สินค้าดี มีคุณภาพ แต่ขายไม่ได้...เป็นเพราะอะไร?






               
     ไม่มีผู้ประกอบการคนไหนที่วางแผนไว้ว่าจะล้มเหลวตั้งแต่เริ่มต้น แต่ก็ไม่มีอะไรยืนยันให้คุณได้ว่าคุณจะประสบความสำเร็จเช่นกัน มีผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยที่เฟลกับการทำธุรกิจและหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ธุรกิจล้มไม่เป็นท่าคือสินค้าที่ทำออกมานั้นขายไม่ได้เลย ไม่มีลูกค้า ไม่มีคนซื้อจนในที่สุดก็ต้องถอย แม้ว่าตัวคุณจะมองว่าตัวเองทำเต็มที่แล้ว สินค้าก็ดี คุณภาพก็เยี่ยม ใช้แต่ของดีๆ ทำไมลูกค้าถึงไม่สนใจ!
 

1.สินค้าของคุณไม่โดดเด่น


     
ไม่ว่าคุณจะวางขายสินค้าที่ชั้นวางบนห้างสรรพสินค้า ขายบนโลกออนไลน์หรือจะออกงานแฟร์ แต่ถ้าสินค้าของคุณไม่น่าสนใจเพียงพอ ก็ยากที่จะทำให้ลูกค้าหันมามอง คุณลองมองออกไปรอบๆ ตัวเองดูก่อนว่าในตอนนี้มีสินค้าเป็นพัน เป็นหมื่นแบรนด์ที่กำลังต้องการขายสินค้าเช่นเดียวกับคุณ ผู้บริโภคก็มีทางเลือกมากมาย คุณจึงต้องถามตัวเองว่าแล้วคุณมีจุดเด่นอะไรเข้าถึงต้องการสินค้าของคุณ


      แน่นอนว่าสินค้าที่คุณพัฒนา ผลิตมันมากับมือ คุณต้องรักและมองว่ามันดีอยู่แล้ว แต่หากว่าคนอื่นไม่มองเช่นนั้นล่ะ สิ่งสำคัญคือคุณต้องมองให้เป็นกลาง เรียนรู้พฤติกรรมของลูกค้าและเข้าใจพวกเขาให้มากขึ้นนอกจากนี้ยังต้องดึงจุดเด่นของตัวเองออกมา มีอะไรดีก็โชว์ออกมาให้โลกได้รู้
 




2.ตลาดคุณแคบเกินไปหรือเปล่า 


     
สินค้าดีก็จริง แต่คุณกำลังขายอยู่ในตลาดที่เล็กเกินไปหรือเปล่า การที่คุณขายสินค้าในตลาดเล็ก ก็เท่ากับว่าความต้องการสินค้าของคุณก็จะน้อยลง เมื่อเป็นเช่นนี้เพดานในการทำกำไรก็จะต่ำมาก ในบางครั้งกำไรสูงสุดยังไม่สามารถเลี้ยงบริษัทคุณได้เลยในระยะยาว คุณอาจจะต้องมองตลาดที่กว้างขึ้นหรือจับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น เช่น แตกไลน์สินค้าให้ตอบโจทย์ลูกค้าหลายกลุ่ม เป็นต้น

 
3.เสียงคุณส่งไปไม่ถึงลูกค้า


     
แม้ว่าสินค้าของคุณนั้นใช่สำหรับใครหลายคน แต่ถ้าคุณสื่อสารออกไปไม่ถึงพวกเขา สินค้าของคุณก็อาจจะขายไม่ได้ ดังนั้นการจะขายอะไรสักอย่าง ต้องสื่อสารให้ชัด ต้องบอกลูกค้าให้รับรู้ว่าคุณคือใคร คุณขายอะไร ทำไมเขาต้องซื้อคุณ ซื้อคุณแล้วชีวิตเขาจะดีขึ้นอย่างไร นอกจากนี้ข้อความที่ซับซ้อน เข้าใจยากก็อาจจะส่งผลให้ลูกค้าเมินคุณได้เช่นกัน คุณจึงต้องเน้นความเรียบง่าย จริงใจ ความซื่อสัตย์ บอกให้สั้น กระชับ ได้ใจความ อย่าพยายามใช้คำสวยหรูแต่เข้าใจยาก
 




