อาวุธลับเพิ่มยอดขาย Contextual Marketing การตลาดที่ SME สามารถเอาชนะเจ้าใหญ่ได้

 

 

       กลยุทธ์การตลาดที่มาแรงมากๆ ในปี 2022 ต่อเนื่องมากลับ Marketing 5.0 ไม่กล่าวถึงไม่ได้กับ Contextual Marketing ซึ่งเป็นเรื่องของการออกแบบและสร้างประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) ผมเองจึงอยากนำเสนอความรู้ ข้อมูลพื้นฐานและขั้นตอนที่ SME จะนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจของท่านๆ ต่อไปครับ

      Contextual Marketing คือ การศึกษาข้อมูลหรือบริบทรอบตัวของผู้คนเพื่อนำมาวางแผนสร้างสรรค์แคมเปญทางการตลาด ด้วยการนำเสนอคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับคนๆ นั้นในรูปแบบต่างๆ และสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าเพื่อให้เกิดผลบางอย่าง

      (บริบทต่างๆ ที่จะเป็นข้อมูลที่สามารถนำมาทำ Contextual Marketing)

       ข้อมูลต่างๆ จาก Data Point ต่างๆ จะถูกนำมารวบรวมและประมวลผลซึ่งอาจใช้ระบบหรือเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ เช่น AI, IoT, Analytic Software, Website, Social Media, CRM Software เพื่อดูว่าลูกค้าเปิดดูอะไรสนใจอะไรและควรสื่อสารผ่านช่องทางไหนบ้าง เพื่อนำมาทำ Personalized Content / Segmented Content ต่อไป

 

       จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่า Contextual Marketing ไม่ได้เป็นการตลาดสาย Mass ทำให้เป็นเกมการตลาดที่ SME สามารถเล่นและชนะเจ้าใหญ่ได้ เพราะ SME ปรับตัวได้ไวกว่าและสามารถทำงานละเอียดได้นั้นเอง โดยข้อดีของ Contextual Marketing เบื้องต้นมีดังนี้

1. ต้นทุนค่อนข้างถูกกว่าการตลาดในแบบอื่นเพียงแค่ต้องเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับธุรกิจและวัตถุประสงค์ทางการตลาด

2. เลือกเป้าหมายได้อย่างชัดเจนว่าจะทำแคมเปญการตลาดในช่วงไหน

3. สร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้ารวมไปถึงความพึงพอใจ

4. สร้างให้เกิดการมีส่วนร่วมของลูกค้ามากขึ้น

5. ไม่สร้างให้เกิดผลกระทบต่อการรับข้อมูลข่าวสารที่มากจนเกินไป เพราะมีการวิเคราะห์เป็นอย่างดีแล้วว่าอะไรที่เหมาะสมกับลูกค้าที่สุด

6. พลิกฟื้นสินค้าให้กลับมาอยู่ในความสนใจของลูกค้าผ่านแคมเปญใหม่ๆ

7. ต่อยอดไปสู่ยอดขายที่เพิ่มมากขึ้น

       คำถามที่พบเจอส่วนใหญ่ของ SME คือ แล้วจะต้องทำยังไง กับ Contextual Strategy ผมเลยขอสรุปเป็นขั้นตอน 7 ข้อ ดังนี้

1. ระบุ Buyer Persona ให้ได้ว่าใครคือกลุ่มเป้าหมาย

2. จัดกลุ่มให้ชัดเจน Customer Segment ใครเป็นกลุ่มลูกค้าเดิมที่ซื้อสินค้าคุณประจำ ใครเป็นลูกค้าใหม่ที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ครั้งแรก

3. จัดการประสบการณ์ให้หมดทั้งกระบวนการผ่านการเขียนการเดินทางของลูกค้า (Customer Journey)

4. เลือกจุดสัมผัสและช่องทางการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าโดยอาศัยข้อมูลการเข้ามาปฏิสัมพันธ์ว่า ช่องทางไหนเหมาะกับกลุ่มไหน

