​เงินไม่ฝืด คาด กนง.ไม่ลดดอกเบี้ยนโยบาย





    ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics คาดคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีมติให้คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ก่อนที่ร้อยละ 2.00 ในการประชุมวันพุธที่ 11 มีนาคม เหตุนโยบายการเงินผ่อนคลายเพียงพอ และประเมิน เศรษฐกิจไทยยังไม่ได้เข้าสู่ภาวะเงินฝืด กอปรกับแนวโน้มเงินเฟ้อในช่วงหลังของปี น่าจะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น 

    หลังกระทรวงพาณิชย์ประกาศอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยที่ติดลบร้อยละ 0.52 ในเดือนกุมภาพันธ์ นับเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง ส่งผลให้หลายฝ่ายเริ่มกังวลถึงภาวะเงินฝืด ก่อให้เกิดแรงกดดันให้ กนง. ผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม เนื่องจากหากประเทศกำลังเผชิญกับปัญหาดังกล่าวจริง ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่ กนง. ต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและป้องกันไม่ให้ภาวะเงินฝืดกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง 

    แต่คำถามที่สำคัญก็คือ แล้วประเทศไทยเข้าสู่ภาวะเงินฝืดหรือยัง จากการประเมินของศูนย์วิเคราะห์ฯ มองว่าสถานการณ์ในปัจจุบันไม่ใช่อาการของภาวะเงินฝืด เนื่องจากเงินเฟ้อที่ปรับลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา เกิดจากการลดลงของราคาน้ำมันเป็นหลัก ในขณะที่ราคาสินค้าในหมวดอื่นๆ ยังอยู่ในภาวะปกติ 

    นอกจากนี้ การที่ราคาน้ำมันส่งสัญญาณผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้ศูนย์วิเคราะห์ฯ ประเมินว่า เงินเฟ้อมีแนวโน้มค่อยๆ ปรับสูงขึ้นตั้งแต่ไตรมาสสองเป็นต้นไป และคาดว่าเงินเฟ้อทั่วไปจะเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ร้อยละ 0.7 ในขณะเดียวกัน ประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2558 ก็ยังยืนอยู่ที่ร้อยละ 3.5 ซึ่งก็ไม่ใช่ระดับที่ต่ำจนน่ากังวล ซึ่งโดยสรุปศูนย์วิเคราะห์ฯ มองว่าความเสี่ยงจากภาวะเงินฝืดน่าจะยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะทำให้ กนง. ตัดสินใจลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้

    นอกเหนือจากประเด็นด้านเงินเฟ้อ อีกหนึ่งแรงกดดันที่ต้องการให้ กนง. ปรับลดดอกเบี้ยมาจากการที่ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่ากว่าค่าเงินสกุลอื่นๆ ในภูมิภาค โดยมองว่ามีสาเหตุจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยอยู่ในระดับสูง ทำให้เงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาบ้านเรามาก แท้ที่จริงแล้ว หากเปรีบยเทียบอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน จะพบว่าดอกเบี้ยของเราอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำเลยทีเดียว 

    แน่นอนว่าการพิจารณาผลตอบแทนเพียงอย่างเดียวโดยไม่สนใจความเสี่ยงคงไม่เพียงพอที่จะบอกได้ว่าประเทศใดน่าดึงดูดต่อการไหลเข้าของเงินทุนมากกว่ากัน ดังนั้น เราจึงทำการวัดส่วนต่างอัตราผลตอบแทนการลงทุนเมื่อเทียบกับความเสี่ยง (Information Ratio หรือ IR) โดยหากประเทศใดมีค่า IR ที่สูง ก็หมายความว่าประเทศนั้นมีผลตอบแทนต่อความเสี่ยงที่ดีกว่า จากการคำนวณของเราพบว่าในปัจจุบัน IR ของตลาดไทยมีค่อนข้างน้อยอยู่แล้วเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค เช่น อินโดนีเซีย หรือ มาเลเซีย นั่นหมายความว่า แม้จะมีการปรับดอกเบี้ยนโยบายแต่ก็อาจไม่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของเงินทุนมากนัก 

    ท้ายที่สุดแล้ว ประเด็นด้านความเสี่ยงจากปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ต้องระมัดระวัง ทั้งนี้จากรายงานล่าสุดของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หนี้ภาคครัวเรือนปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับร้อยละ 86 ของจีดีพี ณ ไตรมาสสามของปี 2557 ซึ่งหากมีการปรับลดดอกเบี้ยลงอาจส่งผลให้หนี้ในส่วนนี้ปรับเพิ่มขึ้นอีก

    โดยสรุป ศูนย์วิเคราะห์มองว่าการลดดอกเบี้ยในขณะนี้อาจจะช่วยแก้ปัญหาค่าเงินบาทได้ไม่มากนัก แต่กลับเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจโดยรวม และจากแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อไทยที่มีแนวโน้มค่อยๆ ปรับสูงขึ้น ศูนย์วิเคราะห์ฯ จึงประเมินว่า กนง. จะตัดสินใจคงดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 2.00 ในการประชุมในวันที่ 11 มี.ค. เพื่อเป็นการเก็บกระสุน เตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงของเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต  

RECCOMMEND: MARKETING

เคสยาดม ชวนหิว ไอเดียทำเงิน จากไอเทมฮิต ว้าว! จนอยากหยิบมาใช้

พบไอเดียสุดเก๋ “เคสยาดม ฉบับคนหิว” ที่นำเอาเมนูสรีทฟู้ดแบบไทยๆ รวมถึงอาหารฟาสฟู้ดมาปั้นด้วยดินไทย ทำเป็นเมนูต่างๆ อาทิ ผัดไท, ส้มตำ, ก๋วยเตี๋ยว, มาม่า ต้มยำกุ้ง, แฮมเบอร์เกอร์, ถังไก่ KFC

รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ปลุกความกลัวพลาด ที่ช่วยเร่งยอดขายโต

ลูกค้าไม่ได้ซื้อเพราะอยากได้เสมอไป แต่ซื้อเพราะ ‘กลัวพลาด’ รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ต้นทุนต่ำที่ช่วยให้ SME ปิดการขายได้ไวขึ้น

รวมกับดักการตลาด ที่กำลัง “ฆ่า” SME แบบไม่รู้ตัว ดูวิธีรอดที่ทำได้ทันที

พาไปแกะทีละข้อ ว่าทำไม “สูตรยิงแอด” หรือ “สูตรทำคอนเทนต์” ที่เวิร์กกับคนอื่น ถึงไม่เวิร์กกับคุณ พร้อมชี้ทางออก ที่จะทำให้การสื่อสารแบรนด์กลับมา “เข้าเป้า” ได้จริง