1 คำถามหยุดมโน! รู้เลยการตลาดที่ทำอยู่เวิร์กไม่เวิร์ก

Text: WAN. K





Main idea
 
  • ลืมเรื่องยากๆ ของตัวชี้วัดประสิทธิภาพการทำตลาดของแบรนด์ไปได้เลย เมื่อปรมาจารย์ด้านการตลาดระดับโลกอย่าง Seth Godin บอกว่า แค่ 1 คำถามก็บอกได้แล้วว่า การตลาดที่ทำอยู่นั้นมันเวิร์กหรือไม่
 
  • คำภามที่ว่าคือ “ถ้าแบรนด์ของคุณหายไปในวันพรุ่งนี้ ใครจะเป็นคนที่คิดถึงคุณ ... ถ้าไม่มีก็เตรียมตัวถูกลืม และถึงเวลาที่ต้องยกเครื่องทำการตลาดและแบรนดดิ้งใหม่ได้แล้ว!”
 
  • เพื่อให้ได้ผลดี ยังมี 3 หมัดเด็ดสู่ความสำเร็จ ทั้ง เน้นการสร้างชุมชน จำกัดวงของกลุ่มเป้าหมายที่ใช่ และเลือกช่องทางการเข้าถึงลูกค้าบนออนไลน์ได้อย่างเหมาะสม






     การจะทำให้แบรนด์ก้าวหน้าและประสบความสำเร็จได้นั้น หลายต่อหลายคนต่างสรรหาตัวชี้วัดประสิทธิภาพต่างๆ มาเป็นเกณฑ์ในการตัดสิน แต่เพราะไม่ใช่ของตายตัวและสามารถปรับเปลี่ยนไปตามความประสงค์ของแต่ละธุรกิจได้ เลยทำให้ผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยต้องมานั่งสงสัยว่า แล้วอะไรกันแน่ที่จะทำให้รู้ว่าการตลาดที่แบรนด์กำลังทำอยู่นั้นมัน “ใช่” และ” เวิร์ก” หรือไม่ ซึ่งวิธีที่จะทำให้รู้นั้นก็ไม่ได้ยากหรือซับซ้อนอย่างที่คิด..แล้วมันคืออะไรล่ะ?


CR: seths.blog


     ถ้าเอ่ยชื่อของ Seth Godin น้อยคนที่ทำธุรกิจจะไม่รู้จัก เพราะเขาได้ชื่อว่าเป็นไอค่อนและต้นแบบทางการทำการตลาดของใครหลายๆ คน พ่วงมากับดีกรีการเป็นนักเขียนหนังสือระดับเบสต์เซลเลอร์ และปรมาจารย์คนนี้แหละที่บอกว่า การชี้วัดผลของความพยายามทางการตลาด หรือ Marketing Efforts ที่ผู้ประกอบการมีนั้น ไม่จำเป็นต้องซับซ้อนอย่างที่คิด เพียงแค่ตอบคำถามต่อไปนี้ให้ได้แค่นั้นก็พอ นั่นก็คือ...
 

“ถ้าแบรนด์ของคุณหายไปในวันพรุ่งนี้ ใครจะเป็นคนที่คิดถึงคุณ หรือถ้า Podcast ของคุณไม่ได้ออกอากาศในวันที่กำหนด จะมีสักกี่คนที่ถามหา”


     ซึ่งนี่คือสิ่งที่จะสามารถแยกแบรนด์ที่มีอิทธิพลและมีผลกระทบในวงกว้างออกจากแบรนด์ที่ไม่น่าจดจำได้ ดังนั้น
“หากไม่มีใครสนใจว่า คุณหายตัวไปในวันพรุ่งนี้แล้วล่ะก็ นั่นหมายถึงคุณจะถูกแทนที่และถึงเวลาแล้วที่ต้องปรับการทำการตลาดและแบรนด์ดิ้ง ส่วนตัวชี้วัดอย่างอื่นนะหรอ ก็เป็นแค่เรื่องรองลงมาเท่านั้นเอง”


     และต่อไปนี้คือ 3 เคล็ดลับเด็ดที่ผู้ประกอบการสามารถนำคำกล่าวที่ว่า ไปปรับใช้ในการทำธุรกิจในปีนี้ให้มุ่งสู่ความสำเร็จได้


 

