4 เทคนิคจิตวิทยาการตลาด พิชิตใจลูกค้า

Text : N.P


     เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางสินค้าถึงขายดีแบบไม่ต้องลดราคา หรือบางโปรโมชั่นทำให้ตัดสินใจซื้อแบบไม่ทันตั้งตัว? เบื้องหลังปรากฏการณ์เหล่านี้มาจาก จิตวิทยาการตลาด เทคนิคที่เข้าใจสมองและพฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อชี้นำการตัดสินใจโดยไม่รู้ตัว   เราจะพาไปสำรวจ 4 แนวคิดจิตวิทยา ที่แบรนด์ใหญ่ทั่วโลกใช้สร้างความอยากได้ ความรู้สึกคุ้มค่า และแรงกระตุ้นให้ซื้อ  ตั้งแต่ของหายากที่ทำให้ต้องรีบคว้า ความกลัวเสียที่แรงกว่าความอยากได้ ตัวเลือกเหยื่อที่ทำให้สินค้าดูคุ้มสุด และ สิ่งเร้ารอบตัวที่ชี้นำการตัดสินใจโดยไม่รู้ตัว

1. Scarcity Effect เมื่อ “ของหายาก” กลายเป็น “ของต้องมี Scarcity Effect เป็นหนึ่งในหลักจิตวิทยาทางการตลาดที่ทรงพลังมากที่สุด โดยมีหลักการที่ว่าเมื่อสิ่งใดมีจำนวนจำกัดหรือเข้าถึงยาก คนเราจะรู้สึกว่ามันมีคุณค่ามากขึ้น และอยากได้มากขึ้น กลไกทางจิตวิทยาที่อยู่เบื้องหลังนี้ก็คือ Fear of Missing Out (FOMO) เมื่อรู้ว่ามีจำนวนจำกัด เราจะกลัวพลาดโอกาสที่จะได้สิ่งนั้น แบรนด์ใหญ่ทั่วโลกจึงนำหลักนี้มาใช้ 

     ตัวอย่าง

          - สินค้าที่วางขายเสื้อผ้าจำนวนจำกัดจนคนต่อคิวข้ามคืน  

          - ร้านเครื่องดื่มที่ออกเมนู Seasonal ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าต้องรีบลองก่อนหมดช่วงเวลา  

2. Loss Aversionเมื่อ “ความกลัวเสีย” มีพลังเหนือ “ความอยากได้” คือแนวคิดทางจิตวิทยาที่อธิบายว่าคนเราจะรู้สึกถึง การสูญเสีย มากกว่าการได้มาในระดับจำนวนเท่ากัน เช่น การเสียเงิน 1 พันบาท มักสร้างความรู้สึกแย่มากกว่าความสุขที่ได้มา 1 พันบาท ในเชิงการตลาด หลายแบรนด์ใช้หลักนี้ผ่านข้อความ เช่น “อย่าพลาดส่วนลดพิเศษวันนี้” ซึ่งกระตุ้นให้ผู้บริโภครีบตัดสินใจ เพราะกลัวการสูญเสียโอกาสมากกว่าการได้สิ่งใหม่นั่นเอง

     ตัวอย่าง

          - หากไม่ซื้อ วันนี้อาจพลาดสิทธิพิเศษ เพราะคนกลัวเสียมากกว่ายอมได้  

          - หากไม่สมัครตอนนี้ คุณจะเสียสิทธิ์สมาชิกพิเศษ

3. Decoy Effect เมื่อ “ตัวเลือกเหยื่อ” ชี้นำการตัดสินใจ คือปรากฏการณ์ที่เวลาคนเราจะเลือกของหรือบริการบางอย่าง หากมีตัวเลือกที่ตั้งขึ้นมาเป็น “ตัวเลือกเหยื่อ” (Decoy) ซึ่งด้อยกว่าตัวเลือกเป้าหมายในบางเรื่อง เพื่อทำให้ตัวเลือกเป้าหมายดูคุ้มค่าหรือดีกว่าเดิม และทำให้มีโอกาสเลือกตัวเลือกเป้าหมายมากขึ้น พูดง่าย ๆ คือเรามักไม่ตัดสินใจจากตัวเลือกเพียงอย่างเดียว แต่ชอบเอามาเปรียบเทียบกับสิ่งรอบๆ การมีตัวเลือกเหยื่อจะทำให้สมองคิดว่าตัวเลือกนี้คุ้มสุดแล้ว

      ตัวอย่าง

          - ร้านขายขนมปัง ชิ้นเล็ก 30 บาท กลาง 50 บาท และใหญ่ 60 บาท ผู้บริโภคส่วนมากจะเลือกชิ้นใหญ่ เพราะดูคุ้มกว่าเมื่อเทียบกับตัวเลือกกลาง ทั้งที่เดิมอาจตั้งใจจะซื้อขนาดเล็ก

     4. Priming เมื่อสิ่งเร้ากำหนดการตัดสินใจโดยไม่รู้ตัว คือปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาสิ่งที่เราเห็น ได้ยิน หรือสัมผัสก่อนหน้านั้น สามารถมีอิทธิพลต่อความคิดหรือพฤติกรรมของเราโดยไม่รู้ตัว เช่น หากเราเห็นคำว่า “อิ่ม” เราอาจจะเลือกอาหารน้อยลง หรือถ้าเห็นภาพชายหาด เราอาจนึกถึงวันหยุดและรู้สึกผ่อนคลาย การกระตุ้นนี้อาจเป็น รูปภาพ คำพูด สี เสียง หรือกลิ่น และทำงานโดยสมองเชื่อมโยงความทรงจำและความหมายกับสิ่งที่เจอ

     ตัวอย่าง

           - ซูเปอร์มาร์เก็ต วางขนมปังอบใหม่ใกล้ทางเข้าอาจทำให้ลูกค้าซื้อขนมปังมากขึ้น

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
  

RECCOMMEND: MARKETING

14 ปี LINE จากแชตสู่พันธมิตร ยกระดับธุรกิจ SME ไทยสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

14 ปีที่ LINE ไม่ได้เป็นแค่แอปแชต แต่กลายเป็น “พันธมิตรธุรกิจ” ที่ช่วยให้ SME ไทยแข็งแรงขึ้นในยุคที่ความเร็ว ประสบการณ์ ข้อมูล คือหัวใจของการแข่งขัน

เลิกบริการผิดวิธี ถ้าอยากขายดียุคนี้ ต้องทำให้ Social Battery ลูกค้าหมดช้าที่สุด

ใครว่าบริการที่ดีต้อง "ยิ้ม ต้องทัก ต้องถาม" เสมอไป? วันนี้ธุรกิจที่ทำเงินได้ดี อาจเป็นร้านที่ "พูดน้อยที่สุด" และ "รบกวน Social Battery ลูกค้าให้น้อยที่สุด" ก็เป็นได้

เปิดอินไซต์ Longevity Economy “ชีวิตยืนยาว–สุขภาพดี” มาตรฐานใหม่ของความลักชูรี่ ดันตลาดสุขภาพไทยโตแรงระดับโลก

ชีวิตยืนยาว–สุขภาพดี กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของความลักชูรี่ เปิดอินไซต์ Longevity Economy ชี้ตลาด Health & Wellness ไทยโตแรงระดับโลก เมื่อ “อยู่ได้นาน” ไม่พอ แต่ต้อง “อยู่ได้ดี” นี่คือเมกะเทรนด์ที่ธุรกิจสุขภาพต้องจับตา