Online marketing แบบไหนที่ SME ทำแล้วรุ่ง





เรื่อง : กองบรรณาธิการ
ภาพ : กฤษฎา ศิลปไชย



    “การตลาดออนไลน์ คนที่ต้องแบกรับความยากไว้ ก็คือตัวแบรนด์หรือนักการตลาด เพราะต้องมานั่งจับทิศและทำความรู้จักกับฐานลูกค้าของตนเองแบบละเอียดยิบ ยิ่งไปกว่านั้นอีกหนึ่งความท้าทายที่จะเป็นอุปสรรคสำคัญบนโลกออนไลน์ ก็คือเรื่องของความเร็ว ที่กระแสและความนิยมต่างมาไวแล้วก็ไปไว” 


    นี่คือจุดเริ่มต้นในมุมมองด้านการตลาดออนไลน์ของ สุรศักดิ์ เหลืองอุษากุล นักวางกลยุทธ์การตลาด บริษัท แบรนด์เบเกอร์  ที่กำลังบอกเล่าถึงการตลาดด้านออนไลน์ที่ SME จำเป็นต้องเข้าใจและเข้าให้ถึงเพราะมีประโยชน์มากมายที่ SME สามารถนำไปหยิบใช้ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ต้นทุนสูง

    
    สุรศักดิ์เล่าต่อว่าสิ่งที่ท้าทายที่สุดของออนไลน์ก็คือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว วันนี้ลองใช้กลยุทธ์แบบนี้แล้วเวิร์ก แต่วันพรุ่งนี้อาจจะไม่เวิร์กแล้วก็ได้ เพราะว่ากฎระเบียบต่างๆ ถูกกำหนดจากผู้เป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม 


    ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น เฟซบุ๊ก ยุคก่อนการโพสต์รูปอาจจะเป็นแนวทางที่ดีที่สุดในการกระจายสินค้าให้ลูกค้าดู แต่ผ่านมาครึ่งปีกลับกลายเป็นว่าการโพสต์ลิ้งก์ไปยังเว็บไซต์เวิร์กกว่า หลังจากนั้นอีกไม่นานก็เปลี่ยน และกลายเป็นว่าวิดีโอ คือสื่อที่ดีที่สุด 


    หรือแม้แต่ไลน์ แอพพลิเคชันแช็ตสุดฮิตที่มีผู้ใช้นับล้านคนทั่วโลก แต่ใครจะกล้าการันตีล่ะว่าไลน์จะอยู่กับเราไปตลอด ทุกอย่างต่างต้องมีการพัฒนาและอัพเดตสิ่งใหม่ๆ ให้ผู้เล่นอยู่เสมอ เช่นเดียวกันกับแบรนด์ที่วันนี้จะต้องปรับตัวให้ไว เพื่อให้เข้ากับบริบทของกลุ่มเป้าหมาย



    ซึ่งการปรับตัวที่สำคัญคือแบรนด์จะต้องเริ่มด้วยการรู้จักตนเองเสียก่อน และหาจุดขายที่แตกต่างเพื่อนำมาเป็น Story สำหรับบอกเล่าผ่านโลกออนไลน์ และคอนเทนต์เหล่านั้นจะเป็นตัวที่ทำให้ลูกค้าวิ่งเข้าหา  
 

    ยกตัวอย่างง่ายๆ สมมุติว่าขายกาแฟ คำถามที่ต้องตอบตนเองให้ได้คือ ทำไมลูกค้าต้องมาซื้อกับเรา ทำไมถึงไม่เลือกกินสตาร์บัคส์ ถ้าหากจะบอกว่าราคาถูกกว่า ตรงนี้มองว่ามันเป็นคำตอบที่ยัง “ไม่ใช่”


    แต่ถ้าเราเปลี่ยนมุมมองว่ากาแฟที่เรากำลังขาย เราไม่ได้ขายเพราะว่าราคาถูก แต่เราขายเพื่อมอบพลังงานให้แก่ลูกค้าที่จะต้องไปต่อกรกับงานที่กองสุมไว้ ดังนั้น ข้อความที่จะส่งออกไปคือเราไม่ได้ขายกาแฟนะ แต่เรากำลังขายพลังงานและความสำเร็จ


