​เลือกใช้บรรจุภัณฑ์แบบไหน? ให้เหมาะกับ SME

Text : กองบรรณาธิการ


               

     บรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่ง หรือเรียกสั้นๆ ว่า “บรรจุภัณฑ์พร้อมส่ง” จึงเป็นอีกปัจจัยสำคัญ นอกเหนือจากตัวสินค้าที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสนใจ เพราะนอกจากจะเป็นตัวช่วยนำส่งสินค้า รักษาสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภคหรือลูกค้าได้ปลอดภัยแล้ว บรรจุภัณฑ์ยังสามารถช่วยสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ การส่งสารต่างๆ ไปยังผู้บริโภคได้ด้วย ดังนั้น หากอยากจะเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ขึ้นมาสักตัวจะต้องเลือกยังไง แบบไหนถึงเรียกว่าจะเหมาะกับสินค้าของเรา ลองไปดูกัน
 

รู้จักประเภทของบรรจุภัณฑ์พร้อมส่ง

     ปัจจุบันประเภทของบรรจุภัณฑ์พร้อมส่งที่นิยมใช้และรู้จักโดยทั่วไป จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ด้วยกัน คือ กล่องกระดาษลูกฟูก และบรรจุภัณฑ์แบบซอง ซึ่งมีทั้งแบบเป็นกระดาษและพลาสติก


     กล่องกระดาษลูกฟูก เหมาะกับสินค้าที่ต้องการการปกป้องดูแล เพื่อไม่ให้บุบหรือแตกสลายง่าย เป็นสินค้าที่มีรูปทรงปริมาตรคือ มีความกว้าง ความยาว ความสูง ต้องการพื้นที่ในการจัดส่ง ข้อจำกัดคือ มีน้ำหนักและใช้พื้นที่ในการจัดส่ง แต่มีข้อดีคือ ช่วยปกป้องสินค้าได้ดี โดยรูปแบบกล่องลูกฟูกที่นิยมนำมาใช้เป็นบรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่งในปัจจุบันที่ใช้กันจะมีอยู่ 2 ประเภทใหญ่ด้วยกัน คือ กล่องฝาชนและกล่องไดคัท ซึ่งมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป กล่องฝาชนจะมีราคาถูกกว่า น้ำหนักเบากว่า กล่องไดคัทอาจมีราคาที่สูงกว่า แต่มีความสวยงามและแข็งแรงมากกว่าเช่นกัน ซึ่งจะเหมาะสำหรับสินค้าที่มีมูลค่าสูงนิดหนึ่ง
     
     ซอง เหมาะกับสินค้าที่มีแค่ 2 มิติ คือ กว้าง x ยาว หรือสินค้าที่สามารถพับและย่อได้โดยไม่บุบสลาย เช่น เสื้อผ้า ผ้าพันคอ ซึ่งซองที่นิยมใช้กันมากคือ ซองพลาสติก โดยนิยมใช้กันในหมู่ร้านค้าเสื้อผ้าออนไลน์ เพราะนอกจากจะมีน้ำหนักเบาแล้ว ทำให้ค่าขนส่งถูกลงแล้ว ซองพลาสติกยังสามารถป้องกันน้ำ การเปรอะเปื้อนให้กับสินค้าได้ด้วย โดยทุกวันนี้เพื่อให้สะดวกมากยิ่งขึ้น มีการผลิตเป็นซองพลาสติกแบบพร้อมส่ง มีช่องให้จ่าหน้าผู้ฝาก ผู้รับออกมาแล้ว

 



ซื้อได้ที่ไหน

     สามารถเลือกซื้อได้จากผู้ประกอบการธุรกิจบรรจุภัณฑ์ทั่วไป โดยปัจจุบันมีให้เลือกมากมายและหันมาเปิดตัวอยู่บนตลาดออนไลน์มากยิ่งขึ้น โดยสามารถเลือกซื้อได้ 2 วิธี คือ


     บรรจุภัณฑ์แบบสำเร็จรูป ผลิตออกมาในรูปแบบลักษณะขนาดต่างๆ ที่เป็นแบบมาตรฐาน ไม่มีลวดลายหรือตราสินค้าใดๆ ซึ่งมีราคาต่อหน่วยไม่สูงมากนัก ทั้งนี้เพื่อสร้างความสะดวกให้กับผู้ส่ง โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ยังมีปริมาณการจำหน่ายสินค้าไม่สูงมากนัก นอกจากจะจัดส่งธรรมดาแล้ว เรายังสามารถสร้างเอกลักษณ์ให้บรรจุภัณฑ์ดูน่าสนใจได้ง่ายๆ ด้วยการทำตราปั๊มหรือติดสติกเกอร์เป็นชื่อแบรนด์ ไปจนการตกแต่งต่างๆ หากมีเวลา


