Sober Bar บาร์ปลอดแอลกอฮอล์ เทรนด์การทำธุรกิจในอนาคต ตรงกับวลีฮิตที่ “โกวเล้ง” กล่าวไว้ในอดีต

TEXT : กองบรรณาธิการ

Main Idea

  • “Sober Bar” คือ ชื่อเรียกของบาร์ปลอดแอลกอฮอล์ที่กำลังเริ่มได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในยุคที่ผู้บริโภคต่างหันมาดูแลสุขภาพตัวเอง กำลังเป็นเทรนด์มาแรง หลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, ญี่ปุ่น หรือแม้แต่ไทยเอง ก็เริ่มมีบาร์ลักษณะนี้เกิดขึ้นแล้ว

 

  • ซึ่งบังเอิญไปสอดคล้องกับประโยคสุดคลาสสิกของนักเขียนนวนิยายชื่อดัง “โกวเล้ง” ที่เคยพูดไว้ว่า “ข้าพเจ้ามิได้นิยมชมชอบในรสชาติของสุรา แต่ข้าพเจ้าชอบบรรยากาศของการร่ำสุรา” โดยลักษณะของบาร์ดังกล่าวได้ตอบโจทย์สิ่งที่โกวเล้งเคยพูดไว้ได้พอดี

 

     หากใครเป็นแฟนพันธุ์แท้นวนิยายกำลังภายในจีน แน่นอนว่าย่อมต้องรู้จัก “โกวเล้ง” นักเขียนจีนผู้โด่งดังเคยฝากผลงานนิยายชื่อดังเอาไว้หลายเรื่อง อาทิ “เซียวฮื่อยี้” “ฤทธิ์มีดสั้น” “ชอลิ้วเฮียง”

     แต่อีกหนึ่งวลีเด็ดที่แม้แต่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายจีนเองก็ตามมักได้ยินอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะในวงนักดื่ม ก็คือ “ข้าพเจ้ามิได้นิยมชมชอบในรสชาติของสุรา แต่ข้าพเจ้าชอบบรรยากาศของการร่ำสุรา” ประโยคสุดคลาสสิกที่เมื่อก่อนอาจเป็นแค่คำที่นำมาพูดกันเท่ๆ แต่มาในวันนี้กลับกลายเป็นรูปแบบธุรกิจใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในต่างประเทศกับ “Sober Bar” หรือ “บาร์ปลอดแอลกอฮอล์” ทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบบรรยากาศการสังสรรค์ แต่ไม่ได้อยากดื่มแอลกอฮอล์

Sober Bar มาจากไหน?

      "Sober Curious" หรือแปลตรงตัวว่า "การสงสัยในภาวะสร่าง" คือ ความเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งทางวัฒนธรรมของผู้คนที่เริ่มหันมาดูแลใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น เป็นการตั้งคำถามกับตัวเองว่าหากปราศจากการดื่มแอลกอฮอล์แล้ว ชีวิตของเราจะสามารถมีความสุขจากปาร์ตี้หรือการสังสรรค์เริงรื่นได้อยู่ไหม เป็นเทรนด์ที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่โควิด-19 เริ่มเข้ามา โดยนอกจากเริ่มมีการรวมตัวของกลุ่มคนเพื่อพูดถึงเรื่องนี้กันมากขึ้นแล้ว “Sober Bar” หรือบาร์ปลอดแอลกอฮอล์ก็เริ่มปรากฏตัวมากขึ้นตามมาด้วย เพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว

     ซึ่งแต่เดิมนั้นไม่ใช่ว่ารูปแบบการให้บริการของบาร์ดังกล่าวจะไม่เคยเกิดขึ้นเลย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นในลักษณะของพื้นที่เล็กๆ ที่ทำขึ้นมาเพื่อเน้นไปที่การบำบัดรักษาให้กับผู้ป่วยหรือผู้ที่อยู่ในช่วงพักฟื้นไม่สามารถดื่มแอลกอฮอล์ได้ แต่ ณ ปัจจุบันนี้กลับเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นใหม่ และเริ่มได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศแถบยุโรป และสหรัฐอเมริกา

     โดยมีตัวเลขรายงานว่าปี 2020 การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในตลาดหลัก อาทิ สหรัฐอเมริกา เยอรมนี ญี่ปุ่น และบราซิล ลดลงกว่า 5% ขณะที่เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ต่ำหรือไม่มีแอลกอฮอล์เลยกลับโตเพิ่มขึ้น 1% โดยมีการคาดการณ์ล่วงหน้าว่าเครื่องดื่มในกลุ่มดังกล่าว เช่น เบียร์ไร้แอลกอฮอล์, เบียร์วีแกน รวมถึงเหล้าและไวน์ไร้แอลกอฮอล์จะขยายตัวเติบโตมากขึ้นถึง 31 % โดยน่าจะลากยาวไปจนถึงปี 2024 เลยทีเดียว

ไม่ใช่แค่ดื่ม แต่ยังได้ความรู้ไปด้วย

     โดยบรรยากาศหน้าตาของ Sober Bar นั้นแทบจะไม่ได้แตกต่างจากบาร์รูปแบบเดิมที่มีแอลกอฮอล์ขายเลย ไม่ว่าแสง สีเสียง ต่างกันเพียงอย่างเดียว คือ ในเครื่องดื่มที่กำลังดื่มเหล่านั้นไม่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเบียร์ ไวน์ หรือเหล้า ซึ่ง Sober Bar หลายแห่งต่างพยายามคิดค้นสูตรเครื่องดื่มของตัวเองออกมาด้วย ไม่ได้ขายเฉพาะเครื่องดื่มสำเร็จรูป ทั้งนี้นอกจากเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าให้แล้ว ยังช่วยดึงดูดความสนใจจากลูกค้า และสร้างความแตกต่างให้ธุรกิจเป็นเมนูเฉพาะที่มีที่นี่ที่เดียวด้วย

