เว็ปไซต์จัดหาคู่ : ธุรกิจทำเงินแนวใหม่ โอกาสนักลงทุน

 
    หากพูดถึงการหาคู่ หรือ การพบเนื่อคู่ แน่นอนว่าผู้คนส่วนหนึ่งเชื่อว่าเป็นเรื่องของบุพเพสันนิวาส หรือ โชคชะตา หรือแม้กระทั่งความบังเอิญถ้าหากไม่เชื่อในเรื่องเหนือธรรมชาติ แต่สำหรับยุคปัจจุบันนี้ เรื่องของการพบเจอเนื้อคู่กำลังเปลี่ยนแปลงไป และมันกลับกลายเป็นเรื่องของการลงทุนทั้งในเรื่องของเวลาและเงินทองมากขึ้น การเจอเนื้อคู่ไม่ใช่เพียงแค่การไปออกสังคม พบปะผู้คน เจอคนที่คุณชอบพอ แล้วคบหาดูใจแค่นั้นอีกต่อไป และนั่นก็คือ เรื่องราวของ "ธุรกิจการจับหาคู่" ที่ทาง MoneyGuru อยากนำเสนอในวันนี้ 

    หากคุณเป็นอีกคนที่ทำงานหนัก เพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิต บางคนทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด แน่นอนว่า คุณจะมีโอกาสน้อยมากที่จะได้ออกงานสังคม หรือไปงานปาร์ตี้ เพื่อพบปะผู้คน และอาจจะได้เจอเนื้อคู่ที่อาจแฝงตัวอยู่ในงานเหล่านั้น และนั่นอาจทำให้เวลาล่วงเลยจนถึงวันกลางคน หรืออาจถึงวัยเลข "4” และพอถึงเวลานั้น คุณมีทุกอย่างพร้อม แต่อาจจะไร้คู่ครองที่เหมาะสม จึงทำให้คุณอาจจะสนใจธุรกิจหาคู่ขึ้นมาก็ได้ และนี่คือสาเหตุที่ทำให้ธุรกิจหาคู่ในหลายประเทศได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น  
 
    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ธุรกิจจัดหาคู่ในสหรัฐฯ ออสเตรเลีย ไทย อินเดีย และหลายประเทศในยุโรป ต่างเติบโตขึ้นอย่างมาก นับตั้งแต่การริเริ่มก่อตั้งขึ้นหลายบริษัทในช่วงทศวรรษที่ 1990s โดยบริษัทหาคู่เหล่านี้สามาถทำเงินได้อย่างมหาศาล จากการสำรวจตัวอย่างราคาของการใช้บริการนั้น บริษัทจัดหาคู่ระดับไฮเอนด์ อย่าง วีด้า คอนซัลแทนซี จำกัด สัญชาติอังกฤษ คิดค่าให้บริการอยู่ที่ราว 9,000 ปอนด์ หรือราว 441,000 บาทต่อการใช้บริการหาคู่ 1 ปี ซึ่งราคาจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความยากง่ายในการจับคู่ในทรัพยากร "คนโสด" ที่มีอยู่ด้วย 

    นอกจากนี้ วีด้ายังมีราคาสำหรับสมาชิก VIP ที่สามารถลองออกเดทอย่างไม่จำกัดจำนวนในเวลา 1 ปี ซึ่งสนนราคาอยู่ที่ 15,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว 450,000 บาทเลยทีเดียว ต่อมาขยับมาใกล้บ้านเราอีกนิด สำหรับประเทศสิงคโปร์ บริษัทชื่อน่ารักอย่าง “It's Just Lunch” คิดค่าบริการอยู่ที่ 57,000 บาทต่อการออกเดท 10 ครั้งใน 1 ปี อย่างไรก็ตาม หากมีงบจำกัด คุณก็สามารถหาเว็บไซต์ที่คุณสามารถหาคู่ได้เองผ่านการเลือกโปรไฟล์ ซึ่งราคาส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 450 บาทต่อเดือนเท่านั้น

    โดยขั้นตอนของการจัดหาคู่ให้ลูกค้านั้น ก่อนอื่นทางบริษัทจะทำให้คุณรู้สึกมั่นใจขึ้นมาในระดับหนึ่งว่า อย่างน้อยยังมีคนที่โสดและอาจจะเหมาะสำหรับคุณอยู่ทั่วไป เพียงแต่คุณต้องการตัวช่วยที่จะจับคู่ให้เท่านั้น โดยบริษัทจะค้นหาความต้องการของคุณซึ่งคุณจะแจ้งผ่านทาง "Wish List” ซึ่งก็คือสเปคของคุณนั่นเอง ว่าเป็นคนแบบไหน นิสัยอย่างไร รูปร่างหน้าตา อาชีพเป็นอย่างไร เป็นต้น ซึ่งทางบริษัทก็จะนำไปจับคู่กับโปรไฟล์ที่มีอยู่นับร้อย นับพัน และหาคู่ที่มีความต้องการหรือลักษณะตรงตามสเปคคุณมากที่สุด 