     บรรจุภัณฑ์แบบสั่งตัด ผลิตตามคำสั่งของผู้ใช้ สามารถกำหนดรูปแบบได้ตามลักษณะสินค้า รวมถึงการออกแบบตกแต่งต่างๆ เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่มียอดขายค่อนข้างนิ่งหรือมียอดปริมาณการใช้ที่สูง ซึ่งนอกจากจะทำให้สินค้ามีความโดดเด่นแล้ว ยังช่วยเพิ่มมูลค่าของสินค้าที่อยู่ภายใน และทำให้การขนส่งมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วย เพราะถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับสินค้านั้นๆ นอกจากนี้ ยังทำหน้าที่โฆษณา ประชาสัมพันธ์ให้กับผู้ที่พบเห็นบรรจุภัณฑ์ได้อีกด้วย โดยทั่วไปอาจมีราคาสูงกว่าบรรจุภัณฑ์พร้อมส่งแบบสำเร็จรูป แต่หากสั่งผลิตในปริมาณที่มากและลองคำนวณค่าใช้จ่ายดีๆ ราคาก็แทบจะไม่ได้แตกต่างกันเลย


     ในปัจจุบันตลาดผู้ประกอบการด้านบรรจุภัณฑ์มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดการแข่งขันด้านรูปแบบบรรจุภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย โดยนำนวัตกรรมเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า รวมถึงการหันมาจับตลาดลูกค้ารายย่อยเพิ่มมากขึ้นด้วย อันเป็นประโยชน์ให้กับ SME ได้มีทางเลือกมากขึ้น
 

จะเลือกใช้บรรจุภัณฑ์พร้อมส่งยังไงดี

     เมื่อพอทราบถึงที่มาที่ไปเรื่องราวของบรรจุภัณฑ์กันแล้ว ส่วนที่เหลือก็คือ การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ ซึ่งมีอยู่หลายปัจจัยที่ต้องคำนึง ได้แก่


     คุณสมบัติของสินค้า ดูก่อนว่าสินค้าเราคืออะไร ต้องการการปกป้องดูแลอย่างไรบ้าง เพื่อเลือกใช้วัสดุได้ถูกต้องและเหมาะสมกับราคา
               

      มูลค่าของสินค้า เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญ เพราะหากสินค้าไม่ได้ราคาสูงมาก แต่เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่แพงเกินไป อาจเป็นการเพิ่มต้นทุนที่ไม่คุ้มค่าการขายสินค้าก็เป็นได้ โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจใหม่ อาจเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ในรูปแบบสำเร็จรูปก่อนก็ได้ เพื่อทดลองตลาด
               

     รูปแบบการขนส่ง นอกจากปกป้องสินค้าได้ดีแล้ว ผู้ประกอบการเองต้องคำนึงถึงช่องทางการขนส่งที่ใช้ด้วย รวมไปถึงสภาพแวดล้อมต่างๆ แช่น หากเป็นฤดูฝนอาจต้องเพิ่มการหุ้มห่อสินค้าให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าได้ในสภาพที่ดี
 



คว้าโอกาสธุรกิจ ต่อยอดบรรจุภัณฑ์ออนไลน์
               
     หนึ่งในผู้ประกอบการด้านบรรจุภัณฑ์ ที่คว้าโอกาสจากการเติบโตของกระแสอี-คอมเมิร์ซ อย่าง ศิมาพร ธรรมถิวัธ บริษัท ดับบลิวบี บ็อกซ์ จำกัด เล่าให้ฟังว่า เดิมทีนั้นเป็นโรงงานรับผลิตกล่องลูกฟูกอยู่แล้ว โดยจะผลิตป้อนให้กับโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อใช้ในการขนส่งสินค้า เช่น โรงงานผลิตไม้แขวนเสื้อ แต่เมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้วธุรกิจออนไลน์เริ่มบูมขึ้น ทำให้เริ่มหันมาจับกลุ่มลูกค้ารายเล็กๆ อย่างออนไลน์มากขึ้น จนทำให้ยอดการผลิตในปัจจุบันกว่า 70 เปอร์เซ็นต์เป็นลูกค้าออนไลน์แทบทั้งหมด เป็นการแสดงให้เห็นว่าตลาดสินค้าออนไลน์เติบโตมากขึ้นจริงๆ

