4 หัวใจหลัก ที่ SME ต้องมีถ้าคิดจะ Go Online ให้สำเร็จ

Text : ไศลธร เหมะสิขัณฑกะ


     เมื่อทิศทางประเทศไทยกำลังก้าวสู่ยุค 4.0 จึงเป็นโอกาสทองให้ผู้ประกอบการหันมาทำตลาดออนไลน์กันมากขึ้น ทั้งนี้ Internet Wold Stats สำนักวิจัยด้านข้อมูลการใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วโลก ระบุว่า ในการสำรวจเมื่อปี 2559 ประเทศไทยมียอดผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตจำนวน 41 ล้านราย จากจำนวนประชากร 68.2 ล้านคน นั่นแปลว่า SME มีโอกาสที่จะสร้างรายได้จากตลาดที่มีลูกค้ารออยู่ถึง 41 ล้านราย





    จากการเปิดเผยของ กิลาน เลอ ฌาเตลิเยร์ ผู้อำนวยการประจำภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โซลูชันส์การตลาด Google กล่าวว่า ไทยเป็นประเทศที่เรียกว่า Mobile First Nation หรือ ประเทศที่พฤติกรรมผู้บริโภคส่วนใหญ่เริ่มจากโทรศัพท์ และคนไทยยังใช้สมาร์ทโฟนกันมากกว่าคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป อีกทั้งระยะเวลาการใช้งานสมาร์ทโฟนของคนไทยคือ 6.2 ชั่วโมงต่อวัน โดยแบ่งเป็นการเซิร์ชหาข้อมูลทั่วไป 80 เปอร์เซ็นต์ การชมคอนเทนต์ที่เป็นวีดีโอ 88 เปอร์เซ็นต์ และการซื้อของออนไลน์ 59 เปอร์เซ็นต์ จากข้อมูลของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ ETDA


     “ข้อมูลดังกล่าว แสดงให้เราเห็นถึงพฤติกรรมของผู้บริโภค และบ่งบอกถึงรูปแบบการแข่งขันทางธุรกิจสำหรับ SME ที่จะเปลี่ยนไป เพราะว่าตลาดจะขยายตัวได้ไม่รู้จบตราบเท่าที่ผู้ประกอบการต้องการในขณะที่จำนวนลูกค้าที่ต้องการสินค้าหรือบริการก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย และนี่คือเหตุผลว่า ถึงเวลาแล้วที่ SME จะต้อง Go Online” 


     ขณะที่ ศารณีย์ บุญฤทธิ์ธงไชย หัวหน้าฝ่ายการตลาดภาคธุรกิจ Google Thailand กล่าวว่า รายงานจาก Google Consumer Barometer ระบุว่า 83 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตก่อนจะตัดสินใจซื้อสินค้าใดก็ตาม จะต้องเซิร์ชหาข้อมูลต่างๆ และ 63 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริโภคเหล่านี้ใช้สมาร์ทโฟนเป็นเครื่องมือหลักในการเซิร์ชหาข้อมูล ดังนั้นหากผู้ประกอบการที่ไม่ได้อยู่บนออนไลน์และยังไม่รองรับการใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือก็จะเสียโอกาสนั้นๆ ไป





     ฉะนั้น ถ้าใครจะกระโดดสู่ตลาดออนไลน์ จำเป็นต้ององค์ประกอบ 4 ข้อ ดังนี้


    Be there เมื่อเราอยู่บนโลกออนไลน์ สิ่งที่เราต้องให้ความสนใจก่อนคือ ทำอย่างไรให้คนหาเราเจอ เพราะ 77 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต จะใช้เซิร์ชเอนจิ้นเป็นแหล่งในการหาข้อมูลเปรียบเทียบสินค้าหรือบริการ โดย 70 เปอร์เซ็นต์ของผู้ค้นหาข้อมูลผ่านเซิร์ชเอนจิ้น จะเปรียบเทียบข้อมูลไม่เกิน 3 แบรนด์ก่อนตัดสินใจ นั่นแปลว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่จะดูข้อมูลไม่ไกลจากหน้าแรกของเซิร์ชเอนจิ้นมาก นั่นแปลว่า SME บนโลกออนไลน์จะต้องมีกลยุทธ์ในการทำเว็บไซต์ให้อยู่ในการแสดงผลของหน้าแรกๆ


