​4 เทคนิคเจรจาธุรกิจลื่นไหลสไตล์ SME

 

แปลและเรียบเรียง : เมธาวี ทัศนาเสถียรกิจ

    เจ้าของกิจการชั้นเยี่ยมย่อมมีทักษะการเจรจาชั้นยอดหรือที่คนทั่วไปเรียกว่า ‘สาริกาลิ้นทอง’ เจ้าของกิจการกลุ่มนี้ไม่ว่าจะพูดจะกล่าวอะไรก็ฟังดูลื่นหูจนคู่ค้าอยากตกลงร่วมธุรกิจ แต่เชื่อหรือไม่ว่าเจ้าของกิจการทุกคนสามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นนักเจรจาชั้นยอดได้เพียงใช้ทริคเล็กๆ

    1.เจรจาแบบมีจุดมุ่งหมาย ก่อนจะเจรจาธุรกิจเจ้าของกิจการต้องตั้งธงเป้าหมายของการเจรจาให้ชัดเจน เพื่อในเวลาเจรจาต่อรองจะได้ชักแม่น้ำทั้งห้าจูงใจคู่ค้าให้โอนเอียงตามเป้าหมายของเราได้ เพราะหากเป้าหมายไม่ชัดเจนจะส่งผลให้การเจรจาไร้ทิศทางและก่อให้เกิดความสับสน นอกจากตั้งเป้าหมายแล้วเจ้าของกิจการควรเผื่อทางเลือกสำรองหรือ Plan B ไว้ด้วยสำหรับกรณีที่การเจรจาตามเป้าหมายแรกไม่สัมฤทธิ์ผล

    2.เงียบถูกจังหวะ การพูดน้ำไหลไฟดับอาจทำให้การเจรจาไม่ราบรื่นและทำให้คู่ค้ารู้สึกถูกยัดเยียดเกินไป เพราะฉะนั้น เพื่อสร้างบรรยากาศการเจรจาที่ดี เจ้าของกิจการควรเงียบเพื่อหยุดฟังความต้องการของคู่ค้าเพื่อยื่นข้อเสนอทางธุรกิจ แบบ win-win ทั้งสองฝ่าย

    3.รู้ว่าพูดกับใคร ในการเจรจาแต่ละครั้งควรทำการบ้านซักนิดว่าคนที่เจ้าของกิจการต้องนั่งเจรจาธุรกิจด้วยคือใคร มีลักษณะนิสัยอย่างไร มีสไตล์การทำงานรูปแบบไหน ชอบอะไรไม่ชอบอะไร เพราะบางครั้งการสร้างความประทับใจก็ส่งผลต่อบวกต่อการเจรจาเช่นกัน

    4.ให้ข้อมูลครบถ้วน ความเชื่อถือเป็นปัจจัยหลักส่งผลให้การเจรจาธุรกิจสำเร็จตามเป้าหมาย โดยความเชื่อถือสามารถสร้างได้ด้วยการเปิดเผยข้อมูลระหว่างเจรจาให้ครบถ้วนและไขทุกข้อสงสัยของคู่ค้า นอกจากนั้นการให้ข้อมูลครบถ้วนแบบไม่หมกเม็ดยังสะท้อนวิถีการทำธุรกิจที่โปร่งใสของเจ้าของกิจการซึ่งทำให้คู่ค้าอยากร่วมธุรกิจด้วย

    การเจรจาต่อรองนอกจากคำถึงผลประโยชน์ของตัวเองแล้วยังควรนึกถึงคู่เจรจาฝ่ายตรงข้ามเพื่อประสานผลประโยชน์ของสองฝ่ายให้ลงตัว เพราะหากแต่ละฝ่ายต่างดื้อดึงยึดถือแต่ผลประโยชน์ของตัวเองฝ่ายเดียวแล้วนั้นไม่ว่าเจ้าของกิจการมีทักษะการเจรจาลื่นไหลเพียงได้การเจรจาก็ไม่มีทางสัมฤทธิ์ผลได้

 แปลและเรียบเรียงจาก www.entrepreneur.com

by smethailandclub.com

RECCOMMEND: MANAGEMENT

ภาวะหมดไฟ ภัยเงียบที่คุกคามผู้นำ ถึงเวลาทบทวนวิธีพัก ก่อนที่ธุรกิจจะพังไปพร้อมใจคุณ

ภาวะหมดไฟ (Burnout) กำลังระบาดหนักในหมู่ผู้บริหารและเจ้าของกิจการ โดยเฉพาะในยุคเศรษฐกิจกำลังซบเซา ที่ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวแบบไม่มีเวลาพักหายใจ ซึ่งภาวะหมดไฟของผู้นำนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัว แต่คือความเสี่ยงของทั้งองค์กร!

AI Co-worker ปฏิวัติโลกการทำงาน เมื่อเพื่อนร่วมงานคือปัญญาประดิษฐ์ ที่ไม่คิดแย่งงาน แต่มาแบ่งงานไปช่วย   

หน้าประวัติศาสตร์ใหม่ของโลกการทำงานกำลังถือกำเนิดขึ้น เมื่อ AI แต่ไม่ได้มาในฐานะผู้แย่งชิงแบบที่หลายคนหวาดหวั่น แต่จะเป็นพนักงานใหม่ ที่เข้ามาช่วยให้การทำงานและการสร้างวัฒนธรรมองค์กรมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น