ทำความเข้าใจเรื่องลิขสิทธิ์ & วิธีป้องกัน สิ่งที่ SME มักจะโดนปรับข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์

TEXT: ภัทร เถื่อนศิริ

Main Idea

  • ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของการเป็นผู้ประกอบการ ความคิดสร้างสรรค์เป็นตัวขับเคลื่อนนวัตกรรม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากการละเมิดลิขสิทธิ์

 

  • ในขณะที่ธุรกิจมุ่งมั่นที่จะสร้างแบรนด์ของตนและสร้างคุณค่าที่น่าสนใจ ความเสี่ยงของการละเมิดสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาโดยไม่ได้ตั้งใจก็มีอยู่ตลอดเวลา

 

  • ในบทความนี้ เราจะสำรวจว่าเหตุใด SME จึงต้องระมัดระวังเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์และเสนอคำแนะนำในการสำรวจธุรกิจกับปัญหาที่ซับซ้อนนี้

        

     

     อาทิตย์ที่ผ่านมาผมเจอกรณีศึกษาที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องความเสียหายของธุรกิจกับลิขสิทธิ์ ความสำคัญของเรื่องนี้คือ ในประเทศไทยเราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้น้อยมาก จะเห็นเคสการก็อปปี้/ทำตามอยู่ตลอดเวลา หากใครทำธุรกิจอะไรขายดีก็จะทำตามกันหมด (แตกต่างจากผู้ประกอบการญี่ปุ่นที่จะทำธุรกิจเอื้อเฟื้อสนับสนุนธุรกิจที่ขายดีมากกว่าไม่ได้ทำธุรกิจเดียวกันเลยเหมือนไทย) และถ้าเกิดการที่เจ้าของลิขสิทธิ์เรียกร้องสิทธิขึ้นมาก็จะสร้างความเสียหายให้แก่ธุรกิจเหล่านั้นอย่างสูงจนถึงขั้นปิดกิจการได้เลย ผมจึงอยากรวบรวมข้อมูลสำคัญมาแชร์กันครับ

1.ทำความเข้าใจพื้นฐานด้านลิขสิทธิ์

     การละเมิดลิขสิทธิ์ในเมืองไทยเราอาจจะเป็นเรื่องที่พบเห็นกันหรือรับรู้จนกลายเป็นเรื่องปกติหรือเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว แต่ในต่างประเทศนั้นการละเมิดลิขสิทธิ์ถือเป็นโทษร้ายแรงและมีมูลค่าในการปรับเงินค่อนข้างสูงมาก เพราะถือว่าเป็นการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการใช้สินค้าที่ก๊อปปี้แบรนด์ต่าง ๆ หรือการใช้ภาพถ่ายบุคคลในการขาย หรือการโหลดเพลง รวมไปถึงการใช้ซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้มีการซื้อหรือลงทะเบียนไว้ ทั้งหมดนั่นก็คือการละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งก่อนที่จะเจาะลึกถึงความซับซ้อนของการละเมิดลิขสิทธิ์ SME จะต้องเข้าใจปัจจัยพื้นฐานก่อน ลิขสิทธิ์เป็นสิทธิ์ตามกฎหมายที่ให้สิทธิ์แก่ผู้สร้างในการควบคุมการใช้ผลงานต้นฉบับของตน เช่น วรรณกรรม ศิลปะ ดนตรี และซอฟต์แวร์ การคุ้มครองนี้ครอบคลุมถึงทั้งผลงานที่ตีพิมพ์และไม่ได้เผยแพร่

     ลิขสิทธิ์ หมายถึง สิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่จะกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับงานที่ผู้สร้างสรรค์ได้ริเริ่มโดยการใช้สติปัญญาความรู้ ความสามารถ และความวิริยะอุตสาหะของตนเองในการสร้างสรรค์ โดยไม่ลอกเลียนงานของผู้อื่น โดยงานที่สร้างสรรค์ต้องเป็นงานตามประเภทที่กฎหมายลิขสิทธิ์ให้คุ้มครอง โดยผู้สร้างสรรค์จะได้รับความคุ้มครองทันทีที่สร้างสรรค์โดยไม่ต้องจดทะเบียน” คำอธิบายจากเว็บไซต์ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์

     กฎหมายลิขสิทธิ์  :  หากผู้ประกอบการมีความจำเป็นต้องหยิบยืมบางสิ่งบางอย่างจากผู้อื่นมาใช้ ซึ่งถ้าผู้นั้นมีการจดลิขสิทธิ์อย่างถูกต้อง ผู้ประกอบการต้องศึกษาให้ดีว่าจะสามารถนํามาดัดแปลง หรือแก้ไขได้หรือไม่ ซึ่งกฎหมายระบุไว้ว่า กรณีเป็นนิติบุคคล ลิขสิทธิ์จะมีอายุ 50 ปี นับตั้งแต่ได้สร้างสรรค์ผลงานขึ้น ในส่วนงานภาพถ่าย โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ หรืองานเสียง ภาพที่มีการเผยแพร่ลิขสิทธิ์มีอายุ 50 ปี นับแต่ได้ สร้างสรรค์งานชิ้นนั้นขึ้นมา หากเป็นงานที่สร้างสรรค์โดยการจ้าง หรือทำตามคำสั่ง จะมีอายุ 50 ปี นับแต่ได้สร้างสรรค์งาน ดังนั้นหากผู้ประกอบการใดที่มีความจําเป็นจะต้อง นํางานของผู้อื่นมาใช้ในการทำธุรกิจจะต้องศึกษาให้ละเอียดรอบคอบก่อนที่จะนำมาใช้ เพื่อไม่ก่อให้เกิดปัญหาทางธุรกิจที่ตามมา

