3 สัญญาณบ่งบอกว่า คุณคือผู้นำที่น่าสะพรึงกลัว









Text : เจษฎา ปุรินทวรกุล


    สไตล์ของผู้นำนั้นจะมีอยู่ด้วยกันหลายแบบ อาจจะเป็นนักคิด (Idealist) หรือนักต่อรองอย่างมีชั้นเชิง (Diplomat) และอีกหลายต่อหลายสไตล์ แต่สไตล์ที่พนักงานทำงานด้วยแล้วเหนื่อยที่สุดก็คือ นักปฏิบัติ (Pragmatist) เพราะผู้นำกลุ่มนี้จะมีมาตรฐานการทำงานที่สูง มีความคาดหวังในตัวเองและพนักงานสูงมาก ชอบความท้าทาย มีความคิดที่ชัดเจน ไม่กลัวการเดินในเส้นทางที่ยากลำบาก (แม้ว่าลูกน้องจะไม่ชอบหรือรู้สึกเครียดก็ตาม) เพราะเขาจะรู้สึกสนุกกับการฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านั้น

    ท้ายที่สุดผู้นำกลุ่มนี้มักจะสามารถสร้างผลลัพธ์ในการทำงานได้อย่างน่าสนใจ แต่ต้องอย่าลืมมองกลับมาข้างหลังด้วยว่าพนักงานเป็นอย่างไรบ้าง ไหวไหม สบายดีหรือเปล่า หรือคุณตึงเกินไปจนพนักงานเครียดไปหมดแล้ว และนี่คือ 3 สัญญาณที่บ่งบอกว่าบทบาทความเป็นผู้นำของคุณนั้น เริ่มสร้างความลำบากให้กับพนักงานทุกคน 



1. คุณเดินเข้ามาในห้องแล้วพนักงานทุกคนเงียบกริบทันที

    หนึ่งในสัญญาณที่เด่นชัดที่สุด เมื่อพนักงานแปรเปลี่ยนความเคารพเป็นความกลัวก็คือ เมื่อคุณเดินเข้ามาในห้องหรือออฟฟิศ จากเสียงคุยกันเจื้อยแจ้วกลับกลายเป็นความเงียบงันเหมือนป่าช้า จำไว้เลยว่าสิ่งนี้ไม่ได้แปลว่าพนักงานกำลังพูดถึงหรือนินทาคุณอยู่ แต่เขากำลังกลัวคุณ ก็เหมือนกับตอนเด็กที่เรายังเรียนอยู่ แล้วมีครูดุๆ ชอบตีเด็กเดินเข้ามาในห้องนั่นแหละ พนักงานก็รู้สึกแบบเดียวกันนั้นเลย

    ถ้าพนักงานเคารพในตัวคุณ เค้าจะค่อยๆ เงียบเสียงลง อาจยังมีคุยกันบ้างประปราย หรือเปิดบทสนทนาให้คุณได้มีส่วนร่วม แต่ถ้าเงียบกันหมดก็ระวังสัญญาณนี้ให้ดี



2. เมื่อคุณให้คำแนะนำกับพนักงานแล้วพวกเขาเงียบหรือไม่ค่อยพูดตอบโต้

    ถือเป็นเรื่องปกติเมื่อเราทำงานแล้วพบปัญหาหรือคิดไม่ออก ต้องไปขอคำแนะนำจากหัวหน้า ซึ่งเมื่อหัวหน้าให้คำแนะนำมาเราอาจมีบางประเด็นที่สงสัย ต้องการรายละเอียดเพิ่ม อยากได้ข้อมูลเพิ่มเพื่อประกอบการตัดสินใจ ซึ่งบางครั้งพนักงานอาจไม่เห็นด้วยกับคุณ หรืออาจมีการพูดคุยเชิงเห็นด้วยว่า “อ๋อ...มันเป็นอย่างนี้นี่เอง พวกเราเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้นี่แหละ” ทั้งหมดนี้คือเรื่องปกติที่จะเกิดขึ้นกับหัวหน้าที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพนักงาน แต่ถ้าลูกน้องของคุณนั่งเงียบไม่ค่อยโต้ตอบ ไม่เห็นด้วย ไม่ปฏิเสธ ไม่มีความคิดเห็นอะไร สิ่งนั้นบ่งชี้ให้เห็นว่าพวกเขาไม่รับรู้อะไรแล้ว
 
    สาเหตุที่พนักงานนั่งเงียบ อาจเกิดจากคุณคอมเมนท์ด้วยถ้อยคำที่รุนแรงเป็นประจำ ไม่เปิดโอกาสให้พนักงานอธิบาย โมโหฉุนเฉียว พนักงานจึงต้องปกป้องตัวเองด้วยการเงียบ หลังจากนั้นพนักงานของคุณก็จะล้มเหลวในการนำสิ่งที่คุณพูดไปปฏิบัติ เพราะสุดท้ายพวกเขาก็ไม่เข้าใจคำคอมเมนท์ของคุณทั้งหมด และไม่กล้าที่จะถาม (บางคนถามไปก็โดนต่อว่า โดนดูถูก แล้วใครจะกล้าเปิดปากถามคุณกันละ) ซึ่งคุณต้องสังเกตปฏิกิริยาของพนักงานให้ดี หากลูกน้องนิ่งเงียบเกินกว่า 1 คนขึ้นไป คุณอาจต้องเพิ่มความสร้างสรรค์ในการให้คำแนะนำมากกว่านี้



