​รีไซเคิลแบบมีสไตล์ FREITAG แบรนด์ขวัญใจคนรักษ์โลก




Cr:FREITAG
 

     สินค้าขึ้นชื่อของสวิตเซอร์แลนด์ นอกจากนาฬิกาและมีด ก็เห็นจะเป็นกระเป๋า FREITAG (อ่านว่า ไฟรทาก แปลว่า วันศุกร์) แบรนด์ที่เกิดจากความไม่ตั้งใจของสองพี่น้องตระกูลไฟรทาก นาม มาร์คัส และ แดเนียล แต่กลับกลายมาเป็นไอเท็มที่ชาวสวิสแทบทุกคนต้องมีและเป็นสินค้าที่ส่งไปขายทั่วโลก แดเนียลและมาร์คัส สองนักกราฟิกดีไซเนอร์ที่ลบล้างภาพลักษณ์ว่าคนในวงการครีเอทิฟมักทำธุรกิจไม่ขึ้น แต่ 20 กว่าปีที่ผ่านมา ผู้ก่อตั้งแบรนด์ FREITAG พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความคิดสร้างสรรค์กับการตลาดไปด้วยกันได้ถ้ามีจุดยืนที่ชัดเจน
 

     สินค้าของ FREITAG คือกระเป๋าแบรนด์ดังจากสวิตเซอร์แลนด์ที่แม้จะชูการเป็นแบรนด์สีเขียวใส่ใจสิ่งแวดล้อมแต่ก็มีความแตกต่างจากแบรนด์อื่นอย่างเด่นชัดตรงวัสดุที่ใช้ทำกระเป๋าล้วนเป็นของเก่าที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ได้แก่ ผ้าใบเก่าคลุมรถบรรทุก สายเข็มขัดนิรภัยในรถยนต์ และยางในล้อจักรยาน จุดเด่นที่สองคือเมื่อผลิตออกมาแล้ว กระเป๋าแต่ละใบมีความเฉพาะตัวไม่ซ้ำกันเลย ตรงตามคอนเซปต์ Each one recycled, each one unique
 

     จากจุดเริ่มที่ต้องการทำกระเป๋าขึ้นมาสักใบเพื่อสนองความต้องการของตัวเอง เนื่องจากหากระเป๋าที่ถูกใจในท้องตลาดไม่ได้ ปัจจุบัน FREITAG กลายเป็นธุรกิจที่ประกอบด้วยโรงงานขนาดใหญ่ พนักงานนับร้อย กำลังการผลิตกว่า 400,000 ใบต่อปี สินค้าวางจำหน่ายตามร้านค้าปลีกราว 470 แห่งทั่วโลก และยังมีหน้าร้านของตัวเองอีก 11 แห่ง รวมถึงเบอร์ลิน โคโลญ ฮัมบูร์ก ดาวอส เวียนนา โตเกียว และซูริก ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ ไม่เพียงเท่านั้น สินค้า FREITAG ยังทรงคุณค่าทางศิลปะและความคิดสร้างสรรค์จนได้รับเลือกไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์การออกแบบในสวิตเซอร์แลนด์ และที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย (MoMa) ในนิวยอร์กอีกด้วย
               

     ตำนานของ FREITAG เริ่มต้นเมื่อปี พ.ศ.2536 ช่วงที่สองพี่น้องมาร์คัสและแดเนียลยังเป็นนักศึกษาสาขากราฟิกดีไซน์ พวกเขาต้องขนกระดาษเป็นม้วนและสัมภาระต่างๆ จำนวนมาก แต่การสัญจรไป-มาด้วยจักรยาน ทำให้ลำบากในการหากระเป๋าในฝันที่บรรจุสมบัติทั้งหมด โดยที่ 1.ทำให้คล่องตัวเมื่อปั่นจักรยาน 2.กระเป๋าต้องทนทานและกันน้ำได้เมื่อฝนตก เมื่อกระเป๋าที่ต้องการไม่มีขาย ไอเดียทำเองจึงผุดขึ้น วันหนึ่งขณะนั่งอยู่ในครัวอพาร์ตเมนต์ที่เช่ารวมกันอยู่ มองออกไปเป็นทางด่วนที่มีรถบรรทุกวิ่งผ่าน มาร์คัสก็เกิดความคิดว่าจะนำผ้าใบคลุมรถบรรทุกนี่แหล่ะมาทำกระเป๋า
                 