4.คุณขายผิดที่


     
ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย ขายผิดที่ก็เช่นกัน การที่คุณขายสินค้าผิดที่ก็เท่ากับคุณไม่ได้เจอกับกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง สินค้าของคุณอาจจะไม่ตอบโจทย์กับผู้บริโภคในตรงนั้น คุณต้องรู้ก่อนว่าสินค้าของคุณเกิดมาเพื่อใครและพวกเขาอยู่ที่ไหน ควรไปหาพวกเขาได้ที่ไหน จากนั้นก็พาตัวเองไปอยู่ตรงนั้น เช่น กลุ่มลูกค้าของคุณอยู่ต่างจังหวัดแต่คุณวางขายเฉพาะห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพฯ คุณก็อาจจะขายยากเพราะลูกค้าที่แท้จริงของคุณไม่ใช่คนกรุงเทพฯ เป็นต้น
 

5.บรรจุภัณฑ์ไม่น่าหยิบ


     
เรื่องของแพ็กเกจจิ้งนั้นละเอียดอ่อนกว่าที่คุณคิด หลายคนมองว่าแพ็กเกจจิ้งคือสิ่งที่ห่อหุ้มผลิตภัณฑ์ไว้เฉยๆ บางคนอาจใช้คติผ้าขี้ริ้วห่อทอง ของดีแม้จะห่อด้วยอะไรคนก็ต้องซื้อสิ แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ ยิ่งผู้บริโภคในสมัยนี้ เลือกสินค้าด้วยการดูรูปลักษณ์ภายนอกก่อน บางคนตัดสินใจซื้อสินค้าเพราะแพ็กเกจจิ้งน่าหยิบก็มี เพราะฉะนั้นถ้าอยากดึงดูดให้ลูกค้าซื้อสินค้า จะใส่ใจแต่การทำสินค้าให้ดีอย่างเดียวไม่ได้ ต้องใส่ใจเรื่ององค์ประกอบอื่นๆ อย่างแพ็กเกจจิ้งด้วย


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ปลุกความกลัวพลาด ที่ช่วยเร่งยอดขายโต

ลูกค้าไม่ได้ซื้อเพราะอยากได้เสมอไป แต่ซื้อเพราะ ‘กลัวพลาด’ รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ต้นทุนต่ำที่ช่วยให้ SME ปิดการขายได้ไวขึ้น

รวมกับดักการตลาด ที่กำลัง “ฆ่า” SME แบบไม่รู้ตัว ดูวิธีรอดที่ทำได้ทันที

พาไปแกะทีละข้อ ว่าทำไม “สูตรยิงแอด” หรือ “สูตรทำคอนเทนต์” ที่เวิร์กกับคนอื่น ถึงไม่เวิร์กกับคุณ พร้อมชี้ทางออก ที่จะทำให้การสื่อสารแบรนด์กลับมา “เข้าเป้า” ได้จริง

Color Psychology: จิตวิทยาเรื่องสี ที่แบรนด์ใหญ่ใช้เพิ่มยอดขาย

สี…ก็เปลี่ยนยอดขายได้ ทำไม Facebook ใช้สีน้ำเงิน? ทำไม Chanel ถึงเลือกสีดำทอง? ทำไมฟาสต์ฟู้ดต้องสีแดง-เหลือง? คำตอบอยู่ที่ “Color Psychology” จิตวิทยาของสีที่แบรนด์ใหญ่ใช้สร้างกำไรมาแล้วทั่วโลก