แจ็ค หม่า แนะแนวพัฒนา e-Commerce ต้องไม่ทำให้คนวิ่งหนี

Text: กองบรรณาธิการ






   
     ในการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ UNCTAD ที่เจนีวา ซึ่งปีนี้เน้นมาที่ประเด็นของการทำตลาด e-Commerce ข้ามประเทศ ให้มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นและสามารถเข้าถึงประเทศกำลังพัฒนาและประเทศที่ยังขาดแคลนเทคโนโลยี และองค์ความรู้ แจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Alibaba และ Aliexpress ก็เสนอแนวทางในการพัฒนา e-Commerce ในประเทศกำลังพัฒนาว่า “ควรมองว่า e-Commerce เป็นช่องทางที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด แทนที่จะมองว่าจะหากฎระเบียบข้อไหนมากำกับดูแลและจะรีดภาษีจากผู้ประกอบการ e-Commerce อย่างไรดี”


     เขากล่าวว่า กฎระเบียบที่ควรออกมากำกับดูแลนั้น ต้องเป็นการกระตุ้นและสนับสนุนผู้ประกอบการ กระตุ้นการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน และลดภาษีลงสำหรับผู้ประกอบการที่จดทะเบียนเป็น e-Commerce โดยก่อนหน้านี้ แจ็ค หม่า ได้เรียกร้องให้มีการนำระบบ electronic World Trade Platform หรือ eWTP เข้ามาสนับสนุน SME ในการออกสู่ตลาดโลกเนื่องจาก eWTP จะช่วยลดความซับซ้อนในเชิงกฎหมายให้กับธุรกิจของ SME รวมถึงลดอุปสรรคในการเข้าถึงตลาดและเงินทุนใหม่ จนสามารถแข่งขันกับธุรกิจขนาดใหญ่ได้อย่างทัดเทียมกันยิ่งขึ้น


     “e-Commerce คือช่องทางการค้าที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาในยุคนี้ ด้วยการสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการไม่ว่าจะเป็นรายเล็กหรือรายใหญ่ และยังช่วยให้ผู้ประกอบการรายเล็กสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดทั้งในด้านของทำเลที่ตั้งและระยะทาง รวมถึงสร้างโอกาสในการหางานด้วย”
    

    ในประเทศจีน Alibaba ได้ก่อให้เกิดการจ้างงานกว่า 30 ล้านตำแหน่ง ซึ่งโดยมากเป็นแรงงานคนหนุ่มสาว แรงงานจากชุมชนในพื้นที่ห่างไกล และกลุ่มผู้พิการ โดยกลุ่มหลังสุดนี้สามารถสร้างรายได้ต่อปีได้ถึง 60,700 ล้านบาทในปี 2559 บนเว็บไซต์ Taobao


     สำหรับประเทศไทย ที่ตอนนี้กำลังตั้งเป้าสู่การเป็นไทยแลนด์ 4.0 และมีผู้ประกอบการที่หันมาใช้ช่องทาง e-Commerce มากขึ้น ก็น่าสนใจว่าภาครัฐจะตอบรับคำแนะนำนี้อย่างไร 


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี


RECCOMMEND: MARKETING

Tiny Tattoo: เทรนด์ใหม่ที่สอนให้แบรนด์หรูคิดต่าง สิ่งเล็กๆ กำลังเปลี่ยนเกมตลาด Luxury

รอยสักขนาดจิ๋ว (tiny tattoo) และเส้นบาง (fine-line tattoo) ไม่ใช่แค่ศิลปะ แต่เป็น “การลงทุนด้านรสนิยม” ที่อยู่กับเจ้าของตลอดชีวิต ส่งผลให้จำนวนผู้ทำงานในธุรกิจร้านสักสหรัฐฯ เพิ่มจาก 150,000 เป็น 180,000 (2020–2024)

นี่ไม่ใช่แท่งสี แต่คือไอเดีย มัทฉะบาร์ พร้อมทาน 6 เฉดสี เจ้าแรกของไทย

ที่เห็นเรียงเป็นแท่งๆ ไล่เฉดเขียวจนถึงน้ำตาลในกล่องนี้ ไม่ใช่พาเลตต์สีน้ำหรือแท่งสีแต่อย่างใด แต่คือ “มัทฉะบาร์”  

โอกาสชาไทย สู่เวทีโลก ในวิกฤต matcha ขาดตลาด

กระแสมัทฉะพุ่งแรงตั้งแต่ปี 2568 ขณะที่ปริมาณผลผลิตลดลงจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ เกิดภาวะของขาดตลาดในหลายภูมิภาค สำหรับผู้ประกอบการไทย นี่คือโอกาสทอง