1. ต้องเน้นที่ชุมชน ไม่ใช่แค่ผู้บริโภค

     เนื่องจากการแข่งขันกันอย่างดุเดือดของโลกธุรกิจในปัจจุบัน จึงเป็นเรื่องยากกว่าที่เคย ที่ผู้ประกอบการจะสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีคุณลักษณะหรือประโยชน์ ซึ่งคู่แข่งไม่สามารถมอบให้แก่ผู้บริโภคได้ ดังนั้นเพื่อที่จะเอาชนะอุปสรรคนี้ แบรนด์จึงต้องสร้างบางอย่างที่เงินซื้อไม่ได้ นั่นก็คือการสร้างการเข้าถึงลูกค้าและชุมชนอย่างจริงใจ ซึ่งอาจจะเป็นการจัดกิจกรรม เพื่อให้ลูกค้าของแบรนด์ได้มีโอกาสมารวมตัวกัน เริ่มขายสินค้าที่มีคุณภาพสูงให้กับลูกค้าที่มีความภักดี (Loyalty) สามารถซื้อและใส่ได้ ขับเคลื่อนบริษัทด้วยวัตถุประสงค์หรือ Brand Purpose แทนที่จะมุ่งแต่กำไร ทำคอนเทนต์เป็นประจำเพื่อสร้างความใกล้ชิด และสร้างกลุ่มเฟซบุ๊กหรือช่องทางที่แบรนด์สามารถพูดคุยเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจกับลูกค้าได้ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการสร้างชุมชน เพื่อให้เกิดการสื่อสารระหว่างกันของลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะทำให้เกิดการตลาดแบบปากต่อปาก หรือ Word of Mouth ซึ่งจะช่วยยกระดับให้ธุรกิจโตไปอีกขั้นได้
 

2. จำกัดวงกลุ่มลูกค้า  

     Godin นั้นมีแนวคิดตรงข้ามกับนักการตลาดส่วนใหญ่ที่มองว่า การทำธุรกิจควรมุ่งเน้นไปที่คนจำนวนมาก ซึ่งเขาบอกว่า “สิ่งที่ได้ผลจริงในการตลาดคือ การตั้งร้านค้าและอยู่ที่นั่น ไม่ใช่การหาคนหรือลูกค้าใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ของคุณ แต่ต้องทำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆขึ้นมาสำหรับคนของคุณต่างหาก" ซึ่งทุกวันนี้ ผู้ประกอบการมีความสามารถและเครื่องมือหรือช่องทางต่างๆมากมาย ที่สามารถทำการพูดคุยกับกลุ่มลูกค้าของแบรนด์ได้โดยตรง ดังนั้น ควรเริ่มต้นด้วยการพิจารณาว่ากลุ่มเป้าหมายของแบรนด์คือใคร พัฒนาการทำ Buyer Persona หรือลักษณะของกลุ่มลูกค้าในฝันจากกลุ่มเป้าหมายที่วางเอาไว้ และทำการตลาดที่เหมาะสมกับคนกลุ่มนี้ รวมไปถึงแก้ปัญหาและตอบคำถามให้กับลูกค้า โดยการทำแบบนี้จะช่วยสร้างความน่าไว้วางใจให้กับแบรนด์และลูกค้าก็จะยอมควักกระเป๋าให้
 




3. อย่าอยู่เกลื่อนไปทุกที่บนออนไลน์

     การอยู่ไปทุกที่หรือแสดงตัวบนทุกช่องทางของโลกออนไลน์ไม่ใช่เรื่องดีอย่างที่คิด เพราะการจะทำการตลาดให้ได้ดีนั้น ผู้ประกอบการต้องรู้จักเลือกใช้ช่องทางที่ลูกค้าเป้าหมายส่วนใหญ่ใช้อยู่ เช่น ถ้ากลุ่มลูกค้าเป็นคุณแม่วัยกลางคน ก็ไม่ควรที่จะใช้ช่องทางอย่างสแนปแชท หรือถ้าลูกค้าหลักเป็นนักเล่นเกมชาว Gen Z แบรนด์ก็ไม่ควรทุ่มงบทั้งหมดไปกับการโฆษณาบนเฟซบุ๊ก ดังนั้น ควรพิจารณาให้ดีว่าช่องทางบนโซเชียลมีเดียแบบไหน ถึงจะทำให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มลูกค้าหลักของแบรนด์ได้มากและมีประสิทธิภาพที่สุด    
 






www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 

 

RECCOMMEND: MARKETING

วิกฤตสูงวัย เด็กเกิดใหม่น้อย กรณีศึกษาธุรกิจญี่ปุ่น ปรับตัวผลิตสินค้าผู้ใหญ่แทนสินค้าเด็ก

Oji Holdings ผู้ผลิตผ้าอ้อมในญี่ปุ่นประกาศยุติผลิตผ้าอ้อมเด็ก หันไปเพิ่มปริมาณการผลิตผ้าอ้อมผู้ใหญ่แทน สาเหตุมาจากอัตราการเกิดที่ลดลงและจำนวนประชากรสูงวัยของญี่ปุ่นที่เพิ่มสูงขึ้น

โอกาสโกอินเตอร์ของแบรนด์ไทย ทำงานกับนักธุรกิจระดับโลก งาน Gifts & Premium Fair ฮ่องกง

ฮ่องกงขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนที่มีการจัดงานแสดงสินค้าที่ยิ่งใหญ่ของโลกแห่งหนึ่ง และหนึ่งในนั้นคืองานแสดงสินค้าของขวัญและของพรีเมียมภายใต้ชื่อ Hong Kong Gifts & Premium Fair ซึ่งกำลังจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 27-30 เมษายน 2024