      Be useful ข้อมูลบนเว็บไซต์จะต้องตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค หากผู้บริโภคต้องการค้นหาอะไรผู้ประกอบการต้องมีสิ่งนั้นให้เขา เช่น หากเขาต้องการครีมรักษาสิว เมื่อเซิร์ชข้อมูล พบเว็บไซต์หนึ่งประกาศว่าขายครีมรักษาสิวคุณภาพดีแต่เข้าไปหน้าแรกมีแต่ครีมกันแดด ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นในใจผู้บริโภคคือ เราต้องเข้าไปหาตรงไหนอีก และจะปิดหน้าเว็บนั้นลงทันที ดังนั้น ต้องแน่ใจว่าข้อมูลที่ปรากฏบนเว็บโดยเฉพาะในหน้าแรก จะตรงกับที่ผู้บริโภคค้นหา


     Be quick ข้อนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ผู้ประกอบการที่มีเว็บไซต์บนโลกออนไลน์ควรตระหนักให้ดี จากรายงานที่ Google ทำไว้ สิ่งที่จะทำให้ผู้บริโภคถึงกับเมินหนีเว็บไซต์นั้นๆ ไป มากที่สุดคือระยะเวลาในการโหลดหน้าเว็บนั้นๆ โดยผู้บริโภคส่วนใหญ่จะปิดหน้าเว็บทิ้งทันทีหากโหลดไม่เสร็จใน 3 วินาที ในขณะที่หน้าเว็บไซต์โดยเฉลี่ยของไทยจะใช้เวลาในการโหลด 12 วินาที ข้อมูลนี้แสดงให้เราเห็นว่าเว็บไซต์จำนวนมหาศาลในประเทศไทยได้เสียโอกาสไปแล้ว เนื่องจากผู้บริโภคยุคใหม่ไม่ชอบรออะไรนานๆ ดังนั้น แม้จะมีข้อมูลที่ดี มีสินค้าหรือบริการยอดเยี่ยม แต่เมื่อไม่ตอบโจทย์ด้านความไว ก็เท่ากับเสียโอกาสที่ผู้บริโภคมากกว่าครึ่งหนึ่งจะปิดเว็บทิ้ง


     Connect dots 40 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริโภคที่เปิดหาข้อมูลจากบนสมาร์ทโฟนจะหันไปสั่งซื้อผ่านทางหน้าเว็บไซต์บนเครื่องเดสก์ท็อปแทน หรือบางรายอาจตัดสินใจไปซื้อที่หน้าร้านนั้นๆ สิ่งสำคัญคือผู้ประกอบการจะต้องมีวิธีที่จะใช้วัดว่าลูกค้าจะเลือกช่องทางใดในการเลือกซื้อหรือใช้บริการบ้าง การติดตั้งเครื่องมือสำหรับวิเคราะห์จึงสามารถช่วยให้ผู้ประกอบการวัดผลของ Consumer Journey ได้


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

วิกฤตสูงวัย เด็กเกิดใหม่น้อย กรณีศึกษาธุรกิจญี่ปุ่น ปรับตัวผลิตสินค้าผู้ใหญ่แทนสินค้าเด็ก

Oji Holdings ผู้ผลิตผ้าอ้อมในญี่ปุ่นประกาศยุติผลิตผ้าอ้อมเด็ก หันไปเพิ่มปริมาณการผลิตผ้าอ้อมผู้ใหญ่แทน สาเหตุมาจากอัตราการเกิดที่ลดลงและจำนวนประชากรสูงวัยของญี่ปุ่นที่เพิ่มสูงขึ้น

โอกาสโกอินเตอร์ของแบรนด์ไทย ทำงานกับนักธุรกิจระดับโลก งาน Gifts & Premium Fair ฮ่องกง

ฮ่องกงขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนที่มีการจัดงานแสดงสินค้าที่ยิ่งใหญ่ของโลกแห่งหนึ่ง และหนึ่งในนั้นคืองานแสดงสินค้าของขวัญและของพรีเมียมภายใต้ชื่อ Hong Kong Gifts & Premium Fair ซึ่งกำลังจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 27-30 เมษายน 2024