Brand Purpose การตลาดแบบให้มากกว่า หมัดเด็ดมัดใจลูกค้ายุคใหม่

 





     ทุกวันนี้ผู้บริโภคไม่ได้ตัดสินใจซื้อเพียงแค่ดูที่ตัวสินค้าและราคาเพียงอย่างเดียว แต่ยังมุ่งไปถึงสิ่งที่แบรนด์พูด กระทำและยึดมั่น ส่งผลให้ Brand Purpose หรือการที่แบรนด์มีจุดยืน เป้าหมายและวัตถุประสงค์ในการรับผิดชอบต่อสังคม รวมไปถึงทำโปรดักต์หรือออกแคมเปญที่สามารถส่งมอบประโยชน์ให้โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้น กลายเป็นเครื่องมือทำการตลาดอันทรงพลังในการสร้างความเชื่อมโยงกับลูกค้าให้ลึกมากขึ้นและยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของแบรนด์ให้มีมากขึ้น


     จากการสำรวจความคาดหวังต่อแบรนด์หรือบริษัทในปัจจุบันของผู้บริโภคเกือบ 30,000 คนทั่วโลก ของ Accenture บริษัทที่ปรึกษาชื่อดังระดับโลก พบว่า บริษัทที่มีจุดยืนในการทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากกว่าการขายสินค้า มีการสื่อสารให้เห็นถึงวัตถุประสงค์และความมุ่งมั่นในการรับผิดชอบต่อสังคม จะสามารถดึงดูดผู้บริโภคและจูงใจการตัดสินใจซื้อ รวมไปถึงพัฒนาศักยภาพทางการแข่งขันของแบรนด์ให้มีมากขึ้นได้
 

เจตจำนงของแบรนด์มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า


     “Brand Purpose วัตถุประสงค์หรือเจตจำนงนั้นเป็นอะไรที่มากกว่าการที่บริษัทหรือแบรนด์ตอบสนองต่อเหตุการณ์หรือปัญหาประจำวัน เป็นสิ่งที่เกี่ยวกับความจริงใจและการกระทำที่มีความหมายสอดคล้องกับสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ เช่น สุขภาพและการอยู่ดีกินดี การใช้วัตถุดิบหรือส่วนผสมจากธรรมชาติ ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและความสัมพันธ์อันดีกับคนในครอบครัว”


     โดยผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า 62 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริโภคทั่วโลกต้องการบริษัทที่มีจุดยืนด้านสังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อมและการเมืองที่ใกล้เคียงกับตัวเอง นอกจากนี้ ยังมีคนอีก 65 เปอร์เซ็นต์ บอกว่า คำพูด คุณค่าและการกระทำของบริษัทหรือแบรนด์นั้นมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการ ซึ่งปัจจัยที่สร้างแรงดึงดูดได้ดีนั้นมาจากการที่แบรนด์ตั้งเป้าใช้ส่วนผสมที่ดีมีคุณภาพ (75 เปอร์เซ็นต์) ดูแลพนักงานได้ดี (65 เปอร์เซ็นต์) และมีความเชื่อในการลดใช้พลาสติกและพัฒนาสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น (62 เปอร์เซ็นต์)
 

ความเป็นจริงและน่าเชื่อถือช่วยขับเคลื่อนการเติบโตให้แบรนด์


     “ในยุคที่คนต้องการความโปร่งใสแบบนี้ ผู้บริโภคจะส่งเสียงความคิดเห็น ค่านิยมและความเชื่อของพวกเขาออกมา รวมไปถึงจับตาดูการกระทำ ความเป็นผู้นำและความรับผิดชอบต่างๆของบริษัท ที่สำคัญพวกเขานั้นมักมองออกว่าสิ่งไหนที่ทำด้วยความจริงใจ และจะไม่ยอมทนต่อการเสแสร้งใดๆ”


     โดย 62 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริโภค บอกว่า การพิจารณาซื้อสินค้าของพวกเขานั้นจะดูจากค่านิยมทางจริยธรรมและความน่าเชื่อถือของบริษัท นอกจากนี้ 74 เปอร์เซ็นต์ ยังต้องการเห็นความโปร่งใสของบริษัทมากขึ้นในเรื่องของการจัดหาแหล่งผลิตภัณฑ์ การมีสภาพการทำงานที่ปลอดภัย และท่าทีของบริษัทต่อประเด็นสำคัญๆ เช่น การทดสอบสินค้ากับสัตว์
 

