CREED ความหอมเก่าแก่และลึกลับสุดในโลก


 


Cr: CREED 


     ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ และการเข้ามาของเทคโนโลยีสมัยใหม่ แต่สำหรับน้ำหอมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน พวกเขายังคงยึดมั่นในกรรมวิธีการผลิตแบบดั้งเดิมเฉกเช่น 4,000 ปีก่อน เรียกว่าเป็นแบรนด์ที่ไม่ตามกระแสแฟชั่น และไม่ทำการประชาสัมพันธ์ใดๆ โดยลูกค้าหลักเป็นชนชั้นสูง ตั้งแต่ระดับผู้นำประเทศไปจนถึงสมาชิกราชวงศ์ และบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิง เรากำลังพูดถึงน้ำหอมที่มีชื่อว่า CREED Perfume แบรนด์ที่ก่อตั้งเมื่อกว่า 200 ปีก่อน และยังเป็นที่ถกเถียงคาใจถึงที่มาที่ไปว่า จริงๆ แล้วเป็นอย่างไร จนทำให้ CREED กลายเป็นน้ำหอมที่พ่วงความลึกลับที่สุดเข้าไปอีกสถานะหนึ่ง
 

เปิดตำนานแบรนด์น้ำหอมที่มีอายุมากกว่า 200 ปี             

     แต่จากตำนานที่เล่าสืบต่อกันมารวมถึงข้อมูลที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของบริษัทมีดังนี้ ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ.2303  หรือ 257 ปีก่อน House of CREED ได้ถือกำเนิดขึ้นในกรุงลอนดอน โดย เจมส์ เฮนรี ครีด ในฐานะร้านตัดเย็บเสื้อผ้าตามสั่ง ต่อมาช่วงกลางศตวรรษที่ 19 เฮนรี ครีด บุตรชายได้เข้ามารับช่วงกิจการต่อแต่เปลี่ยนมาดำเนินธุรกิจปรุงน้ำหอมถวายราชวงศ์ต่างๆ ในยุโรป รวมถึงบุคคลมีชื่อเสียงระดับสูงในสังคม เรียกว่าเป็นการปรุงน้ำหอมแบบ Exclusive เพื่อใช้เป็นการส่วนตัวของลูกค้าในแวดวงชั้นสูง โดยไม่มีการผลิตออกมาเพื่อจำหน่ายให้กับบุคคลทั่วไป
               

     น้ำหอมกลิ่นแรกที่เป็นผลงานของ House of CREED คือ Royal English Leather ที่ปรุงถวายแด่พระเจ้าจอร์จที่ 3 กษัตริย์แห่งอังกฤษเมื่อปี พ.ศ.2324 ตามด้วยกลิ่น Fleurs de Bulgarie ถวายสมเด็จพระราชินีวิคตอเรีย หลังจากนั้นการปรุงน้ำหอมเพื่อถวายสมาชิกราชวงศ์ได้กระจายไปทั่วยุโรป ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 และจักรพรรดินียูจีนแห่งฝรั่งเศส จักรพรรดิฟรันซ์ โยเซฟ และจักรพรรดินีซิสซีแห่งออสเตรีย รวมถึงสมเด็จพระราชินีคริสเตียน่าแห่งสเปนต่างก็ใช้บริการ House of CREED
               

     ด้วยการชักชวนของจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 และจักรพรรดินียูจีน เฮนรี ครีด จึงได้ย้ายธุรกิจไปเปิดบริการในกรุงปารีส และยังถวายการรับใช้เชื้อพระวงศ์ต่างๆ และบุคคลระดับผู้นำตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เช่น เจ้าหญิงเกรซแห่งโมนาโก (น้ำหอม Fleurissimo) อดีตนายกรัฐมนตรีวินสตัน เชอร์ชิล แห่งอังกฤษ (น้ำหอม Tabarome) เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และเจ้าหญิงไดอานา ครอบครัวนักการเมืองตระกูลเคนเนดีแห่งสหรัฐฯ (เป็นน้ำหอมชื่อ Original Vetiver ซึ่งปรุงโดยเออร์วิน บุตรชายของโอลิวิเยร์) พระราชินีราเนียแห่งจอร์แดน เดวิด เบคแฮม และมาดอนนา ล้วนเป็นลูกค้าน้ำหอมยี่ห้อ CREED ทั้งนั้น
               

