หนึ่งเดียวในโลก กระเป๋าอะไร? ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้

 

 

 

 

 

 

     คำกล่าวนี้น่าจะใช้ได้ดีเสมอกับทุกยุคทุกสมัยและทำให้เกิดผลงานสร้างสรรค์มากมาย เหมือนเช่นกับสินค้าของหลายแบรนด์ที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีการแปรเปลี่ยนสภาพจากของเหลือทิ้ง ให้กลายมาเป็นของใหม่ สร้างมูลค่าเพิ่มได้นับหลายเท่าตัว หนึ่งในตัวอย่างแบรนด์ที่น่าสนใจได้แก่ “Hugely” แบรนด์กระเป๋าจากสายดับเพลิงหนึ่งเดียวในโลก ที่ยังคงคุณสมบัติเดิมใช้งานได้สมบุกสมบัน แบบตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ไม่ต่างจากหน้าที่เดิมที่เคยทำมา

 

 

     โดยไอเดียดังกล่าวนั้นเป็นของ “นวรัตน์ โชคล้ำเลิศ” หญิงสาวที่เปลี่ยนสภาพของสายดับเพลิงเก่าให้มาเป็นกระเป๋าสุดชิกและทนทานที่สุดใบหนึ่งของโลก โดยเธอเล่าให้ฟังว่าที่มาของไอเดียนั้นมาจากการที่กำลังหาโปรเจกต์จบส่งอาจารย์ เรื่องการสร้างมูลค่าเพิ่มจากสิ่งของเหลือใช้ ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เกิดประโยชน์ขึ้นมาใหม่ จนสุดท้ายก็จับพลัดจับพลูมามองเห็นสายดับเพลิงเก่า ที่ที่บ้านซึ่งทำธุรกิจรับประมูลของเก่าได้ประมูลซื้อมา

     “ถึงจะเป็นสายยางที่หมดอายุการใช้งานแล้ว แต่เราเห็นว่ายังมีความทนทาน แข็งแรงอยู่ ก็เลยลองมาคิดว่าจะสามารรถเอามาดัดแปลงทำอะไรได้บ้างที่เพิ่มมูลค่าขึ้นมาได้ เพราะไม่อย่างนั้นก็จะถูกขายเป็นสายยางที่เอาไว้รดน้ำรดต้นไม้ตามสวนต่างๆ และแต่ละใบก็มีลวดลายแตกต่างกันด้วย” นวรัตน์เล่าที่มาให้ฟัง จนกลายสุดท้ายกลายเป็นที่ของแบรนด์ Hugely  ที่มีเพียงอย่างละใบในโลกกระเป๋า

 

     หลายคนอาจสงสัยว่าจากสายดับเพลิงที่มีลักษณะยาวๆ จะกลายมาเป็นกระเป๋าได้ยังไง นวรัตน์ได้อธิบายให้ฟังว่า   เริ่มต้นจากนำสายยางมาตัดแบ่งเป็นท่อนๆ ก่อนให้ได้ความยาวประมาณ 1-2 เมตร จากนั้นจึงนำมาผ่าครึ่ง เพื่อทำเป็นแผ่น  แล้วจึงนำไปทำความสะอาด ด้วยการแช่น้ำยาซักผ้าขาวหรือโซดาไฟ 3 - 4 วัน เพื่อให้คราบสนิม คราบตะไคร่ เสร็จแล้วจึงนำไปตากให้แห้ง และจึงค่อยนำมาออกแบบแพตเทิร์นตัดออกมาเป็นกระเป๋ารูปทรงต่างๆ ซึ่งกว่าจะได้แต่ละใบไม่ง่ายเลย

     “เนื่องจากตัวสายยางเองมีความหนาค่อนข้างมาก และผลิตจากเส้นใยที่ถักกันขึ้นมาเป็นสาย จึงค่อนข้างต้องใช้ความระมัดระวังและละเอียดในการตัดเย็บอย่างมาก เพื่อเก็บขอบไม่ให้ลุ่ย เลยหาช่างเย็บยากมาก อีกคือ เป็นสินค้าที่ผลิตจากวัสดุเหลือใช้ ไม่ได้สั่งผลิตขึ้นมาใหม่ เราต้องไปประมูลตามเทศบาลต่างๆ บางทีก็ต้องไปหาซื้อจากโกดังขายสินค้ามือสองญี่ปุ่น ทำให้แต่ละเดือนผลิตได้ไม่เยอะ อีกข้อ คือ เราไม่ได้ให้โรงงานอุตสาหกรรมใหญ่เย็บให้ แต่เลือกกระจายงานไปตามบ้านเรือนเล็กๆ แทน นอกจากช่วยกระจายรายได้ให้กับชุมชน ยังทำให้เราสามารถผลิตได้ไม่มีขั้นต่ำ ซึ่งเหมาะกับข้อจำกัดเรื่องวัตถุดิบของเราด้วย”

 

 

     ปัจจุบันกระเป๋า Hugely มีอยู่ด้วยกัน 5 รูปแบบ ได้แก่ กระเป๋าสะพายข้าง, กระเป๋าโทสต์แบ็ก และกระเป๋าสตางค์ 3 แบบ ราคาอยู่ที่ 890 – 1,790 บาท มีคุณสมบัติพิเศษ คือ แข็งแรง ทนทาน กันน้ำ ซึ่งแต่ละแบบล้วนได้แรงบันดาลใจมาจาก Exterior Design  (การออกแบบภายนอก) เช่น รูปทรงของตึกและยอดตึกตัดส่วนต่างๆ

กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่วางไว้ คือ กลุ่มวัยทำงานที่ชื่นชอบกิจกรรมผจญภัย ลุยๆ หรือคนที่ต้องการกระเป๋าใช้งานแบบสมบุกสมบัน ไม่ค่อยมีเวลาดูแลรักษามากนัก และยังอยากใส่ใจสิ่งแวดล้อมไปด้วย โดยปัจจุบันขายผ่านช่องทางอินสตาแกรมและเฟซบุ๊ก และเร็วๆ นี้กำลังจะเข้าไปจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำอีกด้วย และกำลังจะออกดีไซน์ใหม่เร็วๆ นี้

     “เรากำลังจะเพิ่มคอลเลคชั่นใหม่และดีไซน์ให้มีความเป็น Unisex  มากขึ้น คือ ใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เพราะทุกวันนี้ที่มีอยู่จะเน้นไปทางผู้ชายมากกว่า นอกจากนี้เรากำลังมองหาวัสดุอื่นเพิ่มเข้ามาด้วย เช่น ชุดนักดับเพลิงเก่า สายยาง สายพาน โดยยังคงคอนเซปต์เดิมเอาไว้ให้ล้อไปด้วยกัน” นวรัตน์เล่าถึงแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ในอนาคตให้ฟัง

 

     และนี่คือ อีกผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ ที่สามารถนำสิ่งที่เป็นขยะมาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มได้ แถมยังชุบชีวิตของเก่าไร้ค่าให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งด้วย