2.ค่าใช้จ่ายสูงสำหรับการละเมิด

     ผลที่ตามมาของการละเมิดลิขสิทธิ์อาจส่งผลร้ายแรงต่อ SME เช่น ค่าปรับ ค่าธรรมเนียมทางกฎหมาย และความเสียหายต่อชื่อเสียงเป็นผลที่อาจเกิดขึ้น การอยู่ผิดด้านกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาอาจทำให้ธุรกิจที่กำลังเติบโตต้องหยุดชะงัก ดังนั้น SME ควรให้ความรู้เชิงรุกแก่ตนเองและทีมงานเกี่ยวกับสิ่งที่ถือเป็นเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์และผลกระทบของการใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาต

     การละเมิดลิขสิทธิ์มีโทษทั้งทางอาญาและทางแพ่งด้วย โทษทางอาญา เช่น การทำซ้ำ ดัดแปลง หรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต โทษปรับมีตั้งแต่ 20,000–200,000 บาท และหากทำในเชิงพาณิชย์มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน–4 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000–800,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้มีการนำกฎหมายลิขสิทธิ์ฉบับใหม่มาปรับใช้กับสื่อออนไลน์เพื่อให้มีผลครอบคลุมมากขึ้น

การละเมิดลิขสิทธิ์และบทลงโทษ

     1.การละเมิดลิขสิทธิ์โดยตรง : คือการทำซ้ำ ดัดแปลง เผยแพร่โปรแกรมคอมพิวเตอร์แก่สาธารณชน รวมทั้งการนำต้นฉบับหรือสำเนางานดังกล่าวออกให้เช่า โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ มีโทษปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หากเป็นการกระทำเพื่อการค้า มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 4 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 800,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

     2.การละเมิดลิขสิทธิ์โดยอ้อม : คือการกระทำทางการค้า หรือการกระทำที่มีส่วนสนับสนุนให้เกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าวข้างต้นโดยผู้กระทำรู้อยู่แล้ว ว่างานใดได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น แต่ก็ยังกระทำเพื่อหากำไรจากงานนั้น ได้แก่ การขาย มีไว้เพื่อขาย ให้เช่า เสนอให้เช่า ให้เช่าซื้อ เสนอให้เช่าซื้อ เผยแพร่ต่อสาธารณชน แจกจ่ายในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อเจ้าของลิขสิทธิ์ และนำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักร มีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 100,000 บาท หากเป็นการกระทำเพื่อการค้า มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 2 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 บาท ถึง 400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

     หากผู้ใดกระทำความผิดต้องระวางโทษตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ฉบับนี้ เมื่อพ้นโทษแล้วยังไม่ครบกำหนดห้าปีกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัตินี้อีก จะต้องระวางโทษเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น ในกรณีที่นิติบุคคลกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ถือว่ากรรมการหรือผู้จัดการทุกคนของนิติบุคคลนั้นเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดกับนิติบุคคลนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่ามิได้รู้เห็นหรือยินยอมด้วย และค่าปรับที่ได้มีการชำระตามคำพิพากษานั้นครึ่งหนึ่งจะตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ อย่างไรก็ดีการได้รับค่าปรับดังกล่าวไม่กระทบต่อสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์ ที่จะฟ้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งสำหรับส่วนที่เกินจำนวนเงินค่าปรับที่เจ้าของลิขสิทธิ์ได้รับไว้แล้ว.

3.ความเสี่ยงด้านเนื้อหาดิจิทัลและโซเชียลมีเดีย

     ในยุคดิจิทัลที่เนื้อหาเป็นสิ่งสำคัญ SME มักจะใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อโปรโมตแบรนด์ของตน อย่างไรก็ตาม นี่เป็นจุดที่ความเสี่ยงต่อการละเมิดลิขสิทธิ์มีเพิ่มมากขึ้น การแชร์รูปภาพ วิดีโอ หรือแม้แต่เนื้อหาที่เขียนโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างเหมาะสมอาจนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมายได้ SME จะต้องขยันหมั่นเพียรเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขามีสิทธิ์ใช้หรือแบ่งปันเนื้อหาใด ๆ ทางออนไลน์

     พฤติกรรมส่วนใหญ่ที่ SME มักจะโดนปรับข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ คือ