     หลังจากที่ปรุงน้ำหอมแบบ Exclusive อยู่นานคือเป็นการผลิตน้ำหอมส่วนตัวสำหรับลูกค้าโดยเฉพาะ โดยที่คนทั่วไปไม่มีโอกาสได้ใช้ จุดสูงสุดในการทะยานสู่ความสำเร็จของ House of CREED เกิดขึ้นในช่วงกลางทศวรรษ 1980 เมื่อโอลิวิเยร์ ครีด ทายาทรุ่นที่ 6 ที่ดูแลกิจการน้ำหอมของครอบครัว และเออร์วินลูกชายได้ตัดสินใจผลิตน้ำหอมเพื่อจำหน่ายแก่ลูกค้าทั่วไป โดยโอลิวิเยร์ได้ปรุงน้ำหอมกลิ่นใหม่ขึ้นมาชื่อว่า Green Irish Tweed เป็นน้ำหอมกลิ่นแรกที่ House of CREED จดเครื่องหมายทางการค้า และเป็นน้ำหอมที่กลายเป็นตำนานที่ทำให้คนทั่วไปรู้จักแบรนด์ CREED
 



ถอดรหัสกลยุทธ์ความสำเร็จแบรนด์ CREED               

      ปัจจุบัน CREED วางจำหน่ายน้ำหอมรวมแล้วกว่า 200 กลิ่นที่ได้รับความนิยมสุดยังคงเป็นกลิ่น Green Irish Tweed และอีกกลิ่นหนึ่งที่ขายดีไม่แพ้กันคือ Aventus ซึ่งเปิดตัวในวาระเฉลิมฉลองครบรอบ 250 ปีการก่อตั้งบริษัท นอกเหนือจากลูกค้ากลุ่มไฮเอ็นด์ที่กล่าวมาที่ CREED ยังคงปรุงน้ำหอมแบบ Exclusive ให้ลูกค้าใช้จนพอใจค่อยผลิตออกขายทั่วไป ลูกค้าหลักของ CREED ในตอนนี้เป็นคนรุ่นใหม่ที่อยู่ใน Gen Y และลูกค้ากลุ่ม Metrosexual ประเภทหนุ่มเจ้าสำอางผู้มีความโน้มเอียงจะใช้จ่ายเงินไปกับสินค้าที่สร้างเสริมบุคลิกภาพ สำหรับปัจจัยที่ทำให้น้ำหอม CREED ประสบความสำเร็จ ประกอบด้วยหลายปัจจัย ได้แก่
               

     1. เป็นน้ำหอมกลิ่นหายากและพิถีพิถันในการผลิต

     
ผู้ปรุงน้ำหอมหลักของ CREED คือโอลิวิเยร์ ผู้รั้งตำแหน่ง Master Perfumer ร่วมกับ เออร์วิน บุตรชาย ผู้เป็น Senior Perfumer ทั้งคู่จะช่วยกันเสาะแสวงหาวัตถุดิบคุณภาพสูงสุดมาปรุงเป็นน้ำหอม เช่น ดอกมะลิจากอิตาลี ดอกไอรีสจากฟลอเรนซ์ สารสกัดกุหลาบบริสุทธิ์จากบัลแกเรีย ตุรกี และโมร็อกโก หรือดอกซ่อนกลิ่นจากอินเดีย เป็นต้น วัตถุดิบทุกชนิดจะมีการคัดสรรอย่างละเอียดถี่ถ้วน จากนั้นจึงระดมความคิดมากมาย ตั้งแต่คอนเซปต์ของน้ำหอม เบื้องหลัง และธีม ไปจนถึงความเข้มข้นแบบไหนระหว่าง Perfume กับ Eau de Toilette จึงถ่ายทอดแนวคิดได้ดี และต้องออกแบบขวดบรรจุอย่างไรให้คู่ควร 
               

     2.ใช้เทคนิคโบราณในการปรุง

     
แม้ระยะหลัง CREED จะเริ่มผลิตน้ำหอมจำหน่ายในตลาดที่กว้างขึ้นแต่ก็ยังคงกรรมวิธีในการผลิตดั้งเดิมแบบ 4,000 ปีก่อน อันเป็นกระบวนการผลิตที่แบรนด์น้ำหอมยุคใหม่ไม่ใช้เนื่องจากใช้ต้นทุนสูง วิธีการที่ว่าคือ Infusion หรือการแช่วัตถุดิบที่ต้องการทำน้ำหอมในของเหลวและใช้ความร้อนต่ำและใช้เวลาช้าๆ เพื่อให้ถึงจุดที่ดึงน้ำมันออกจากวัตถุดิบ จนกลายเป็นน้ำมันสกัดโดยธรรมชาติจากพืช น้ำมันสกัดแบบนี้เมื่อนำมาปรุงน้ำหอมนอกจากปลอดภัย ไร้สารเคมี ยังทำให้ส่วนผสมแต่ละชนิดคงคุณสมบัติเดิมโดยไม่ต้องใช้สารเคมีใดๆ ช่วยให้ CREED ขึ้นชื่อในด้านการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติในเปอร์เซ็นต์ที่สูงสุด (ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์) เมื่อเทียบกับบรรดาผู้ผลิตน้ำหอมรายอื่นในฝรั่งเศส
               

