ผลวิจัยชี้ “จริยธรรมของแบรนด์” ดึงวัยรุ่นตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ







     เมื่อ “จริยธรรม” ในการดำเนินการและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์เป็นสิ่งที่ไม่ควรถูกมองข้าม MediaCom บริษัทมีเดียเอเจนซี่จึงทำการสำรวจวัยรุ่นจำนวน 1,201 คนที่มีอายุอยู่ในช่วง 8 – 19 ปีในประเทศอังกฤษ เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าเรื่องนี้ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่แบรนด์ต้องพิจารณาหากอยากได้ลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่


     โดยทางด้าน Josh Krichefski ซีอีโอของบริษัท กล่าวว่า การนำเสนอข่าวต่างๆของแบรนด์บนโลกออนไลน์ในปัจจุบันทำให้วัยรุ่นสามารถเข้าถึงหรือรับรู้ในพฤติกรรมของแบรนด์ต่างๆมากกว่าที่เคยเป็นมา


     “การคำนึงถึงจริยธรรมของแบรนด์นั้นมีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรเป็นแค่ส่วนหนึ่งของวัตถุประสงค์ด้านการวางกลยุทธ์ทางการตลาดเท่านั้นแต่ควรถูกปลูกฝังให้อยู่ในวัฒนธรรมขององค์กรและการดำเนินธุรกิจเพื่อให้ทุกการกระทำเป็นไปอย่างธรรมชาติและออกมาจากใจจริงไม่เช่นนั้นจะทำให้ผู้บริโภคเกิดความสงสัยได้ นอกจากนี้หากคุณเป็นแบรนด์ที่อยู่ในยุคปัจจุบันแล้วไม่คำนึงถึงเรื่องของจริยธรรม คุณจะไม่ใช่แค่เสี่ยงต่อการแปลกแยกจากคนทุกรุ่นโดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่แต่ยังทำให้ผู้บริโภคที่ให้ค่ากับเรื่องของ “ความดี” รู้สึกผิดหวังอีกด้วย”  
 

“จริยธรรมของแบรนด์” ตัวตัดสิน ซื้อ หรือ ไม่ซื้อ


     จากผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า 54 เปอร์เซ็นต์ของวัยรุ่นที่มีอายุ 16 – 19 ปี คำนึงถึงเรื่องจริยธรรมของแบรนด์ว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกเขาตัดสินใจซื้อหรือเลิกใช้สินค้าและบริการของแบรนด์ โดย 63 เปอร์เซ็นต์ของวัยรุ่นมีแนวโน้มที่จะซื้อโปรดักต์จากแบรนด์ที่ให้การสนับสนุนสังคมหรือองค์กรการกุศลที่มีความสำคัญต่อพวกเขา
 

“ความดี” ก้าวมาเป็นปัจจัยรองดึงลูกค้า


     แม้เรื่องของคุณภาพ (81 เปอร์เซ็นต์) และคุณค่าของสินค้าหรือบริการ (80 เปอร์เซ็นต์) ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการตัดสินใจซื้อของวัยรุ่นที่เข้าทำการทดสอบ แต่จริยธรรมหรือจรรยาบรรณของแบรนด์นั้นก็ก้าวเข้ามาเป็นปัจจัยรองในการพิจารณาของผู้บริโภคกลุ่มนี้อีกด้วยว่าแบรนด์นั้นๆมีจริยธรรมในการทำโปรดักต์หรือไม่ (43 เปอร์เซ็นต์) ไม่ทดสอบผลิตภัณฑ์กับสัตว์ (42 เปอร์เซ็นต์) และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (34 เปอร์เซ็นต์) นอกจากนี้ 85 เปอร์เซ็นต์ของวัยรุ่นที่ทำการทดสอบยังคิดว่าโปรดักต์ของแบรนด์ที่ดีควรลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและ 71 เปอร์เซ็นต์ คิดว่าแบรนด์ควรมีความรับผิดชอบในการตอบแทนสังคม
 

