รับมืออย่างไรกับลูกค้าที่มาพร้อมสัตว์เลี้ยง


 

 
เรื่อง วิมาลี วิวัฒนกุลพาณิชย์
 
เพิ่งมีดราม่ากันไปไม่นานกับกรณีลูกค้ารายหนึ่งนำสุนัขชิวาว่าเข้าไปเพ่นพ่านในร้านสะดวกซื้อ แถมยังจับเจ้าหมากระเป๋าไปถ่ายรูปตามมุมต่าง ๆ เช่น ชั้นวางขวดนม ในตู้แข่น้ำดื่ม และเกาะที่ถังผลิตน้ำแข็งเกล็ด เท่านั้นยังไม่พอ ยังพาเข้าร้านไอศกรีม ให้สุนัขเลียไอศกรีมจากช้อนที่ทางร้านเสิร์ฟให้ลูกค้าอีกด้วย ก็สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปทางลบในโลกโซเชี่ยลมีเดีย ล่าสุดก็ปรากฎภาพเจ้าของนำสุนัขโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวใหญ่เข้าไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อ แล้วสุนัขไปเลียสินค้า เช่น กล่องนมที่วางชั้นล่าง ๆ ทำให้กลายเป็นข่าวอีกระลอก
 
 
เชื่อเถอะว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอีกเรื่อย ๆ ตราบที่ยังมีลูกค้าทำตามอำเภอใจโดยไม่ฉุกคิดว่าบางสถานที่ก็ไม่ควรนำสัตว์เลี้ยงเข้าไป เช่น ร้านค้า ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่ปิดและติดเครื่องปรับอากาศ เหตุผลก็ดังที่ทราบคือต่อให้สัตว์เหล่านั้น ส่วนใหญ่คือสุนัขและแมวจะได้รับการดูแลความสะอาดเป็นอย่างดี แต่เราไม่รู้หรอกว่ามันเอาลิ้นไปเลียสิ่งสกปรกอะไรมาบ้าง และถ้าปล่อยให้เลียสิ่งของต่าง ๆ ก็อาจจะทำให้เกิดการปนเปื้อนได้ ยังไม่นับรวมขนที่หลุดลอยฟุ้งกระจายในอากาศ อาจไปตกในอาหาร และแย่ยิ่งกว่าคือคนที่แพ้ขนสูดเข้าไป คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เว้นเสียแต่ว่าสถานที่ต่าง ๆ เหล่านั้นจะยินดีต้อนรับสัตว์เลี้ยง อาทิ คาเฟ่สัตว์เลี้ยง หรือห้างบางแห่งที่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าไปได้ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง
 
 
สำหรับผู้ประกอบการ จะมีวิธีรับมือกับลูกค้าที่นำสัตว์เลี้ยงมาด้วยอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดความยุ่งยากขึ้น ข้อแรก คือ การอบรมพนักงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ ต้องทำความเข้าใจตรงกันเกี่ยวกับกฎของร้าน/สถานที่ และวิธีการปฏิบัติเมื่อเจอลูกค้านำสัตว์เลี้ยงเข้ามา ความสุภาพต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ชี้แจงด้วยเหตุผล อย่าสาดอารมณ์ใส่กัน ปฏิบัติต่อลูกค้าที่มาพร้อมสัตว์เลี้ยงอย่างเท่าเทียมเพื่อเป็นการรักษาบรรทัดฐาน ไม่ใช่เลือกปฏิบัติโดยดูจากฐานะหรือการแต่งกาย หากลูกค้ายังดึงดันที่จะละเมิดกฎ ทางร้านอาจต้องยอมสูญเสียลูกค้าที่เชื่อว่าเป็นกลุ่มน้อยกลุ่มนี้เพื่อรักษาลูกค้ากลุ่มใหญ่เอาไว้
 
 
ข้อสอง ติดป้ายให้ชัดเจนที่หน้าร้าน หรือประกาศเกี่ยวกับนโยบายทางร้านเพื่อให้ลูกค้าเข้าใจ และถือเป็นข้อตกลงที่แจ้งให้ลูกค้าทราบเพื่อปฏิบัติตาม นอกจากหน้าร้าน ป้ายหรือประกาศนี้ควรถูกแปะไว้ที่เว็บไซต์หรือเว็บเพจของร้านด้วยเพื่อทำให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าควรใช้หรือไม่ใช้บริการดี พึงใช้ถ้อยคำที่สุภาพและหลีกเลี่ยงการสร้างความไม่พอใจแก่ลูกค้า การออกกฎที่ชัดเจนเช่นนี้จะช่วยลดปัญหาลงได้
 