ผู้บริโภคสามารถเปลี่ยนวิถีของบริษัทได้


     “เสียงของผู้บริโภคสามารถเปลี่ยนวิถีทางการเงินของบริษัทได้ พวกเขาเป็นมากกว่าผู้ซื้อ เรียกได้ว่าเป็นตัวกระตุ้นชั้นยอดให้กับผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัท อีกทั้งยังต้องการที่จะรู้สึกถึงการเป็นหนึ่งเดียวหรือมีเจตนารมณ์ร่วมกันกับแบรนด์”


     โดย 2 ใน 3 ของผู้บริโภค เชื่อว่าการทำการประท้วงของตนนั้น ไม่ว่าจะเป็นการบอยคอตหรือคว่ำบาตรบริษัท และการพูดบนสื่อสังคมออนไลน์ จะสามารถสร้างความแตกต่างในการปฏิบัติตัวของบริษัทได้ ซึ่ง 36 เปอร์เซ็นต์ รู้สึกผิดหวังกับการกระทำของบริษัทที่ทรยศต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และ 47 เปอร์เซ็นต์ ทำการหันหลังให้กับบริษัทที่ละเลยเจตจำนงของตัวเองไป อีกทั้ง 17 เปอร์เซ็นต์ไม่กลับมาใช้แบรนด์เดิมอีกเลย
 

3 วิธีก้าวสู่การเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งพร้อมใช้ Purpose-driven ​Marketing
 

1. กำหนดจุดยืนให้กับธุรกิจ

     
     บริษัทหรือแบรนด์จำเป็นที่จะต้องทำการกำหนดบทบาทของตัวเองให้ชัดเจน โดยสามารถเริ่มจากการทำความเข้าใจในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ดูว่าเพราะอะไรคนถึงเลือกมาทำงานที่บริษัทและทำไมธุรกิจอื่นๆถึงอยากเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์กับเรา จะทำให้สามารถค้นพบได้ว่าความพิเศษของบริษัทอยู่ตรงไหนและสามารถใช้จุดนี้แหละมาสร้างความแตกต่างได้
 

2. ชัดเจนและจริงใจ


     เพราะผู้บริโภคสามารถรับรู้ได้ว่าอันไหนจริงอันไหนเสแสร้ง ดังนั้นทุกๆเจตจำนงของบริษัทที่ให้ไว้จะเป็นตัวตัดสินการกระทำทุกอย่าง ซึ่งหากเป็นไปตามที่ได้ให้ไว้ มีความชัดเจนและจริงใจก็จะสามารถได้ใจและสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้าและแบรนด์ได้
 

3. สร้างการเข้าถึงผู้บริโภคในระดับที่ลึกกว่า


     เมื่อลูกค้ามีความซื่อสัตย์และภักดีต่อแบรนด์แล้ว ธุรกิจสามารถใช้จุดนี้ให้เกิดประโยชน์ได้ โดยการเปิดโอกาสให้พวกเขาเข้ามามีส่วนร่วมในการทำโปรดักต์หรือบริการใหม่ๆ ร่วมออกแบบหรือเป็นพันธมิตร รวมไปถึงสามารถทำการลงทุนในบริษัทได้ เพราะการทำให้ลูกค้าเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทหรือแบรนด์นั้นจะช่วยรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันเอาไว้ได้ และชี้ให้เห็นโอกาสของการเติบโตและตลาดใหม่ได้อีกด้วย  


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

เคสยาดม ชวนหิว ไอเดียทำเงิน จากไอเทมฮิต ว้าว! จนอยากหยิบมาใช้

พบไอเดียสุดเก๋ “เคสยาดม ฉบับคนหิว” ที่นำเอาเมนูสรีทฟู้ดแบบไทยๆ รวมถึงอาหารฟาสฟู้ดมาปั้นด้วยดินไทย ทำเป็นเมนูต่างๆ อาทิ ผัดไท, ส้มตำ, ก๋วยเตี๋ยว, มาม่า ต้มยำกุ้ง, แฮมเบอร์เกอร์, ถังไก่ KFC

รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ปลุกความกลัวพลาด ที่ช่วยเร่งยอดขายโต

ลูกค้าไม่ได้ซื้อเพราะอยากได้เสมอไป แต่ซื้อเพราะ ‘กลัวพลาด’ รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ต้นทุนต่ำที่ช่วยให้ SME ปิดการขายได้ไวขึ้น

รวมกับดักการตลาด ที่กำลัง “ฆ่า” SME แบบไม่รู้ตัว ดูวิธีรอดที่ทำได้ทันที

พาไปแกะทีละข้อ ว่าทำไม “สูตรยิงแอด” หรือ “สูตรทำคอนเทนต์” ที่เวิร์กกับคนอื่น ถึงไม่เวิร์กกับคุณ พร้อมชี้ทางออก ที่จะทำให้การสื่อสารแบรนด์กลับมา “เข้าเป้า” ได้จริง