     กระเป๋าใบแรกที่มาร์คัสออกแบบคือ กระเป๋าใส่ของสะพายหลัง หรือ Messenger Bag ตัวกระเป๋าทำจากผ้าใบคลุมรถ กุ๊นขอบด้วยยางในจักรยาน ส่วนสายสะพายทำจากเข็มขัดนิรภัยในรถยนต์ที่เลื่อนปรับได้ ตัวกระเป๋าสามารถเพิ่มความยาวกลายเป็นกระเป๋าทรงยาวได้เมื่อต้องใส่ม้วนกระดาษยาว หรือพับเก็บก็จะเป็นกระเป๋าทรงสั้นธรรมดา ทั้งหมดคือเย็บด้วยมือ หลังจากนำออกใช้งาน เพื่อนเห็นต่างก็อยากได้ จึงขอให้มาร์คัสและแดเนียลทำให้ และคะยั้นคะยอให้ติดแบรนด์ที่กระเป๋าด้วย แดเนียลและมาร์คัสตัดสินใจใช้ชื่อแบรนด์ FREITAG ซึ่งเป็นนามสกุลของสองหนุ่ม
               

     ไม่นานหลังจากนั้น อพาร์ตเมนต์ที่แชร์กับเพื่อนๆ ก็ถูกแปรเป็นโรงงานย่อยๆ ในการผลิตกระเป๋า FREITAG และเมื่อต้องเพิ่มกำลังการผลิตเพราะออร์เดอร์เข้ามาเยอะขึ้น พี่น้องทั้งสองจึงขยับขยายออกจากอพาร์ตเมนต์ไปหาสถานที่นอกเมืองเพื่อทำการผลิตกระเป๋าอย่างจริงจัง และดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่บัดนั้น จากกระเป๋าเมสเซนเจอร์รุ่นแรก F13 TOP CAT ที่ผลิตขายได้ขยายไปยังรุ่นต่างๆ 70 แบบ โดยแบ่งเป็น 2 รุ่นหลัก ได้แก่ รุ่น Fundamentals ที่ประกอบด้วยทรงต่างๆ กระเป๋าใส่ของสะพายหลัง เป้ กระเป๋าสตางค์ และรุ่น Reference ซึ่งเป็นกระเป๋าแฟชั่นต่างๆ
               

      อาจเรียกได้ว่าปัจจัยที่นำไปสู่การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ FREITAG มาจากการที่พี่น้องตระกูลไฟรทากได้เกิดและเติบโตมาในประเทศที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมทำให้ได้รับการบ่มเพาะเรื่องการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าที่สุด บวกกับความสนใจโฆษณาด้านการตลาดมานาน และเห็นช่องทางเมื่อผู้คนในยุโรปจำนวนมากนิยมเดินทางในเมืองด้วยจักรยานแต่ยังไม่มีผลิตภัณฑ์กระเป๋าที่เหมาะสมกับการปั่นจักรยานที่ทนต่อทุกสภาพอากาศ จึงนำไปสู่ความคิดในการผลิตกระเป๋าที่ทำจากผ้าใบคลุมรถบรรทุกที่เน้นออกแบบสำหรับผู้ปั่นจักรยานเป็นหลัก
               

     แน่นอนว่า การมองเห็นศักยภาพของตลาดในช่วงเวลาที่เหมาะสมเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จอย่างกว้างขวาง แต่สิ่งที่ตามมาคือ มีผู้ผลิตรายอื่นเข้ามาเล่นในตลาดนี้เช่นกัน และทำให้เกิดการแข่งขันขึ้น อะไรที่ทำให้ FREITAG ยืนหยัดอยู่ได้โดยที่จำนวนลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์ทวีขึ้นเรื่อยๆ นั่นเป็นเพราะมาร์คัสและแดเนียลยังคงยึดจุดยืนเดิมไม่เปลี่ยน จุดยืนที่ว่าคือ การผลิตสินค้าที่ไม่ตามแฟชั่นหวือหวา แต่เน้นดีไซน์ที่ใช้ได้ทุกยุคไม่ล้าสมัย สินค้าของ FREITAG จึงเป็นสินค้าที่ขายคุณภาพ ไลฟ์สไตล์ และแนวคิดการออกแบบ
               

      การออกแบบสินค้าต้องอิงวัตถุประสงค์หลัก ได้แก่ ใช้ทนใช้นานจึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม วัสดุต้องเป็นของใช้แล้วทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นผ้าใบคลุมรถบรรทุก ยางในจักรยาน หรือเข็มขัดนิรภัยในรถยนต์ ออกแบบมาเพื่อคำนึงถึงผู้ปั่นจักรยานเป็นหลัก และประเด็นสำคัญอันเป็นจุดขายของแบรนด์คือ กระเป๋าแต่ละใบลวดลายไม่ซ้ำกัน เรียกว่ามีใบเดียวในโลก นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่นับตั้งแต่ดำเนินธุรกิจมา สินค้า FREITAG ไม่เคยมีการลดราคาเลยสักครั้งเพราะเจ้าของเชื่อในความหรูของแบรนด์ และมองว่าลูกค้าไม่ได้ซื้อโดยตัดสินจากราคาเป็นหลัก หากซื้อเพราะติดใจเบื้องหลังที่มาของสินค้า การซื้อ FREITAG จึงไม่ได้เป็นเพียงการซื้อกระเป๋าแต่และยังซื้อตำนานของแบรนด์อีกด้วย สำหรับกลุ่มลูกค้าหลักของ FREITAG 80 เปอร์เซ็นต์เป็นลูกค้าในเมือง อายุเฉลี่ย 19-24 ปี และ 75 เปอร์เซ็นต์เป็นลูกค้าผู้หญิง
               