     ดังนั้น จุดเด่นของร้านคือ มีกาแฟรสเข้ม ภายในร้านจะมีมุมบริการสำหรับคนทำงาน มีห้องสมุดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของธุรกิจ เป็นต้น ซึ่งตรงนี้แหละที่จะเป็นคอนเทนต์สำหรับสร้างจุดขายบนโลกออนไลน์ ค่อยๆ ดึงมันออกมาแล้วก็เล่าผ่านโซเชียลมีเดีย ที่ลูกค้าฝังตัวอยู่
 

 
    นอกจากนี้สุรศักดิ์ยังแนะนำว่าในเมื่อต้นทุนทางด้านการเงินของ SME ไม่สามารถสู้แบรนด์ใหญ่ได้ ดังนั้น ความขยันและตรงประเด็นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่า


    สำหรับ SME จะประสบความสำเร็จได้ต้องขยันโดยคลุกคลีกับข้อมูลให้มาก แม้จะต้องเสียพลังทางความคิดค่อนข้างเยอะ แต่ต้นทุนด้านการเงินนับว่าจ่ายน้อยและคุ้มค่ากับผลตอบรับที่จะได้กลับมา ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่ SME ได้เปรียบแบรนด์ใหญ่ และที่สำคัญคือต้องตรงประเด็น 


    “ผมมีโอกาสได้ไปร่วมเสวนาและวิทยากรที่ขึ้นร่วมกับผม เขามีแนวคิดอย่างหนึ่งที่ดีและผมชอบมาก คือปัจจุบันเราทำวิดีโอขึ้นมาสักชิ้น เราจะเอายอด 1 ล้านวิวไปทำอะไร หรือแม้แต่ข้อมูลในเฟซบุ๊กเราต้องการยอดเข้าถึง 20 ล้านคนไปเพื่ออะไร ถ้าในท้ายที่สุดมันไม่สามารถแปรเปลี่ยนตัวเลขเหล่านั้นเป็นยอดขายได้ ซึ่งเขาก็แนะนำว่าให้เราตั้งโจทย์กับตนเองก่อนว่า ต้องการยอดขายเท่าไหร่ สมมุติผมอยากได้ 1 ล้านบาทจากลูกค้า 1 หมื่นคน ทีนี้ลูกค้า 1 หมื่นคนจะเห็นเราสักกี่ครั้งนะ เขาถึงจะตัดสินใจซื้อ สมมุติว่า 10 ครั้งก็เพียงพอ เท่ากับว่าเราใช้ยอดคนเข้าถึงแค่ 1 แสนเท่านั้น แล้วก็ทำการกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ตรง การทำ Custom Audience ตรงนี้ ผู้ประกอบการจะใช้เงินลงทุนเพียงแค่ 6,000-10,000 บาทเท่านั้น นี่แหละคือวิธีทำการตลาดที่แปลงกลับมาเป็นยอดขายได้จริงในราคาที่สุดคุ้ม”


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

     

RECCOMMEND: MARKETING

เคสยาดม ชวนหิว ไอเดียทำเงิน จากไอเทมฮิต ว้าว! จนอยากหยิบมาใช้

พบไอเดียสุดเก๋ “เคสยาดม ฉบับคนหิว” ที่นำเอาเมนูสรีทฟู้ดแบบไทยๆ รวมถึงอาหารฟาสฟู้ดมาปั้นด้วยดินไทย ทำเป็นเมนูต่างๆ อาทิ ผัดไท, ส้มตำ, ก๋วยเตี๋ยว, มาม่า ต้มยำกุ้ง, แฮมเบอร์เกอร์, ถังไก่ KFC

รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ปลุกความกลัวพลาด ที่ช่วยเร่งยอดขายโต

ลูกค้าไม่ได้ซื้อเพราะอยากได้เสมอไป แต่ซื้อเพราะ ‘กลัวพลาด’ รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ต้นทุนต่ำที่ช่วยให้ SME ปิดการขายได้ไวขึ้น

รวมกับดักการตลาด ที่กำลัง “ฆ่า” SME แบบไม่รู้ตัว ดูวิธีรอดที่ทำได้ทันที

พาไปแกะทีละข้อ ว่าทำไม “สูตรยิงแอด” หรือ “สูตรทำคอนเทนต์” ที่เวิร์กกับคนอื่น ถึงไม่เวิร์กกับคุณ พร้อมชี้ทางออก ที่จะทำให้การสื่อสารแบรนด์กลับมา “เข้าเป้า” ได้จริง