ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ปี 58 แนวโน้มดี

 


    ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics ชี้ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในปี 2558 มีแนวโน้มดีกว่าปี 2557 ทั้งการขยายตัวของสินเชื่อ และ รายได้ค่าธรรมเนียม เนื่องจากเสถียรภาพทางการเมืองและความพยายามของภาครัฐในการผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตผ่านการลงทุน รวมถึงรายได้จากธุรกรรมดิจิตอล และ Trade Finance

    ปัจจัยการเมืองที่มีความไม่แน่นอนสูงในปี 2557 มีส่วนสำคัญทำให้สินเชื่อธนาคารพาณิชย์ขยายตัวเพียงร้อยละ 5 ซึ่งถือเป็นอัตราที่ชะลอตัวเอามากๆ จากที่สามารถขยายตัวในระดับเลขสองหลัก (ระหว่างร้อยละ 11-15) มาสี่ปีติดต่อกัน 

    ดังนั้น การเมืองที่นิ่งขึ้นในปีนี้ กอรปกับการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะเดินหน้าได้ดีกว่าเดิม จะส่งผลให้ทั้งสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อรายย่อยมีแนวโน้มเติบโตในอัตราที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น ในปี 2558 จึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะเห็นอัตราการเติบโตของสินเชื่อรวมที่ระดับร้อยละ 7-8 คิดเป็นเม็ดเงินที่เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2557 ประมาณ 8 แสนล้านบาท 

    ส่วนการแข่งขันในตลาดเงินฝากยังไม่น่าจะมีความรุนแรงมากนัก เนื่องจากการระดมเงินฝากที่มากเกินการปล่อยสินเชื่อยังคงค้างมาจากปีที่แล้ว ทำให้การเติบโตของเงินฝากในปีนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 5 หรือเพิ่มขึ้น 6 แสนล้านบาท

    แม้การขยายตัวของสินเชื่อในภาพรวมจะเป็นผลบวกต่อธุรกิจธนาคารพาณิขย์ แต่ภายใต้ภาวะที่อัตราดอกเบี้ยในประเทศยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง จะทำให้รายได้ดอกเบี้ยลดบทบาทลง และล่าสุดในการประชุมวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายการเงิน ของธนาคารแห่งประเทศไทย ยังมีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาร้อยละ 0.25 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยในประเทศยังไม่มีที่ท่าว่าจะกลับมาเป็นขาขึ้นได้ง่ายๆ รายได้ค่าธรรมเนียมจึงมีความสำคัญมากขึ้นต่อธนาคารพาณิชย์ 

    เมื่อพิจารณาข้อมูลในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยของไทยมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ จะพบว่า สัดส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมต่อรายได้รวมของธนาคารพาณิชย์ค่อยๆ เพิ่มขึ้น จากร้อยละ 15.8 ในปี 2555 เป็นร้อยละ 16.3 และ 17.0 ในปี 2556 และ 2557 ตามลำดับ และยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีก รับแรงหนุนจากเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทำให้ธนาคารสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการเสริมต่างๆ นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์สินเชื่อ เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้บริโภคที่จะได้รับความสะดวกในการทำธุรกรรมไปในตัว โดยผลิตภัณฑ์ที่ศูนย์วิเคราะห์ฯ ประเมินว่าเริ่มมีความโดดเด่น ได้แก่

    • การให้บริการผ่านระบบดิจิตอล หรือ ดิจิตอลแบงค์กิ้ง มีโอกาสเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากปัจจุบัน อุปกรณ์ด้านไอทีสามารถเข้าถึงและเป็นที่ยอมรับลูกค้าทุกระดับรายได้และอายุ  จึงเป็นก้าวสำคัญสู่ยุคของธนาคารสมัยใหม่  ซึ่งหัวใจสำคัญของบริการทางดิจิตอล คือ ต้องสร้างระบบให้ง่ายต่อการใช้งานของลูกค้า รวมถึงความปลอดภัย แม่นยำ ในการทำธุรกรรมและการเก็บรักษาข้อมูลของลูกค้า