    อีกประเภทของเว็บไซต์คือ เว็บไซต์อย่าง eHarmony.com และ Chemistry.com ที่จะให้ผู้สมัครใช้บริการตอบคำถามหลายข้อ เพื่อวิเคราะห์อัตลักษณ์ส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ ก่อนนำไปจับคู่ต่อไป ในขณะที่เว็บไซต์อย่าง Match.com หรือ OKCupid ที่อนุญาตให้ผู้ใช้บริการค้นหาคู่ได้เองเลย  ส่วนความก้าวหน้าและความแม่นยำของของโปรแกรมค้นหา หรือจับคู่ในแต่ละเว็บไซต์นั้น ก็แตกต่างกันออกไปตามแต่ละบริษัท สำหรับบริษัทที่มี "success rate” หรือ อัตราความสำเร็จในการจับคู่สูง ก็อาจจะมีเทคโนโลยีที่จับคู่ที่แม่นยำ แต่ก็เป็นที่แน่นอนว่า ราคาก็ย่อมสูงตามไปด้วย 

    นอกจากนี้ การจับคู่อีกวิธีหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือ การรวมกลุ่มกันเป็นสมาคม หรือ คลับย่อมๆ ที่บรรดาหนุ่มโสด สาวโสดมารวมตัวกัน พูดคุย กินข้าว จิบไวน์ หรือเดินทางไปเที่ยวด้วยกัน หากใครสนใจคนไหน ก็สามารถนัดแนะออกเดทกันนอกรอบได้เลย สำหรับประเภทนี้ ตัวอย่างได้แก่ "Floh” ของอินเดีย ที่คุณจ่ายเงินเพียง 3,600 บาท คุณก็สามารถเป็นสมาชิกคลับได้ 3 เดือน หรือจ่าย 7,200 บาทต่อการเป็นสมาชิก 1 ปี ซึ่งในปัจจุบันคลับนี้มีสมาชิกกว่าหนึ่งพันคน ส่วนใหญ่เป็นคนโสดอายุ 25-35 ปี และส่วนใหญ่จบปริญญาโทแล้วทั้งสิ้น
 

    หรือหากจะพูดถึงวัฒนธรรมของทางฝั่งอินเดีย และประเทศในแถบเอเชียใต้ อย่างวัฒนธรรม "Arranged Marriage” หรือการจับคู่แต่งงานโดยพ่อแม่นั้น ก็มีให้บริการแล้วเช่นกัน เว็บไซต์ชื่อดังได้แก่ Shaadi.com มีชื่อเสียงในการจับคู่ทั้งในเรื่อง พื้นเพชีวิต การศึกษา ราศีที่เกิด รายได้ ขนาดครอบครัว บรรพบุรุษ และรูปลักษณ์ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นที่สนใจของพ่อแม่เชื่อสายอินเดียที่มองหาคู่ครองให้ลูกของตน และจากการสำรวจพบว่า พ่อและแม่ชาวอินเดีย เป็นผู้สมัครบริการและหาคู่ให้กับลูกของตน โดยมีค่าใช้จ่ายต่อปีอยู่ที่ประมาณ 9,000 บาท

    จากข้างต้น จะเห็นได้ว่า เทคโนโลยีที่นำสมัย นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิตคนมากขึ้น และกำลังเป็นช่องทางทำเงินให้กับหลายบริษัท ที่มองเห็นเป็นโอกาสทางธุรกิจ ขณะเดียวกัน ในฝั่งผู้บริโภคนั้น ก็ต้องชั่งใจให้ดีว่า จำนวนเงินที่เสียไปกับค่าสมัครสมาชิกนั้น จะคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งคำตอบก็คงแตกต่างออกไปในแต่ละคน หากคุณคิดว่าในเมื่อคุณทุ่มเททำงานหาเงินมาทั้งชีวิต กับจำนวนเงินหลักหมื่นหรือหลักแสนเพื่อหา "คนที่ใช่" และความสุขในชีวิต ก็อาจจะเป็นเรื่องที่คุ้มค่าอย่างที่ไม่ต้องคิดมากนัก 

    ติดตามประเด็นความเคลื่อนไหวเรื่องการเงินการลงทุนได้ที่ MoneyGuru ผ่านทางเว็บไซต์ www.moneyguru.co.th หรือ info@moneyguru.co.th
 

RECCOMMEND: MARKETING

วิกฤตสูงวัย เด็กเกิดใหม่น้อย กรณีศึกษาธุรกิจญี่ปุ่น ปรับตัวผลิตสินค้าผู้ใหญ่แทนสินค้าเด็ก

Oji Holdings ผู้ผลิตผ้าอ้อมในญี่ปุ่นประกาศยุติผลิตผ้าอ้อมเด็ก หันไปเพิ่มปริมาณการผลิตผ้าอ้อมผู้ใหญ่แทน สาเหตุมาจากอัตราการเกิดที่ลดลงและจำนวนประชากรสูงวัยของญี่ปุ่นที่เพิ่มสูงขึ้น

โอกาสโกอินเตอร์ของแบรนด์ไทย ทำงานกับนักธุรกิจระดับโลก งาน Gifts & Premium Fair ฮ่องกง

ฮ่องกงขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนที่มีการจัดงานแสดงสินค้าที่ยิ่งใหญ่ของโลกแห่งหนึ่ง และหนึ่งในนั้นคืองานแสดงสินค้าของขวัญและของพรีเมียมภายใต้ชื่อ Hong Kong Gifts & Premium Fair ซึ่งกำลังจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 27-30 เมษายน 2024