     3.ไม่แยแสเทรนด์แฟชั่น

     หากเป็นแบรนด์อื่นจะกำหนดตารางแน่นอนในการพัฒนาน้ำหอมกลิ่นใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์หรือคอลเลกชันตามฤดูกาล สำหรับ CREED แล้ว ไม่เคยเร่ง ไม่เคยรีบออกตัวน้ำหอมใหม่เหมือนค่ายอื่น โอลิวิเยร์ผู้ปรุงน้ำหอมหลักจะไม่เปิดตัวน้ำหอมกลิ่นใหม่จนกว่าจะรู้สึกว่าพร้อม จริงๆ จึงไม่แปลกที่บางทีจะเห็นว่าเป็นเวลานาน 7 ปีติดต่อกันที่ CREED ไม่ได้แนะนำน้ำหอมกลิ่นใหม่เลย แต่นั่นกลับเป็นจุดขายที่ทำให้ลูกค้าเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ และเมื่อมีการเปิดตัวน้ำหอมกลิ่นใหม่ ก็สร้างความตื่นเต้นได้ทุกครั้ง นอกจากนั้น CREED ยังเป็นน้ำหอมแบรนด์เดียวที่ไม่ทำการตลาด และไม่ว่าจ้างพรีเซนเตอร์คนใดมาช่วยประชาสัมพันธ์สินค้า
               

     4.สืบสานตำนานธุรกิจครอบครัว

     CREED เป็นตัวอย่างของรูปแบบที่สมบูรณ์สุดในการดำเนินธุรกิจแบบครอบครัวที่จับคู่กันระหว่างพ่อ-ลูกจากรุ่นสู่รุ่น จนมาถึงรุ่นที่ 6 ก็ยังคงความสัมพันธ์เช่นนี้ นอกจากคุณพ่อ (โอลิวิเยร์) และลูกชาย (เออร์วิน) จะช่วยกันคิดค้นน้ำหอมด้วยตัวเอง ยังมีโอลิเวีย ลูกสาวเข้ามาทำหน้าที่อาร์ตดีไซเนอร์ออกแบบขวดน้ำหอมและอื่นๆ ด้วย นอกเหนือจากกำไรงามที่บริษัททำได้ สิ่งที่ทำได้ดีไม่แพ้กันคือ การรักษาชื่อเสียงที่สั่งสมมายาวนาน จนทำให้เกิดภาพลักษณ์อันแข็งแกร่งว่า ครอบครัวครีดมีความรัก ความหลงใหลในสิ่งเดียวกันคือ น้ำหอม
               

     ความเป็นอมตะของแบรนด์บวกกับลูกค้าหลักเป็นชนชั้นสูง ทำให้ CREED มีตำแหน่งทางการตลาดเหนือกว่าแบรนด์อื่น ทั้งในเรื่องของคุณภาพและราคา และต่อให้มีราคาแพงขนาดไหน ก็ยังมีลูกค้าขวนขวายมาไว้ในครอบครองเพราะอย่างน้อยก็มั่นใจว่า เมื่อใช้แล้วโอกาสที่จะซ้ำกับคนทั่วไปน้อยมาก นี่คือความรู้สึกพิเศษ แตกต่าง ไม่เหมือนใครที่ผู้ใช้น้ำหอมจะหาจากแบรนด์อื่นไม่ได้

 
     และนี่คือ CREED แบรนด์น้ำหอมที่ไม่แยแสเทรนด์ แต่กลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์แฟชั่นเสียเอง



www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

ฟังก์ชันแยกบิลจ่ายได้ เทรนด์ใหม่ที่ร้านอาหารต้องรู้ ลูกค้ายุคใหม่อยากจ่ายเท่าที่กินโดยไม่รู้สึกผิด

ไม่ใช่เรื่องต้องรู้สึกผิดอีกต่อไป หากไปกินอาหารกับเพื่อน แล้วอยากแยกรับผิดชอบจ่ายเฉพาะในส่วนที่ตัวเองสั่ง เทรนด์พฤติกรรมใหม่ของผู้บริโภคชาวอเมริกาที่หันมาใช้แอปพลิเคชันแยกจ่ายบิลกันมากขึ้น

ต่อยอดธุรกิจยังไงให้อยู่นานและขายดี กรณีศึกษา ALDI ซูเปอร์มาร์เก็ต ที่ถือกำเนิดมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2

ALDI คือ ซูเปอร์มาร์เก็ตสัญญาติเยอรมัน มีต้นกำเนิดมาจาก 2 พี่น้องตระกูล Albrecht คือ “คาร์ล และ ธีโอ อัลเบรชต์” ที่รับช่วงต่อกิจการมาจากแม่ของเขาที่เปิดร้านขายของชำตั้งแต่ยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2