    • ธุรกรรม Trade Finance โดยเฉพาะกับตลาดลูกค้ากลุ่ม SME   เนื่องจากกิจการขนาดกลางและเล็กมีโอกาสทางธุรกรรมการค้าการลงทุนระหว่างกันในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น  การให้บริการการเงินเพื่อการค้าแบบครบวงจรนอกเหนือจากสินเชื่อ อาทิ การเปิด L/C การป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน การโอนเงินชำระเงิน เป็นต้น และ การแข่งขันก็จะมาจากประเทศเพื่อน

บ้านในอาเซียนด้วย เพราะ ธนาคารกลางประเทศสมาชิกทั้ง 10 ประเทศ ได้จัดทำหลักเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลบริการทางการเงินสำหรับธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศ เพื่อใช้เปรียบเทียบในการตัดสินใจเลือกใช้บริการได้  จึงเป็นโอกาสและความท้าทายของธนาคารในการรักษาและขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและภูมิภาคอาเซียน

    นอกจากนี้ ศูนย์วิเคราะห์ฯ มองว่า ธนาคารพาณิชย์จะดำเนินกลยุทธ์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในสองแนวทางหลัก ได้แก่ 1) การสร้างเครือข่ายธนาคารในลักษณะพันธมิตร โดยเฉพาะพันธมิตรจากธนาคารในอาเซียน ญี่ปุ่นและจีน ซึ่งนักลงทุนจากกลุ่มประเทศเหล่านี้ล้วนมีบทบาทสำคัญต่อการลงทุนโดยตรงในอาเซียน 

    ทั้งนี้ เพื่อรับกับการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน หรือ AEC ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2558 เป็นต้นไป 2) การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าในเชิงลึกยิ่งขึ้น เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด และเหมาะสมที่สุดกับลูกค้าแต่ละไลฟ์สไตล์ เช่น ผลิตภัณฑ์การลงทุนสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ประจำ หรือผลิตภัณฑ์ประกันสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้อิสระ ทั้งนี้ เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์สามารถรับมือกับการแข่งขันที่กำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ด้วยแรงกดดันที่มาจากทั้งภายในและนอกประเทศ



RECCOMMEND: MARKETING

เทรนด์ Emotional Spending โอกาสทองธุรกิจ เมื่อคนลงทุนกับความสุขใจมากขึ้น

เมื่อผู้บริโภคไทยเริ่มให้ความสำคัญกับ ความสุขใจมากกว่าสิ่งจำเป็น การใช้จ่ายเพื่อเติมเต็มชีวิต (Emotional Spending) กำลังกลายเป็น โอกาสทองของธุรกิจ ผู้ประกอบการที่เข้าใจเทรนด์นี้ มีโอกาสสร้างรายได้และความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง

Tiny Tattoo: เทรนด์ใหม่ที่สอนให้แบรนด์หรูคิดต่าง สิ่งเล็กๆ กำลังเปลี่ยนเกมตลาด Luxury

รอยสักขนาดจิ๋ว (tiny tattoo) และเส้นบาง (fine-line tattoo) ไม่ใช่แค่ศิลปะ แต่เป็น “การลงทุนด้านรสนิยม” ที่อยู่กับเจ้าของตลอดชีวิต ส่งผลให้จำนวนผู้ทำงานในธุรกิจร้านสักสหรัฐฯ เพิ่มจาก 150,000 เป็น 180,000 (2020–2024)

นี่ไม่ใช่แท่งสี แต่คือไอเดีย มัทฉะบาร์ พร้อมทาน 6 เฉดสี เจ้าแรกของไทย

ที่เห็นเรียงเป็นแท่งๆ ไล่เฉดเขียวจนถึงน้ำตาลในกล่องนี้ ไม่ใช่พาเลตต์สีน้ำหรือแท่งสีแต่อย่างใด แต่คือ “มัทฉะบาร์”