รู้จัก 5 รูปแบบการทำงานยุคใหม่ แบบไหนที่เหมาะกับองค์กรคุณ ถ้าไม่ใช่ Work From Home

TEXT : อภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา

 

     ปัจจุบันได้มีเทรนด์ใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายแม้แต่รูปแบบการทำงานที่เคยตอกบัตรก็เริ่มเปลี่ยนไป โดยการทำงานในยุคนี้จะเป็นการทำงานแบบผสมผสานระหว่างบ้านกับออฟฟิศ (Hybrid Workplace) กำลังกลายเป็นสิ่งปกติใหม่สำหรับหลายๆ องค์กร

     รูปแบบการทำงานแบบ Hybrid Workplace ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน แบ่งได้ 5 แบบ ไปดูกันเลยว่าแบบไหนที่เหมาะกับองค์กรของคุณ

1. Office First

     กำหนดให้พนักงานกลับมาทำงานที่ออฟฟิศเป็นประจำแบบเต็มเวลา ยกเว้นกรณีจำเป็นจริงๆ จึงให้ทำงานจากบ้านหรือจากที่อื่นได้ ข้อดีคือบรรยากาศการทำงานกลับมาเป็นเหมือนเดิมก่อนที่จะมีวิกฤตโควิด พนักงานได้เห็นหน้าคาดตากัน การสร้างความผูกพันทำได้ง่ายขึ้น แต่ข้อเสียคืออาจดึงดูดคนรุ่นใหม่ได้ยากและเสียเวลาในการเดินทางโดยไม่จำเป็น

2. Fixed Schedule

     กำหนดเวลาในการทำงานที่ออฟฟิศและทำงานที่บ้านอย่างชัดเจน โดยอาจใช้วิธีการแบ่งเป็นทีม A ทีม B และกำหนดวันมาทำงานที่ออฟฟิศของแต่ละทีมสลับกันไป หรือบางองค์กรก็ใช้วิธีกำหนดตามลักษณะงานเช่น งานต้อนรับลูกค้าต้องมาทำงานที่ออฟฟิศ 100% ส่วนงานสนับสนุน เช่น IT ทำงานจากบ้าน 100% เป็นต้น ข้อดีคือมีกำหนดการชัดเจนว่าวันไหนใครจะมาออฟฟิศบ้าง การติดต่อประสานงานกันก็สามารถทำได้สะดวกขึ้น ส่วนข้อเสียคือพนักงานอาจรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม ไม่เสมอภาคกัน ถ้าเผอิญงานที่ตนเองรับผิดชอบ ต้องมาทำงานที่ออฟฟิศหรือต้องทำงานที่บ้าน 100% โดยที่ไม่มีสิทธิ์เลือก

3. Collaboration Day(s)

     กำหนดวันที่ทุกคน (100%) ต้องมาทำงานที่ออฟฟิศในวันเดียวกัน เช่น ทุกวันอังคารกับพฤหัส ทุกคนต้องเข้าออฟฟิศ ข้อดีคือ ทุกคนได้มีโอกาสมาพบเจอ ทำความรู้จักและพูดคุยกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตา ข้อเสียคือขาดความยืดหยุ่นในวันที่ถูกกำหนดให้ต้องมาทำงานที่ออฟฟิศ

4. Flexible Hybrid

     ไม่ได้กำหนดวันเวลาชัดเจนว่าวันไหนใครต้องมาทำงานที่ออฟฟิศ กำหนดเพียงแค่สัดส่วนในการทำงานจากบ้านและออฟฟิศแบบคร่าวๆ เช่น ให้ทุกคนมาทำงานที่ออฟฟิศอย่างน้อย 20% โดยให้แต่ละคนหรือแต่ละหน่วยงานบริหารเวลากันเอง ข้อดีคือมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ข้อเสีย อาจจะติดต่อประสานงานกันยากกรณีที่ต้องการเจอตัว เพราะไม่รู้ว่าวันไหนใครจะมา

5. Remote First

     กำหนดให้การทำงานจากบ้านเป็นแนวทางหลัก ให้มาทำงานที่ออฟฟิศเฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ข้อดีคือมีความยืดหยุ่นมาก สามารถดึงดูดคนรุ่นใหม่ได้ดี ข้อเสียคือการบริหารจัดการทำได้ยากเพราะไม่รู้จำนวนคนที่แน่นอนว่าใครจะมาออฟฟิศวันไหนบ้าง ห้องประชุม ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าออฟฟิศ ก็คำนวณยาก

     ออฟฟิศของคุณ เลือกใช้การทำงานแบบไหนกันครับ ?

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

 

RECCOMMEND: MANAGEMENT

สูตรลับจัดการเวลาฉบับ Pickle Jar Theory  

จะทำอย่างไรให้สามารถบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ปล่อยให้สิ่งเล็กๆ มาบดบังสิ่งใหญ่ที่เป็นหัวใจของธุรกิจ? เราเลยจะพาไปรู้จัก Pickle Jar Theory แนวคิดการให้ความสำคัญกับงานหลักที่มีผลต่อเป้าหมาย ขณะเดียวกันก็ยังจัดพื้นที่ให้กับงานรองที่จำเป็น แต่ไม่เร่งด่วนด้วย

ทำไม SME ส่วนใหญ่จึงเป็นซอมบี้? 6 สเตจธุรกิจที่บอกว่า คุณ “ต้องเปลี่ยนตรงไหน” ถึงจะโตได้จริง

แม้จะมีสินค้ามีรายได้ แต่ทำไมธุรกิจถึงไม่ขยับไปไหนเสียที? คำตอบ อาจไม่ได้อยู่ที่การตลาด ไม่ใช่เรื่องทุน แต่อยู่ในสิ่งที่เรียกว่า Business Growth Cycle วงจรชีวิตของธุรกิจ ที่จะช่วยให้คุณรู้ว่า “ตอนนี้ธุรกิจเราอยู่ตรงไหน?” และ “ต้องปรับอะไร ถ้าอยากโตจริง”

วัฒนธรรมองค์กร จุดตายที่ SME มองข้าม ระบบคน ที่พาธุรกิจพังแบบไม่รู้ตัว

ศัตรูตัวร้ายที่ทำให้ SME ไทยจำนวนมากติดอยู่กับที่ ไม่ใช่คู่แข่ง แต่คือสิ่งที่มองไม่เห็นและมักถูกมองข้ามเสมอมานั่นคือ วัฒนธรรมองค์กร และที่น่าเศร้าคือ คุณเอง อาจเป็น “คอขวด” ขององค์กร โดยไม่รู้ตัว