      ย้อนกลับไปที่ประเด็นพิทักษ์สิ่งแวดล้อม FREITAG เป็นอีกแบรนด์ที่ยึดหลักการนี้อย่างเหนียวแน่น โดยปกติ ผ้าใบคลุมรถบรรทุกมักจะใช้งาน 5-10 ปีก็จะถูกโละกลายเป็นขยะที่กำจัดยาก ในแต่ละปี FREITAG ใช้วัสดุเก่าในการผลิตกระเป๋าจำนวนมาก โดยเฉลี่ยแยกเป็นผ้าใบคลุมรถบรรทุกน้ำหนัก 440 ตัน (ความยาวเทียบเท่ารถบรรทุกจอดเรียงต่อกันระยะทาง 68 ไมล์) ยางในจักรยาน 35,000 เส้น และเข็มขัดนิรภัยในรถยนต์ 288,000 เส้น นอกจากนั้น ที่โรงงานผลิตในซูริก ยังมีการรองน้ำฝนไว้ใช้ล้างผ้าใบอีกด้วย และยังใช้สารเคมีน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้   
               

      จากกระเป๋าที่ทำด้วยวัสดุใช้แล้ว FREITAG ได้ขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ไปยังเสื้อผ้าแบรนด์ F-ABRIC ที่ยังเน้นการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเช่นเคย โดยหลังจากที่ทุ่มเทให้กับการวิจัยและพัฒนา พี่น้องไฟรทากก็ได้ผลิตเสื้อผ้าที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ เมื่อถามถึงการขยายธุรกิจและเพิ่มกำลังการผลิต ผู้ก่อตั้งแบรนด์ยอมรับว่า FREITAG ธุรกิจไม่สามารถเติบโตไปมากกว่านี้ เนื่องจากมีข้อจำกัดในเรื่องของวัสดุที่นำมาใช้ในการผลิตสินค้า อย่างไรก็ตาม การซื้อผ้าใบคลุมรถบรรทุกที่เป็นของใหม่มาผลิตเพื่อเพิ่มยอดไม่อยู่ในความคิดของผู้ก่อตั้งแบรนด์ มองว่าเป็นการทำลายจุดยืนของบริษัท และความเชื่อมั่น ความไว้วางใจที่ลูกค้ามีมาให้ตลอด ด้วยความแน่วแน่ในจุดยืน ลูกค้าจึงเกิดความไว้วางใจและความภักดีต่อแบรนด์ เป็นเหตุผลที่ทำให้ธุรกิจของ FREITAG แม้จะเติบโตช้าแต่ก็ยั่งยืน


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ปลุกความกลัวพลาด ที่ช่วยเร่งยอดขายโต

ลูกค้าไม่ได้ซื้อเพราะอยากได้เสมอไป แต่ซื้อเพราะ ‘กลัวพลาด’ รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ต้นทุนต่ำที่ช่วยให้ SME ปิดการขายได้ไวขึ้น

รวมกับดักการตลาด ที่กำลัง “ฆ่า” SME แบบไม่รู้ตัว ดูวิธีรอดที่ทำได้ทันที

พาไปแกะทีละข้อ ว่าทำไม “สูตรยิงแอด” หรือ “สูตรทำคอนเทนต์” ที่เวิร์กกับคนอื่น ถึงไม่เวิร์กกับคุณ พร้อมชี้ทางออก ที่จะทำให้การสื่อสารแบรนด์กลับมา “เข้าเป้า” ได้จริง

Color Psychology: จิตวิทยาเรื่องสี ที่แบรนด์ใหญ่ใช้เพิ่มยอดขาย

สี…ก็เปลี่ยนยอดขายได้ ทำไม Facebook ใช้สีน้ำเงิน? ทำไม Chanel ถึงเลือกสีดำทอง? ทำไมฟาสต์ฟู้ดต้องสีแดง-เหลือง? คำตอบอยู่ที่ “Color Psychology” จิตวิทยาของสีที่แบรนด์ใหญ่ใช้สร้างกำไรมาแล้วทั่วโลก