 
ข้อสาม หากทางร้านยังแคร์กลุ่มลูกค้าที่มีสัตว์เลี้ยง และต้องการบริการกลุ่มนี้อยู่ ทางออกคือการแบ่งโซน คล้าย ๆ โซนปลอดบุหรี่กับโซนสูบบุหรี่ แต่นี่เป็นโซนปลอดสัตว์เลี้ยงกับโซนอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้ามาได้ ยกตัวอย่าง หน้าร้านที่เป็นโอเพ่นแอร์ ยกให้เป็นโซนต้อนรับสัตว์เลี้ยง ส่วนในร้านที่ติดเครื่องปรับอากาศ ต้องไม่มีสัตว์เลี้ยงเพ่นพ่าน เป็นต้น หรืออาจจะทำห้องเฉพาะไว้รับรองเจ้าของที่พาสัตว์เลี้ยงมาเพื่อไม่ปะปนกับลูกค้าอื่นเลยก็ได้ เผลอ ๆ อาจจะได้ลูกค้ากลุ่มรักสัตว์เพิ่มขึ้น
 
 
สืบเนื่องมาจากข้อสาม หากอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าร้าน สิ่งที่ต้องเตรียมพร้อมคือความสะอาด  โต๊ะ เก้าอี้ พื้นควรทำจากวัสดุที่ทำความสะอาดง่าย มีระบบระบายอากาศที่ดี ที่สำคัญ พนักงานต้องเรียนรู้วิธีรับมือหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น สัตว์เลี้ยงของลูกค้ากัดกัน สัตว์เลี้ยงหงุดหงิดสร้างความปั่นป่วนในร้าน หรือสุนัขของลูกค้าไปกัดลูกค้าอื่นวิธีการที่กล่าวมาทั้งหมดอาจแก้ปัญหาไม่ได้หมดร้อยเปอร์เซนต์ แต่อย่างน้อยก็ถือเป็นแนวทางในการปฏิบัติเพื่อลดความวุ่นวายและความเสียหายทางธุรกิจที่อาจเกิดขึ้น
 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 
 



เรื่อง วิมาลี วิวัฒนกุลพาณิชย์

    เพิ่งมีดราม่ากันไปไม่นานกับกรณีลูกค้ารายหนึ่งนำสุนัขชิวาว่าเข้าไปเพ่นพ่านในร้านสะดวกซื้อ แถมยังจับเจ้าหมากระเป๋าไปถ่ายรูปตามมุมต่าง ๆ เช่น ชั้นวางขวดนม ในตู้แข่น้ำดื่ม และเกาะที่ถังผลิตน้ำแข็งเกล็ด เท่านั้นยังไม่พอ ยังพาเข้าร้านไอศกรีม ให้สุนัขเลียไอศกรีมจากช้อนที่ทางร้านเสิร์ฟให้ลูกค้าอีกด้วย ก็สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปทางลบในโลกโซเชี่ยลมีเดีย ล่าสุดก็ปรากฎภาพเจ้าของนำสุนัขโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวใหญ่เข้าไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อ แล้วสุนัขไปเลียสินค้า เช่น กล่องนมที่วางชั้นล่าง ๆ ทำให้กลายเป็นข่าวอีกระลอก


    เชื่อเถอะว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอีกเรื่อย ๆ ตราบที่ยังมีลูกค้าทำตามอำเภอใจโดยไม่ฉุกคิดว่าบางสถานที่ก็ไม่ควรนำสัตว์เลี้ยงเข้าไป เช่น ร้านค้า ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่ปิดและติดเครื่องปรับอากาศ เหตุผลก็ดังที่ทราบคือต่อให้สัตว์เหล่านั้น ส่วนใหญ่คือสุนัขและแมวจะได้รับการดูแลความสะอาดเป็นอย่างดี แต่เราไม่รู้หรอกว่ามันเอาลิ้นไปเลียสิ่งสกปรกอะไรมาบ้าง และถ้าปล่อยให้เลียสิ่งของต่าง ๆ ก็อาจจะทำให้เกิดการปนเปื้อนได้ ยังไม่นับรวมขนที่หลุดลอยฟุ้งกระจายในอากาศ อาจไปตกในอาหาร และแย่ยิ่งกว่าคือคนที่แพ้ขนสูดเข้าไป คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เว้นเสียแต่ว่าสถานที่ต่าง ๆ เหล่านั้นจะยินดีต้อนรับสัตว์เลี้ยง อาทิ คาเฟ่สัตว์เลี้ยง หรือห้างบางแห่งที่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าไปได้ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง


    สำหรับผู้ประกอบการ จะมีวิธีรับมือกับลูกค้าที่นำสัตว์เลี้ยงมาด้วยอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดความยุ่งยากขึ้น ข้อแรก คือ การอบรมพนักงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ ต้องทำความเข้าใจตรงกันเกี่ยวกับกฎของร้าน/สถานที่ และวิธีการปฏิบัติเมื่อเจอลูกค้านำสัตว์เลี้ยงเข้ามา ความสุภาพต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ชี้แจงด้วยเหตุผล อย่าสาดอารมณ์ใส่กัน ปฏิบัติต่อลูกค้าที่มาพร้อมสัตว์เลี้ยงอย่างเท่าเทียมเพื่อเป็นการรักษาบรรทัดฐาน ไม่ใช่เลือกปฏิบัติโดยดูจากฐานะหรือการแต่งกาย หากลูกค้ายังดึงดันที่จะละเมิดกฎ ทางร้านอาจต้องยอมสูญเสียลูกค้าที่เชื่อว่าเป็นกลุ่มน้อยกลุ่มนี้เพื่อรักษาลูกค้ากลุ่มใหญ่เอาไว้


