​Layer รองเท้าแนวใหม่ อยากได้แบบไหนก็ร้อยเอาเอง





Cr : Yanko Design



     ด้วยกระแสของ Fast Fashion ส่งผลให้รองเท้ากลายเป็นสินค้าตามฤดูกาลที่มีราคาถูกและเป็นแบบใช้แล้วทิ้ง รู้หรือไม่ว่าในแต่ละปีมีรองเท้าถูกผลิตออกมามากถึง 22.5 พันล้านคู่ โดยในจำนวนนี้นั้นรองเท้า 300 ล้านคู่ก็ถูกโยนทิ้งเนื่องจากไม่สามารถรีไซเคิลได้



Cr : Yanko Design



     โดยทั่วไปรองเท้าจะถูกออกแบบมาให้ยึดติดกันตั้งแต่ในขั้นตอนการผลิตและไม่ได้ถูกทำขึ้นมาเพื่อให้ซ่อมได้ และเมื่อมันไม่สามารถแยกส่วนเพื่อทำการกำจัดได้จึงก่อให้เกิดขยะจากรองเท้าเป็นปริมาณมาก ด้วยเหตุนี้ Evan Stuart นักออกแบบจากไอร์แลนด์จึงทำการผลิต Layer รองเท้าแนวใหม่ที่จะเข้ามาเป็นโซลูชั่นให้กับปัญหาในเรื่องนี้
แน่นอนว่าวัสดุที่ใช้นั้นต้องสามารถย่อยสลายและรีไซเคิลได้ แต่สิ่งที่พิเศษคือทุกชิ้นส่วนของรองเท้านั้นสามารถแยกออกจากกันได้ โดยผลิตภัณฑ์จะมาพร้อมกับส่วนบนของรองเท้า พื้นรองเท้า พื้นรองเท้าด้านในและเชือกร้อยรองเท้าที่ให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าชอบสีไหน ลายไหน แล้วนำมาร้อยเข้าด้วยกัน



Cr : Yanko Design

  

     ยิ่งไปกว่านั้นหากชิ้นส่วนไหนพังผู้ใช้ก็สามารถทำการซ่อมเปลี่ยนเฉพาะชิ้นส่วนนั้นได้ หรืออยากจะปรับเปลี่ยนสไตล์ของรองเท้าก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องซื้อรองเท้าคู่ใหม่



Cr : Yanko Design



     ดูๆไปแล้วก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับผู้บริโภคที่ชอบความหลายหลากและไม่จำเจที่อยากปรับลุควันไหนก็เปลี่ยนได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องเสียเงินซื้อรองเท้าทั้งคู่    
 
 

 Cr : Yanko Design



 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

 

RECCOMMEND: MARKETING

ธุรกิจร้านกาแฟโคม่าหนัก เกาหลีใต้เพิ่งเจอ ปัญหาคาเฟ่ล้นเมือง ไทยจะตามรอยไหม ร้านใหม่เจ๊ง 2 ปี ร้านเก่าก็รอดยาก

รู้หรือไม่? ในโซล ที่มีคาเฟ่กว่า 80,000 ร้าน นั้น... ตอนนี้ ร้านที่ 'ปิดตัว' แซงหน้า 'ร้านที่เปิดใหม่' ไปแล้ว นี่คือวิกฤตครั้งแรกในรอบ 60 ปี!

Giving Machine ตู้กดบุญอัตโนมัติ เปลี่ยนการทำบุญให้ง่าย อยากทำแบบไหน ก็เลือกได้เลย

วันนี้ตู้กดอัตโนมัติถูกพัฒนาไปไกล ถึงขั้นกลายเป็น “ตู้กดบุญ” กันแล้ว ตู้ดังกล่าวมีชื่อว่า ‘Giving Machine’ โดยเปลี่ยนจากการกดซื้อสินค้ามาเป็นการเลือก “รายการบริจาค” แทน

เจาะลึก 5 เทรนด์ influencer Marketing มาแรง แบบไหนดี แบบไหนโดนใจลูกค้า

เทรนด์อินฟลูเอนเซอร์กำลังเปลี่ยนจากภาพลักษณ์หรูหรา มาเป็นความเรียล ความสัมพันธ์ และคาแรกเตอร์เฉพาะตัวมากขึ้น เพราะอินฟลูเอนเซอร์ไม่ใช่แค่ผู้บอกเล่า แต่เป็นผู้ส่งต่อความตั้งใจแบรนด์ ที่มีอิทธิพลต่อความคิดและความรู้สึกของผู้บริโภค