ขายผิดที่...สิบปีก็ไม่รวย กรณีศึกษา Happy Noz แผ่นสติ๊กเกอร์กันยุง ใช้ออนไลน์ขยายตลาดได้ 20 ประเทศ

TEXT : Momin

PHOTO : Happy Noz

Main Idea

  • Happy Noz แบรนด์สินค้าที่เริ่มต้นทำจาก Pain Point โรคไข้เลือดออกที่ไม่มียารักษา ทำได้แค่ป้องกัน สู่แผ่นสติ๊กเกอร์กันยุง Bug Guard และแผ่นสติ๊กเกอร์หัวหอมบรรเทาอาการหวัดจากสารธรรมชาติ Happy Noz

 

  • แค่เปลี่ยนช่องทางการขาย ก็สามารถขยายตลาดไปได้ถึง 20 ประเทศทั่วโลก

 

จุดเริ่มต้นของแผ่นสติ๊กเกอร์กันยุง

     เริ่มต้นมาจาก เภสัชกรหญิงวันทณีย์ เสนาคุณ กรรมการผู้จัดการบริษัท วันเวนเซอร์ จำกัด ตอนเด็กๆ เธอเป็นไข้เลือดออก แล้วสงสัยว่าทำไม่โรคนี้ไม่มียารักษา จนเธอโตขึ้นได้ไปเรียนเภสัช ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อเรียนจบก็ได้ไปทำงานที่บริษัทยาแห่งหนึ่ง และเธอก็ได้คำตอบกับสิ่งที่เธอสงสัยมาโดยตลอด นั่นก็คือ ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน ซึ่งส่วนมากประเทศที่ผลิตยาขายเป็นเมืองหนาวไม่ได้เจอยุงเยอะ เป็นเพราะสภาพอากาศของบ้านเขา ทำให้ไม่ได้ทำการพัฒนายารักษาโรคนี้ และจะให้ลงทุนพัฒนายามาขายบ้านเรา ก็ไม่น่าลงทุน เพราะประเทศเราไม่ได้มีกำลังซื้อสินค้าในปริมาณเยอะ 

     ในเมื่อหายารักษาโรคนี้ไม่ได้เธอจึงไปเปิดร้านขายยา และเจอข่าวที่ปอ ทฤษฎี เสียชีวิตจากไข้เลือดออก ทำให้ตอนนั้นคนวิตกกังวลมาก จนมีลูกค้าเดินเข้ามาในร้านเพื่อหาผลิตภัณฑ์ที่ป้องกันยุงสำหรับเด็ก ปรากฏว่าในตอนนั้นไม่มีผลิตภัณฑ์กันยุงสำหรับเด็ก มีแต่สเปรย์ โลชั่น ซึ่งไม่สามารถใช้กับเด็กเล็กได้ เพราะว่าระคายเคืองผิว เธอจึงไปนำเข้าแผ่นติดกันยุงจากต่างประเทศมา แต่ใช้ไม่ได้ผล เพราะยุงประเทศเรามันแข็งแกร่งมาก และมีตลอดทั้งปี

พลิกวิกฤตเป็นโอกาส

     เธอจึงได้ทำการวิจัยสติ๊กเกอร์กันยุงที่สมารถไล่ยุงในบ้านเราได้จริงๆ ผ่านการทดสอบจากมหาวิทยาลัยในประเทศไทยแล้ว แต่พอเอามาวางขาย ปรากฏว่าของเราแพงกว่าของ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ทำให้ตอนนั้นเธอเองก็ตกที่นั่งลำบากเหมือนกัน แต่เมื่อแป็นครั้งแรกต้องเจอกับอุปสรรคเป็นธรรมดา

     อยู่มาวันหนึ่งก็มีลูกค้าเดินเข้ามาบอกกับเธอว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทาสำหรับกันยุง ทำให้เด็กเสียชีวิตได้ ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่อเมริกา ทำให้แพทย์ทั่วโลกบอกว่าไม่ให้ใช้ผลิตภัณฑ์กันยุงที่ใช้กับเด็ก ซึ่งทางแพทย์ให้คำแนะนำว่าให้ใช้หัวหอมทุบ ซึ่งเป็นวิถีโบราณ และยุ่งยากมากสำหรับแม่แม่ ยิ่งไปกว่านั้นกลิ่นของหัวหอมก็แรงมาก

     และลูกค้นคนนั้นจึงถามกับเธอว่าสามารถพัฒนาใหม่ได้ไหม เพราะว่าเมื่อเธอมีสติ๊กเกอร์กันยุงอยู่แล้ว เธอก็ตัดสินใจเอามาพัฒนาสูตร และมองเห็นโอกาสว่าไม่ใช่แค่ประเทศไทยอย่างเดียวที่เจอกับปัญหานี้ เพราะทั่วโลกก็เจอปัญหาเดียวกัน

     ในเมื่อหัวหอมมีกลิ่นที่ฉุนแรงมาก เธอกลัวว่าเด็กๆ จะไม่ชอบกลิ่นของมัน เธอจึงได้ทำการวิจัยกับเด็กอนุบาล ให้ทดสอบกลิ่นแรก ปรากฏว่าเด็กร้องไห้ วิ่งหนีไปเลย จากนั้นก็พัฒนามาเรื่อยๆ จนได้กลิ่นที่เด็กโอเค เมื่อทำการออกผลิตภัณฑ์มาขายปรากฏว่าสินค้าตอบโจทย์ Pain Point ขอแม่แม่ทั่วประเทศ ทำให้พวกเขาบอกกันปากต่อปาก (Word of mouth Marketing) จนสินค้าขายดี จากนั้นก็เริ่มทำตลาดต่างประเทศ