     ข้อสอง ติดป้ายให้ชัดเจนที่หน้าร้าน หรือประกาศเกี่ยวกับนโยบายทางร้านเพื่อให้ลูกค้าเข้าใจ และถือเป็นข้อตกลงที่แจ้งให้ลูกค้าทราบเพื่อปฏิบัติตาม นอกจากหน้าร้าน ป้ายหรือประกาศนี้ควรถูกแปะไว้ที่เว็บไซต์หรือเว็บเพจของร้านด้วยเพื่อทำให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าควรใช้หรือไม่ใช้บริการดี พึงใช้ถ้อยคำที่สุภาพและหลีกเลี่ยงการสร้างความไม่พอใจแก่ลูกค้า การออกกฎที่ชัดเจนเช่นนี้จะช่วยลดปัญหาลงได้


    ข้อสาม หากทางร้านยังแคร์กลุ่มลูกค้าที่มีสัตว์เลี้ยง และต้องการบริการกลุ่มนี้อยู่ ทางออกคือการแบ่งโซน คล้าย ๆ โซนปลอดบุหรี่กับโซนสูบบุหรี่ แต่นี่เป็นโซนปลอดสัตว์เลี้ยงกับโซนอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้ามาได้ ยกตัวอย่าง หน้าร้านที่เป็นโอเพ่นแอร์ ยกให้เป็นโซนต้อนรับสัตว์เลี้ยง ส่วนในร้านที่ติดเครื่องปรับอากาศ ต้องไม่มีสัตว์เลี้ยงเพ่นพ่าน เป็นต้น หรืออาจจะทำห้องเฉพาะไว้รับรองเจ้าของที่พาสัตว์เลี้ยงมาเพื่อไม่ปะปนกับลูกค้าอื่นเลยก็ได้ เผลอ ๆ อาจจะได้ลูกค้ากลุ่มรักสัตว์เพิ่มขึ้น


    สืบเนื่องมาจากข้อสาม หากอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าร้าน สิ่งที่ต้องเตรียมพร้อมคือความสะอาด  โต๊ะ เก้าอี้ พื้นควรทำจากวัสดุที่ทำความสะอาดง่าย มีระบบระบายอากาศที่ดี ที่สำคัญ พนักงานต้องเรียนรู้วิธีรับมือหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น สัตว์เลี้ยงของลูกค้ากัดกัน สัตว์เลี้ยงหงุดหงิดสร้างความปั่นป่วนในร้าน หรือสุนัขของลูกค้าไปกัดลูกค้าอื่นวิธีการที่กล่าวมาทั้งหมดอาจแก้ปัญหาไม่ได้หมดร้อยเปอร์เซนต์ แต่อย่างน้อยก็ถือเป็นแนวทางในการปฏิบัติเพื่อลดความวุ่นวายและความเสียหายทางธุรกิจที่อาจเกิดขึ้น

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ปลุกความกลัวพลาด ที่ช่วยเร่งยอดขายโต

ลูกค้าไม่ได้ซื้อเพราะอยากได้เสมอไป แต่ซื้อเพราะ ‘กลัวพลาด’ รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ต้นทุนต่ำที่ช่วยให้ SME ปิดการขายได้ไวขึ้น

รวมกับดักการตลาด ที่กำลัง “ฆ่า” SME แบบไม่รู้ตัว ดูวิธีรอดที่ทำได้ทันที

พาไปแกะทีละข้อ ว่าทำไม “สูตรยิงแอด” หรือ “สูตรทำคอนเทนต์” ที่เวิร์กกับคนอื่น ถึงไม่เวิร์กกับคุณ พร้อมชี้ทางออก ที่จะทำให้การสื่อสารแบรนด์กลับมา “เข้าเป้า” ได้จริง

Color Psychology: จิตวิทยาเรื่องสี ที่แบรนด์ใหญ่ใช้เพิ่มยอดขาย

สี…ก็เปลี่ยนยอดขายได้ ทำไม Facebook ใช้สีน้ำเงิน? ทำไม Chanel ถึงเลือกสีดำทอง? ทำไมฟาสต์ฟู้ดต้องสีแดง-เหลือง? คำตอบอยู่ที่ “Color Psychology” จิตวิทยาของสีที่แบรนด์ใหญ่ใช้สร้างกำไรมาแล้วทั่วโลก