความล่าช้าในการผ่านงบประมาณปี 2563 (ซึ่งเลื่อนมาจากเดือนตุลาคม 2562) น่าจะส่งผลให้การเบิกจ่ายล่าช้า ปัจจัยนี้น่าจะช่วยประคับประคองบัญชีเดินสะพัดในระยะสั้น เนื่องจากความล่าช้าในการเบิกจ่ายงบลงทุน อาจหมายถึงการลดการนำเข้าสินค้าทุน หรือการเกินดุลการค้าต่อเนื่อง แม้กระนั้น ความเสี่ยงสำคัญที่มีต่อมุมมองค่าเงินบาทแข็งในระยะสั้นของเราคือ โอกาสการใช้มาตรการใหม่ที่เข้มงวดขึ้น เพื่อจำกัดการแข็งค่าของเงินบาท
 


     ดอกเบี้ยนโยบาย – แนวโน้มการปรับลดยังไม่จบ


     อย่างน้อยตลอดไตรมาส 1 นี้ นโยบายการเงินจะยังคงเป็นเครื่องมือหลักในการดูแลเศรษฐกิจ ในระยะสั้นไม่น่าจะมีมาตรการกระตุ้นทางการคลังที่มีนัยสำคัญ เนื่องจากงบประมาณปี 2563 ยังอยู่ในกระบวนการประกาศใช้ แม้ว่าการเบิกจ่ายงบประมาณจะเริ่มขึ้น นโยบายการเงินที่เกื้อหนุน หรือดอกเบี้ยในระดับต่ำ ยังคงมีความจำเป็นในการช่วยส่งเสริมการใช้จ่ายทางการคลัง รัฐบาลดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น โดยมุ่งไปที่การบริโภค มากกว่าการลงทุน
               

     “เราคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25 เปอร์เซ็นต์ ในไตรมาส 1 ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายลดลงไปทำสถิติใหม่ที่ 1 เปอร์เซ็นต์ มุมมองของเราอาจต่างจากตลาด ที่ยังมองว่าดอกเบี้ยนโยบายไม่น่าจะลดลงไปต่ำกว่าสถิติเดิมที่ 1.25 เปอร์เซ็นต์” ดร. ทิม กล่าว
               

     “หลังไตรมาส 1 เรามองว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังคงเป็นไปได้อีก หากภาพรวมเศรษฐกิจยังคงชะลอตัว” ดร. ทิม กล่าวสรุปในตอนท้าย
 
 
     
          
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 
 
 

RECCOMMEND: FINANCE

เปิดผลสำรวจ ผู้ประกอบการไทยเสี่ยงกลายเป็น Zombie Firm 35% 

แม้เศรษฐกิจไทยจะมีทิศทางการฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่การแฝงตัวของ Zombie Firm หรือ บริษัทซอมบี้ที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลร้ายต่อเศรษฐกิจไทยในระยะยาวอย่างไม่คาดคิด

หมัดเด็ด วิธีเอาชนะเงินเฟ้อ ฉบับคุณปู่ Warren Buffett ที่ใครก็ใช้ได้

หนึ่งในปัญหาของคนทำธุีกิจวันนี้คือ “ภาวะเงินเฟ้อ” เงินเท่าเดิม แต่กลับซื้อสินค้าและวัตถุดิบได้น้อยลงกว่าเดิม ทำให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น แถมขายของก็ไม่ได้ดีเหมือนเก่า เลยชวนมาดูเคล็ดลับบริหารการเงินและลงทุนในภาวะเงินเฟ้อ จาก “วอร์เรน บัฟเฟตต์” เจ้าพ่อนักลงทุนกัน

รวมสินเชื่อรีไฟแนนซ์ ช่วยลดภาระหนี้ ธุรกิจไม่สะดุด

ภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ และวิกฤตที่รุมเร้าเข้ามา อาจทำให้ธุรกิจต้องสะดุด ขาดสภาพคล่องเลยอยากชวนมารีไฟแนนซ์สินเชื่อธุรกิจ อย่างน้อยเพื่อช่วยยืดระยะเวลาการใช้หนี้ออกไป ช่วยลดดอกเบี้ย ไปจนถึงอาจได้เงินอีกสักก้อนมาช่วยหมุนเวียนในธุรกิจ