  1. การโหลดเพลงเพื่อนำมาประกอบการขายโดยไม่ได้รับอนุญาตและเป็นเพลงที่มีลิขสิทธิ์
  2. โหลดรูปเพื่อนำมาโปรโมตการขายโดยที่เจ้าของภาพไม่ได้อนุญาต
  3. การใช้ซอฟต์แวร์แบบผิดกฎหมายโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต

4.การให้ความรู้แก่ทีม

     การป้องกันที่ดีที่สุด SME คือ ควรลงทุนในการให้ความรู้แก่สมาชิกในทีมเกี่ยวกับกฎหมายลิขสิทธิ์และแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด ตั้งแต่ผู้สร้างเนื้อหาไปจนถึงผู้จัดการโซเชียลมีเดีย ทุกคนที่เกี่ยวข้องในการสร้างหรือเผยแพร่เนื้อหาควรเข้าใจถึงความสำคัญของการเคารพสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา

5.การใช้นโยบายลิขสิทธิ์ในองค์กร

     การสร้างกำหนดนโยบายลิขสิทธิ์ที่ชัดเจนภายในองค์กรถือเป็นสิ่งสำคัญ SME ควรกำหนดแนวปฏิบัติในการจัดหาและใช้เนื้อหา เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานตระหนักถึงช่องทางที่เหมาะสมสำหรับการขอรับใบอนุญาตหรือการอนุญาต แนวทางที่มีโครงสร้างในการสร้างและใช้งานเนื้อหาสามารถลดความเสี่ยงของการละเมิดได้

6.การขอคำแนะนำทางกฎหมาย

     เมื่อมีข้อสงสัย โปรดขอคำแนะนำทางกฎหมาย การให้คำปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายที่เชี่ยวชาญด้านทรัพย์สินทางปัญญาสามารถให้คำแนะนำที่จำเป็นแก่ SME ในการแก้ไขปัญหาความซับซ้อนของลิขสิทธิ์ ตั้งแต่การตรวจสอบสัญญาไปจนถึงการทำความเข้าใจการใช้งานโดยชอบ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายสามารถเป็นพันธมิตรที่ทรงคุณค่าในการปกป้องธุรกิจจากการละเมิดลิขสิทธิ์โดยไม่ตั้งใจ

7.ส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์

     วิธีที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงการละเมิดลิขสิทธิ์คือการจัดลำดับความสำคัญของความคิดริเริ่ม SME ควรลงทุนในการสร้างเนื้อหาที่มีเอกลักษณ์และแท้จริงซึ่งสะท้อนถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์ของตน ด้วยการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ภายในองค์กร ธุรกิจต่างๆ สามารถสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งและโดดเด่นได้โดยไม่ต้องพึ่งพาสื่อจากบุคคลที่สามที่อาจเป็นปัญหา

     ในภาวะการเป็นผู้ประกอบการที่เติบโตอย่างรวดเร็วและมีการแข่งขันสูง SME จะต้องระมัดระวังต่อความเสี่ยงของการละเมิดลิขสิทธิ์ ต้องอาศัยทั้งการศึกษา การดำเนินนโยบาย และความมุ่งมั่นต่อความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ด้วยการทำความเข้าใจความซับซ้อนของกฎหมายลิขสิทธิ์และดำเนินการเชิงรุกเพื่อปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา SME สามารถปกป้องการดำเนินธุรกิจที่สร้างสรรค์ของพวกเขาและสร้างรากฐานสำหรับความสำเร็จที่ยั่งยืนต่อไปได้

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MANAGEMENT

พลังของ Introvert ! ศักยภาพเงียบที่ธุรกิจไม่ควรมองข้าม

Introvert ไม่ได้แค่ “อยู่เงียบๆ” แต่คือพลังสำคัญในโลกการทำงาน ทั้งคิดลึก ฟังเก่ง สร้างสรรค์ และนิ่งภายใต้แรงกดดัน มาดูกันว่าทำไมธุรกิจถึงไม่ควรมองข้ามพลังเงียบนี้

Quiet cracking เทรนด์ใหม่มนุษย์เงินเดือน เมื่อคนเก่งเริ่มหมดใจกับงานที่รัก

Quiet Cracking อาการแตกสลายแบบเงียบๆ ของคนรักงาน ที่ยังชื่นชอบในงานที่ทำอยู่ แต่เริ่มไปต่อไม่ไหว จากงานที่หนักเกินไป ทำเท่าไหร่ก็ไม่พอ เมื่อคนรักงาน หมดใจกับงานที่ทำอยู่ เราจะเยียวยาพวกเขายังไงดี อะไร คือต้นตอสาเหตุ ไปหาคำตอบกัน

Pet Friendly Workplace สูตรลับรักษาคนเก่ง ขององค์กรยุคใหม่

เมื่อก่อนใครพูดว่า “อยากพาน้องหมาน้องแมวมาทำงานด้วย” อาจโดนมองว่าแปลก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว เพราะหลายองค์กรทั่วโลกหันมาจริงจังกับ Pet Friendly Workplace ซึ่งช่วยลดอัตราการลาออก และรักษาคนเก่งให้อยู่ในองค์กร