     เพราะว่าหลังจากที่เธอได้สำรวจมาพบว่ากลุ่มประเทศเอเชียทั้งหมด ใช้ภูมิปัญญาใช้หัวหอมทุบ เพื่อบรรเทาหวัดคัดจมูก แบบเดียวกันหมด ตั้งแต่ตะวันออกกลาง จีน เกาหลี ญี่ปุ่น และนี่เป็นโอกาสทำให้เธอสามารถขยายไปตลาดต่างประเทศได้ง่ายยิ่งขึ้น

ปัญหาที่เจอไม่ใช่เพราะตั้งราคาแพง แต่ขายไม่ถูกที่มากกว่า

     เมื่อข้างต้นทุกคนน่าจะรู้แล้วว่าเวอร์ชั่นแรกที่เธอทำออกมาขายแล้วขายไม่ได้ เป็นเพราะขายราคาแพงกว่าตลาด เธอจึงไปสำรวจตลาดร้านขายยาว่ารับได้ที่ราคาเท่าไร ตอนนั้นรับได้ราคากล่องละ 100 บาท มี 6 ชิ้น แต่ขายไม่ได้สักร้านเลย เธอจึงตัดสินใจไปขายบนออนไลน์ ซึ่งขายราคากล่องละ 199 บาท ปรากฏว่าขายได้

     เภสัชกรหญิงวันทณีย์ ยังบอกอีกว่า “ทำตลาดออนไลน์ง่ายกว่า ตรงที่เราสามรถเจาะกลุ่มความสนใจของลูกค้าได้ เพราะลูกค้ามี  Pain Point จริงๆ ตอนแรกเข้าไปหาตลาดร้านขายยาแล้ว เขาไม่ใช่คนที่จะใช้ เพราะฉะนั้นเขาไม่ได้มีความต้องการใช้สินค้า แต่กลายเป็นว่าขายแพงกลับขายดี จากผลของการบอกปากต่อปากของลูกค้า”

ขยายตลาดต่างประเทศ ด้วย e-commerce

    “ชีวิตมันคือการเรียนรู้ เราล้ม ลุก แล้วก็เรียนรู้ใหม่ แล้วก็เรียนรู้ไปเรื่อยๆ”

     เธอทำธุรกิจที่มีเงินจำกัดมากๆ ก็เลยต้องหาเครื่องมือ e-commerce ที่มันใช้ฟรี เช่น Facebook LINE ที่ส่งข้อมูลฟรี มันทำได้เรียนรู้ข้อมูล และวิธีหลายๆ อย่าง และก็รู้จักพลิกแพลงในการใช้อุปกรณ์หรือเทคโนโลยีต่างๆ ทำให้สามารถเติบโตได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยที่ไม่ต้องจ้างคนเยอะ  แค่ลงแรงของตัวเองไปเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มันเกิดขึ้น

     ทุกวันนี้แพลตฟอร์มต่างๆ ให้ใช้งานฟรีมีมากมาย ที่เธอขยายตลาดได้ 20 ประเทศทั่วโลกก็มากจาก e-commerce ทำการตลาดโดยการโฆษณาบน Facebook ไปประเทศเป้าหมาย เธอบอกว่าเธอเคยไปออกบูธที่ต่างประเทศก็ไม่ได้ผลอะไร เพราะว่าเขาอาจจะสนใจแต่อาจจะไม่ได้ซื้อสินค้า

     แต่พอโฆษณาไปหากลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสินค้า หลังจากนั้น เขาซื้อไปใช้ จนกลายเป็นตัวแทนจำหน่าย เขาก็กลายเป็นคนกระจายสินค้าให้ในแต่ละประเทศได้เอง เพราะตอนนี้โลกมันค่อนข้างเข้าถึงกันได้ง่าย สถานการณ์โควิด-19จะเห็นได้ชัดว่า สามารถประชุมออนไลน์ได้ สามารถนำเสนอสินค้าผ่านทางออนไลน์ก็ได้เหมือนกัน ทำให้ใช้ค่าใช้จ่ายที่น้อยลงมาก เติบโตได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้น จงเรียนรู้ไปตลอดชีวิต เภสัชกรหญิงวันทณีย์ กล่าวทิ้งท้าย

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

 

RECCOMMEND: MARKETING

วิกฤตสูงวัย เด็กเกิดใหม่น้อย กรณีศึกษาธุรกิจญี่ปุ่น ปรับตัวผลิตสินค้าผู้ใหญ่แทนสินค้าเด็ก

Oji Holdings ผู้ผลิตผ้าอ้อมในญี่ปุ่นประกาศยุติผลิตผ้าอ้อมเด็ก หันไปเพิ่มปริมาณการผลิตผ้าอ้อมผู้ใหญ่แทน สาเหตุมาจากอัตราการเกิดที่ลดลงและจำนวนประชากรสูงวัยของญี่ปุ่นที่เพิ่มสูงขึ้น

โอกาสโกอินเตอร์ของแบรนด์ไทย ทำงานกับนักธุรกิจระดับโลก งาน Gifts & Premium Fair ฮ่องกง

ฮ่องกงขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนที่มีการจัดงานแสดงสินค้าที่ยิ่งใหญ่ของโลกแห่งหนึ่ง และหนึ่งในนั้นคืองานแสดงสินค้าของขวัญและของพรีเมียมภายใต้ชื่อ Hong Kong Gifts & Premium Fair ซึ่งกำลังจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 27-30 เมษายน 2024