 
     “ปัจจุบันนี้กล่องที่เรารับผลิตมี 2 ประเภท คือ 1.กล่องพร้อมส่งสำเร็จรูปที่เป็นลักษณะเหมือนกล่องของไปรษณีย์ไทย โดยจะผลิตเป็นแบบกล่องฝาชน เพื่อประหยัดต้นทุนและน้ำหนักเบากว่า เป็นกล่องที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์นิยมใช้กันมาก และ 2.กล่องสั่งตัด เรารับทำทั้งแบบไดคัทและฝาชน ผู้ประกอบการสามารถใส่โลโก้ตกแต่งกล่องให้เป็นเอกลักษณ์ของสินค้าตัวเองได้ โดยมากผู้ที่ใช้งานมักเป็นผู้ประกอบการที่ธุรกิจเติบโตไปได้ในระดับหนึ่งแล้ว เพราะมีราคาสูงกว่า”
             

     นอกจากนี้ ศิมาพรบอกเพิ่มด้วยว่า จากการที่ได้คลุกคลีกับผู้ประกอบการออนไลน์มาระยะหนึ่ง ทำให้ได้เห็นทั้งแบรนด์ที่สำเร็จและแบรนด์ที่หายไป บางแบรนด์เพิ่งจะเริ่มต้น แต่สั่งผลิตจำนวนมากต่อครั้ง บางสินค้าราคาไม่ได้สูงมาก แต่สั่งผลิตกล่องสเปกราคาสูงเกินไป ซึ่งทางบริษัทเองก็พยายามให้คำแนะนำปรึกษา เพราะอยากให้ธุรกิจเหล่านี้อยู่ได้นานๆ เพราะหากเขาอยู่ได้ นั่นหมายถึงธุรกิจบรรจุภัณฑ์ก็จะอยู่ได้ด้วยเช่นกัน

 


ค่าใช้จ่ายในการสั่งผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์พร้อมส่ง
 
- กล่องฝาชนเริ่มต้นที่ 500 ใบ กล่องไดคัทเริ่มต้นที่ 1,000 ใบ (ต่อหนึ่งขนาด)

- ค่าบล็อกพิมพ์แบรนด์ ราคา 1,500-2,500 บาท (1 บล็อกต่อ 1 ขนาด/จ่ายแค่ครั้งแรก)

- ค่าขนส่ง (คิดตามพื้นที่)

ตัวอย่างการคำนวณราคา (รวมค่าออกแบบแล้ว)

กล่องไซส์ A (14 x 20 x 6 เซนติเมตร)

- กล่องฝาชน 500 ใบ เฉลี่ยใบละ 5.30 บาท

- กล่องไดคัท 1,000 ใบ เฉลี่ยใบละ 7 บาท
(เป็นราคาโดยเฉลี่ยขึ้นอยู่กับราคาของกระดาษ ณ ขณะนั้น)


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

เคสยาดม ชวนหิว ไอเดียทำเงิน จากไอเทมฮิต ว้าว! จนอยากหยิบมาใช้

พบไอเดียสุดเก๋ “เคสยาดม ฉบับคนหิว” ที่นำเอาเมนูสรีทฟู้ดแบบไทยๆ รวมถึงอาหารฟาสฟู้ดมาปั้นด้วยดินไทย ทำเป็นเมนูต่างๆ อาทิ ผัดไท, ส้มตำ, ก๋วยเตี๋ยว, มาม่า ต้มยำกุ้ง, แฮมเบอร์เกอร์, ถังไก่ KFC

รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ปลุกความกลัวพลาด ที่ช่วยเร่งยอดขายโต

ลูกค้าไม่ได้ซื้อเพราะอยากได้เสมอไป แต่ซื้อเพราะ ‘กลัวพลาด’ รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ต้นทุนต่ำที่ช่วยให้ SME ปิดการขายได้ไวขึ้น

รวมกับดักการตลาด ที่กำลัง “ฆ่า” SME แบบไม่รู้ตัว ดูวิธีรอดที่ทำได้ทันที

พาไปแกะทีละข้อ ว่าทำไม “สูตรยิงแอด” หรือ “สูตรทำคอนเทนต์” ที่เวิร์กกับคนอื่น ถึงไม่เวิร์กกับคุณ พร้อมชี้ทางออก ที่จะทำให้การสื่อสารแบรนด์กลับมา “เข้าเป้า” ได้จริง