5. กำหนดวัตถุประสงค์และเตรียมวางแผนว่าจะสร้าง Call-to-Action อะไรบ้างจากข้อมูลที่ได้มา เช่น อยากให้เกิดการซื้อสินค้า อยากให้เกิดการอ่านข้อมูลเพิ่มเติม อยากให้ติดต่อ อยากให้กรอกข้อมูล

6. วางแผนการสื่อสารด้วย IMC Plan ว่าเราจะสื่อสารโดยแบรนด์เมื่อไหร่ สื่อสารโดย Influencer เมื่อไหร่ Content แบบไหนเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายไหนต้องสื่อสารคอนเทนต์ที่แตกต่างกันตามกลุ่ม ช่วงเวลา และวัตถุประสงค์ และสื่อสารอย่างสม่ำเสมอ โดยควบคุมความถี่ของการเข้าถึงคอนเทนต์ซ้ำๆ

7. ทดสอบ วัดผล และแก้ไขพัฒนาอยู่เสมอ

     เรามาดูตัวอย่างของ Contextual Marketing กันครับ

  • เวลาเราเดินเข้าสนามบิน ห้างสรรพสินค้าแล้วมี SMS เข้ามาทางมือถือทุกครั้ง
  • โฆษณาบน Digital Platform ที่เปลี่ยนแปลงไปตามข้อมูลต่างๆ
  • เว็บไซต์ที่มีคอนเทต์มากมายไม่รู้จะหาข้อมูลอะไรตรงไหน จู่ๆก็มีโฆษณา Google ขึ้นมาให้หาทุกอย่างได้ที่ Google
  • โฆษณาพวก Retargeting เมื่อเราใช้งาน Social Media / Website ต่างๆ
  • การจดจำข้อมูลของคนที่มาซื้อสินค้าในร้าน LINE my shop และ Broadcast นำเสนอสินค้าที่พวกเขาซื้ออยู่เป็นประจำ / สินค้าที่เกี่ยวข้องที่ลูกค้าน่าจะสนใจ

 

สรุปแก่นของ Contextual marketing คือ ถูกคน ถูกที่ ถูกเวลา

      การตลาดแบบ Contextual marketing คือการพร้อมใช้โอกาสจากบริบทรอบตัวของลูกค้าแบบ Real-time มาเพิ่มโอกาสในการขาย มันคือการย้อนกลับไปที่แก่นของการตลาดนั่นก็คือการพยายามนำเสนอสิ่งที่ใช่กับลูกค้ามากที่สุด สื่อสารด้วยความเข้าใจลูกค้ามากที่สุด โดยยังคงรักษาความ Privacy ที่ผู้บริโภคยุคใหม่ต้องการไว้ได้อย่างเต็มที่ คือการตลาดแบบ Customer Centric หรือการเอาลูกค้าเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง เพราะการตลาดแบบ Contextual marketing คือการตลาดแบบใส่ใจลูกค้าจริงๆ แล้วใช้โอกาสจากบริบทรอบตัวมาเพิ่มยอดขายครับ

 

Ref :

https://www.popticles.com/marketing/contextual-marketing/

https://www.everydaymarketing.co/knowledge/the-power-of-contextual-marketing/

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

ย้อนตำนาน มาสคอตไทย ก่อน "น้องหมีเนย" มีแบรนด์ไหนทำมาร์เก็ตติ้งนี้บ้าง

หลายคนมี Brand Love ในใจ ที่ไม่ใช่แค่สินค้าต้องดี จนเรากลายเป็นลูกค้าประจำ ยังต้องมี Brand Characters ที่จะช่วยให้คนจดจำได้ อีกหนึ่งทางเลือกที่ถ้าอยากสร้างแบรนด์ให้ปัง

ขายสินค้าออร์แกนิกให้เป็นแมส จากแนวคิดแบรนด์ KING Organic

KING Organic ผู้ผลิตผัก ผลไม้ และสินค้าแปรรูปออร์แกนิก จ.สมุทรสาคร ได้คิดกลยุทธ์การทำธุรกิจที่เรียกว่า “Mass Premium” ขึ้นมา เพื่อทำของพรีเมียม ให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้กว้างขวางมากขึ้น ในราคาที่ใครๆ ก็สามารถจับต้องได้ มีวิธีการยังไง ไปดูกัน