แต่ “ความสงสัย” ยังคงมีเสมอ


     เพราะนักการตลาดจำนวนมากหยิบการสร้างภาพลักษณ์อันดีในการทำเพื่อสังคมและให้การสนับสนุนองค์กรการกุศลมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำธุรกิจจึงทำให้ลูกค้าบางกลุ่มเกิดความแคลงใจและสงสัย เช่นเดียวกับ 37 เปอร์เซ็นต์ของวัยรุ่นที่เข้าทำการทดสอบที่บอกว่าพวกเขามักไม่ค่อยเชื่อการอ้างเหตุผลสนับสนุนนั้นๆ โดยที่ 69 เปอร์เซ็นต์ คิดว่าแบรนด์นั้นพูดเกินจริง และเมื่อเกิดความสงสัยบวกกับการที่แบรนด์ไม่สามารถทำตามสิ่งที่บอกไว้ได้จึงเป็นองค์ประกอบสำคัญดันผู้บริโภครุ่นใหม่ให้หยุดการใช้แบรนด์นั้นๆ เพราะฉะนั้นหากจะทำให้จริยธรรมต่างๆดูมีความจริงใจแบรนด์ต้องมีการปลูกฝังให้เรื่องนี้กลายเป็นวัฒนธรรมหลักขององค์กรไม่ใช่แค่เพียงกลยุทธ์ทางการทำการตลาดเท่านั้น
 




ดังนั้น จริยธรรมต้องเป็น “รูปธรรมที่จับต้องได้”


     หนึ่งในแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จและครองใจวัยรุ่นในด้านนี้ก็คือ แบรนด์ความงามอย่าง Lush ที่นำเสนอโปรดักต์แบบพรีเมี่ยมอย่างมีจริยธรรมด้วยการใช้วัตถุดิบและแพ็กเกจจิ้งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีการต่อต้านการทดสอบสินค้ากับสัตว์ รวมไปถึงแบรนด์เครื่องแต่งกายกลางแจ้งอย่าง Patagonia ที่มีการใช้วัสดุรีไซเคิลในเนื้อผ้าได้อย่างน่าสนใจอีกด้วย ตรงกันข้ามกับประเด็นร้อนของแบรนด์แฟชั่นสุดหรูอย่าง Burberry ที่ทำการปกป้องแบรนด์ด้วยการเผาสินค้าที่เหลือค้างสต็อกไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า เครื่องประดับและน้ำหอมเพื่อไม่ให้ของเหล่านี้ถูกนำไปขายต่อในราคาถูกหรือถูกขโมย เรียกได้ว่ามีหลายเสียงเลยทีเดียวที่บอกว่าการกระทำเช่นนี้นั้นถือว่าเป็นการสอบตกด้านจริยธรรม อย่างไรก็ตามเมื่อเร็วๆนี้ทางบริษัทได้ออกมาบอกว่าจะยกเลิกมาตรการดังกล่าวและหันมาจับมือกับแบรนด์หรูด้านความยั่งยืนอย่าง Elvis & Kresse เพื่อส่งเสริมและดำเนินการด้านการเป็นแบรนด์ที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมต่อไป  
 
 

 ​www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

เคสยาดม ชวนหิว ไอเดียทำเงิน จากไอเทมฮิต ว้าว! จนอยากหยิบมาใช้

พบไอเดียสุดเก๋ “เคสยาดม ฉบับคนหิว” ที่นำเอาเมนูสรีทฟู้ดแบบไทยๆ รวมถึงอาหารฟาสฟู้ดมาปั้นด้วยดินไทย ทำเป็นเมนูต่างๆ อาทิ ผัดไท, ส้มตำ, ก๋วยเตี๋ยว, มาม่า ต้มยำกุ้ง, แฮมเบอร์เกอร์, ถังไก่ KFC

รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ปลุกความกลัวพลาด ที่ช่วยเร่งยอดขายโต

ลูกค้าไม่ได้ซื้อเพราะอยากได้เสมอไป แต่ซื้อเพราะ ‘กลัวพลาด’ รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ต้นทุนต่ำที่ช่วยให้ SME ปิดการขายได้ไวขึ้น

รวมกับดักการตลาด ที่กำลัง “ฆ่า” SME แบบไม่รู้ตัว ดูวิธีรอดที่ทำได้ทันที

พาไปแกะทีละข้อ ว่าทำไม “สูตรยิงแอด” หรือ “สูตรทำคอนเทนต์” ที่เวิร์กกับคนอื่น ถึงไม่เวิร์กกับคุณ พร้อมชี้ทางออก ที่จะทำให้การสื่อสารแบรนด์กลับมา “เข้าเป้า” ได้จริง