    3. ระหว่างการประชุม คุณพูดคนเดียวเกิน 60 เปอร์เซ็นต์

    การประชุมจะมี 2 แบบด้วยการ การประชุมแบบแรก คือการเชิญประชุมชี้แจงเรื่องต่างๆ โดยเราเชิญแขกหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมาฟังเพื่อรับทราบเรื่องต่างๆ เช่น เรื่องแจ้งเพื่อทราบ การเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านต่างๆ แบบนี้คุณจะพูดซะเป็นส่วนใหญ่ก็คงไม่แปลก อีกแบบเป็นการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นตามองค์กรทั่วไป ซึ่งการประชุมแบบนี้ต้องแลกเปลี่ยนความเห็น ข้อเสนอแนะ หากคุณพูดอยู่คนเดียว จะไปได้ประโยชน์อะไร จริงไหม

    แล้วทำไมหัวหน้าถึงกุมชั่วโมงการพูดไว้คนเดียว บางคนเป็นเพราะเขาอยู่เฉยๆ ไม่เป็น บางคนข้อมูลเยอะ แต่ที่น่ากลัวก็คือหัวหน้าบางคนเป็นผู้นำสไตล์ที่ลูกน้องกลัว และไม่กล้าที่จะออกความเห็น สถานการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก หากอยากรู้ว่าพนักงานกลัวเราหรือเปล่า ในระหว่างการประชุมครั้งหน้า ลองเงียบแล้วดูปฏิกิริยาของพนักงานดู หากมีคนที่สามารถดำเนินการประชุมต่อแทนคุณได้ แปลว่าสถานการณ์ยังปกติอยู่ แต่ถ้ามีความเงียบเกินขึ้น พนักงานแต่ละคนต่างมองหน้ากันเอง เพื่อรอดูว่าคุณจะพูดอะไรต่อไป หรือใครจะกล้าพูดเสนออะไรขึ้นมา แบบนี้มีปัญหาแน่นอน 

       ในฐานะที่คุณเป็นผู้บริหาร ผู้นำองค์กร หรือหัวหน้างาน การไม่หยุดนิ่งเพื่อก้าวไปให้สู่ความสำเร็จคือสิ่งที่มีความจำเป็น แต่คุณก็ต้องแน่ใจด้วยว่าสิ่งที่คุณทำ ลูกน้องสามารถก้าวตามได้ทันและไม่สร้างสภาวะกดดันในการทำงานมากจนเกินไป ลองให้ความสำคัญกับสัญญาณดังกล่าว แล้วนำไปใช้ดู หากพนักงานเงียบ คุณต้องเริ่มปรับตัว ก่อนที่พวกเขาจะรับความกดดันและความเครียดไม่ไหว

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อธุรกิจเอสเอ็มอี (SME)

    

RECCOMMEND: MANAGEMENT

Quiet cracking เทรนด์ใหม่มนุษย์เงินเดือน เมื่อคนเก่งเริ่มหมดใจกับงานที่รัก

Quiet Cracking อาการแตกสลายแบบเงียบๆ ของคนรักงาน ที่ยังชื่นชอบในงานที่ทำอยู่ แต่เริ่มไปต่อไม่ไหว จากงานที่หนักเกินไป ทำเท่าไหร่ก็ไม่พอ เมื่อคนรักงาน หมดใจกับงานที่ทำอยู่ เราจะเยียวยาพวกเขายังไงดี อะไร คือต้นตอสาเหตุ ไปหาคำตอบกัน

Pet Friendly Workplace สูตรลับรักษาคนเก่ง ขององค์กรยุคใหม่

เมื่อก่อนใครพูดว่า “อยากพาน้องหมาน้องแมวมาทำงานด้วย” อาจโดนมองว่าแปลก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว เพราะหลายองค์กรทั่วโลกหันมาจริงจังกับ Pet Friendly Workplace ซึ่งช่วยลดอัตราการลาออก และรักษาคนเก่งให้อยู่ในองค์กร

สูตรลับจัดการเวลาฉบับ Pickle Jar Theory  

จะทำอย่างไรให้สามารถบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ปล่อยให้สิ่งเล็กๆ มาบดบังสิ่งใหญ่ที่เป็นหัวใจของธุรกิจ? เราเลยจะพาไปรู้จัก Pickle Jar Theory แนวคิดการให้ความสำคัญกับงานหลักที่มีผลต่อเป้าหมาย ขณะเดียวกันก็ยังจัดพื้นที่ให้กับงานรองที่จำเป็น แต่ไม่เร่งด่วนด้วย