​3 เทรนด์โลกการทำงานอนาคตที่ SME ต้องตามให้ทัน







     โลกแห่งอนาคตกำลังใกล้เข้ามาทุกที ย้อนไปเมื่อหลายสิบปีที่แล้วใครจะคิดว่าโทรทัศน์จะย้ายขึ้นมาอยู่บนมือถือ แล้วมือถือจะเครื่องเล็กขนาดนี้หรือแม้แต่คอมพิวเตอร์ที่เครื่องใหญ่เต็มโต๊ะจะถูกย่อส่วนกลายเป็นอุปกรณ์ที่พกพาไปทำงานที่ไหนก็ได้ เมื่อเทคโนโลยีนั้นมาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลง ใครที่ปรับตัวก่อนก็จะอยู่บนโลกที่เปลี่ยนไปได้อย่างสตรองมากกว่า อย่างเรื่องของการทำงานในยุคนี้ก็เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมากทีเดียว จากที่เหล่าพนักงานจะต้องเข้าออฟฟิศ ตอกบัตรแต่เช้า กลับค่ำมืด เน้นทำ OT กลายเป็นการทำงานที่มีอิสระมากขึ้น เน้นผลลัพธ์ หลายองค์กรเริ่มปฏิวัติตัวเอง ปรับเวลาการทำงาน เปลี่ยนสไตล์การประชุม ซึ่งทำให้คนยุคใหม่มีความสุขในการทำงานมากขึ้น ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกทั้งยังลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นได้อีกด้วย
 

Millennial is key

     
50% ของคนกลุ่ม Millennial จะเข้ามาเป็นแรงงานหลักหรือเป็น Workforce ภายใน 3 ปี ซึ่งลักษณะของคนกลุ่มนี้จะรักความอิสระ ชอบความท้าทาย ไม่อยู่นิ่ง ชอบเดินทางอยู่เสมอ ดังนั้นองค์กรจะต้องมองในเรื่องของการมอบประสบการณ์ทำงานที่ต่างจากคน Gen อื่นให้แก่พวกเขาเพื่อดึงศักยภาพของคนกลุ่มนี้ออกมาได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการสร้างการแข่งขันกันในองค์กร มีการสร้างทีม มองหาความท้าทายใหม่ๆ ให้พวกเขา อย่าหยุดการเติบโตของพวกเขา คนกลุ่มนี้หากคุณมอบงานให้ดีจะรู้ว่าเขาเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ มีไอเดียใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา แต่ที่พวกเขาไม่แสดงออกอาจเป็นเพราะองค์กรไม่เปิดโอกาสให้ใช้ความสามารถเต็มที่หรือนำพาพวกเขาไปไม่ถูกจุด
 




Workplace Flexibility

     
ออฟฟิศในยุคนี้และต่อเนื่องไปยังโลกอนาคตจะเป็นออฟฟิศที่ค่อนข้างยืดหยุ่น ไม่เน้นการนั่งทำงานอยู่แต่ในคอก นั่งโต๊ะตัวเดิมทั้งวัน ทุกวัน แต่เป็นการทำงานที่ทุกคนสามารถนั่งที่ไหนก็ได้ ทำงานที่ไหนก็ได้ ทำงานเมื่อไหร่ก็ได้ อย่างที่บอกว่าการทำงานในยุคนี้เน้นผลลัพธ์มากกว่าการนั่งทำงานแช่อยู่ที่โต๊ะตัวเดิมตลอดทั้งวัน เดี๋ยวนี้ไอเดียลอยอยู่ในอากาศ ลอยอยู่ในร้านกาแฟ คาเฟ่เก๋ๆ สถานที่ใหม่ๆ รวมถึงตาม Co-working Space เพราะสถานที่เหล่านี้มักจะออกมาเพื่อสอดคล้องกับสไตล์การทำงานของยุคใหม่ที่ไม่ชอบจดจ่ออยู่แต่กับอะไรเดิมๆ ทำงานไป มองวิวไป หิวก็มีของกิน กลับมานั่งคิดงานได้ต่อ นอกจากนี้องค์กรหลายแห่งทั่วโลกยังพร้อมใจกันปรับวัฒนธรรมองค์กร บางแห่งเป็นแบบไม่มีโต๊ะประจำ พนักงานสามารถยกโน๊ตบุ้คแล้วนั่งทำงานที่ไหนก็ได้ จะนั่งในสวนรับลม นั่งในห้องประชุม คุยกับทีม นั่งในครัวพร้อมจิบกาแฟหรือจะนั่งในห้อง Private เพื่อคุยกับลูกค้าอีกซีกโลกก็ทำได้
 

Collaboration more

     
หลายคนอาจจะเห็นเทรนด์ของการ Collaboration ระหว่างธุรกิจ แบรนด์นั้นจับมือกับแบรนด์นี้เพื่อสร้างแคมเปญหรือสินค้าที่น่าสนใจ ซึ่งการ Collaboration นี้จะไม่หยุดเพียงแค่ธุรกิจอีกต่อไป แต่จะเริ่มเข้ามาสู่เทรนด์ของการทำงานในองค์กรที่จะต้องมีการร่วมมือกันมากยิ่งขึ้น มีการทำงานเป็นทีมมากยิ่งขึ้น โดยการทำงานร่วมกันไม่ใช่เพียงแค่มานั่งประชุมด้วยเท่านั้น แต่รวมถึงการกำหนดเป้าหมายร่วมกัน การแชร์ความรู้ซึ่งกันและกัน การ Brainstorm ที่มากยิ่งขึ้น ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการทำงานของแต่ละทีม มีการแชร์ไอเดียกันอยู่เสมอเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กรสูงที่สุด นอกจากนี้การ Collaboration ในองค์กรยังรวมถึงการแชร์ข้อมูลผ่านเทคโนโลยีเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลชุดเดียวกันได้แบบเรียลไทม์ สามารถประชุมงานผ่านวีดีโอได้ไม่ว่าใครจะทำงานอยู่ที่ไหน เป็นต้น
 


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

 

RECCOMMEND: MANAGEMENT

พลังของ Introvert ! ศักยภาพเงียบที่ธุรกิจไม่ควรมองข้าม

Introvert ไม่ได้แค่ “อยู่เงียบๆ” แต่คือพลังสำคัญในโลกการทำงาน ทั้งคิดลึก ฟังเก่ง สร้างสรรค์ และนิ่งภายใต้แรงกดดัน มาดูกันว่าทำไมธุรกิจถึงไม่ควรมองข้ามพลังเงียบนี้

Quiet cracking เทรนด์ใหม่มนุษย์เงินเดือน เมื่อคนเก่งเริ่มหมดใจกับงานที่รัก

Quiet Cracking อาการแตกสลายแบบเงียบๆ ของคนรักงาน ที่ยังชื่นชอบในงานที่ทำอยู่ แต่เริ่มไปต่อไม่ไหว จากงานที่หนักเกินไป ทำเท่าไหร่ก็ไม่พอ เมื่อคนรักงาน หมดใจกับงานที่ทำอยู่ เราจะเยียวยาพวกเขายังไงดี อะไร คือต้นตอสาเหตุ ไปหาคำตอบกัน

Pet Friendly Workplace สูตรลับรักษาคนเก่ง ขององค์กรยุคใหม่

เมื่อก่อนใครพูดว่า “อยากพาน้องหมาน้องแมวมาทำงานด้วย” อาจโดนมองว่าแปลก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว เพราะหลายองค์กรทั่วโลกหันมาจริงจังกับ Pet Friendly Workplace ซึ่งช่วยลดอัตราการลาออก และรักษาคนเก่งให้อยู่ในองค์กร