     และนอกจากการเสิร์ฟเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์แล้ว ถามว่ารูปแบบการให้บริการของ Sober Bar นั้น แตกต่างจากบาร์อื่นๆ ที่มีอยู่อย่างไร อยากให้ลองนึกภาพตามร้านสโลว์บาร์ที่ขายกาแฟสเปเชียลตี้ ซึ่งบาริสต้ามักคอยอธิบายคุณสมบัติของเมล็ดกาแฟชนิดต่างๆ ให้ลูกค้าฟัง เช่น รสชาติเป็นยังไง, มีถิ่นกำเนิดมาจากที่ไหน ลักษณะของ Sober Bar ก็คล้ายกันอย่างนั้น เพียงแต่แทนที่จะคุยเรื่องเมล็ดกาแฟ ก็คุยเรื่องวัตถุดิบที่นำมาปรุง วิธีการทำ การดีไซน์เครื่องดื่ม ไปจนถึงควรกินคู่กับอาหารแต่ละชนิดยังไง

ขายดีถล่มทลายตั้งแต่ช่วงโควิด

     อย่างที่บอกไปว่า Sober Bar และเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์เริ่มเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงโควิด-19 โดย NielsonIQ ได้เปิดผลวิจัยว่าคนอเมริกันนั้นเริ่มมีพฤติกรรมการดื่มที่น้อยลง โดยมาจากเหตุผลหลัก 3 ข้อ คือ 1. ไม่ค่อยได้ออกไปไหน เนื่องจากการแพร่ระบาด 2. มีความรู้สึกว่าเริ่มไม่อยากดื่มแอลกอฮอล์ เพราะต้องระวังสุขภาพร่างกาย และ 3.  อยากสุขภาพที่ดีขึ้น

     จาก 3 เหตุผลที่กล่าวไป บวกกับบรรยากาศที่ต้องเห็นผู้คนเจ็บป่วยและล้มตายไปจำนวนมาก จึงทำให้เกิดความหดหู่และเริ่มหันกลับมามองเป้าหมายและความต้องการที่แท้จริงในชีวิตมากขึ้น อีกทั้งระยะเวลาในการสั่งล็อกดาวน์แต่ละช่วงที่ยาวนาน จึงไม่แปลกที่นักดื่มเหล่านั้นจะเริ่มห่างหายไปจากการดื่มแอลกอฮอล์ จนกลายเป็นจุดเปลี่ยนให้หลายคนตัดสินใจเลิกดื่มหรือดื่มลดลงมากกว่าเดิม ซึ่งเป็นเวลาประจวบเหมาะที่เครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์เข้ามาพอดี จึงทำให้กระแสความนิยมแบบไร้แอลกอฮอล์เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้น

กลิ่น รส คล้ายเดิม แต่ต่างที่ไม่มีแอลกอฮอล์

     หลายคนอาจจะคิดว่าเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์นั้น จริงๆ อาจเป็นแค่ม็อกเทลที่คล้ายกับคอกเทล แต่ไม่ใส่แอลกอฮอล์ผสมลงไปหรือเปล่า แต่ความจริงแล้วเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ที่ผลิตออกมานั้น หลายชนิดกรรมวิธีการทำแทบไม่ได้แตกต่างจากเบียร์หรือเหล้าที่มีขายกันปกติเลย ทำเหล้าเลย เพียงแต่มีกระบวนการที่สกัดเอาแอลกอฮอล์ออกมา จึงไม่แปลกที่นักดื่มจะรู้สึกคุ้นเคย เพียงแต่มีข้อดี คือ ไม่มีแอลกอฮอล์ทำให้เมาเท่านั้น ซึ่งความจริงแล้วการสกัดนั้นอาจไม่ได้เอาแอลกอฮอล์ออกไปได้ 100 เปอร์เซ็นต์เลย แต่ทำให้เหลืออยู่ในปริมาณต่ำ เช่น 0.5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแทบจะไม่มีผลอะไร จึงเรียกว่าเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ได้

     โดยทั้งนี้แต่ละประเทศก็จะมีกฎหมายกำหนดเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ที่แตกต่างกันออกไป เช่น ที่ฟินแลนด์อาจให้มีแอลกอฮอล์สูงได้ถึง 2.8 เปอร์เซ็นต์ ก็เรียกว่าเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ได้แล้ว ขณะที่ญี่ปุ่นให้ 1 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอังกฤษนั้นกำหนดไว้ว่าต้องต่ำกว่า 0.05 เปอร์เซ็นต์ เป็นต้น

ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่กำลังจะกลายเป็นวิถีใหม่

     นอกจากรูปแบบของบาร์และเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์แล้ว ยังเริ่มมีกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรณรงค์เพื่อลดการดื่มแอลกอฮอล์ลงด้วย จนบางอย่างกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้ว ยกตัวอย่างเช่น “Dry January” แคมเปญลดการดื่มเหล้าในเดือนมกราคมที่ทำกันทั่วอังกฤษ แสดงให้เห็นว่านี่อาจไม่ใช่เทรนด์ แต่ได้กลายเป็นวิถีชีวิตรูปแบบใหม่ในการดื่มแบบปลอดแอลกอฮอล์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

สรุป

     หากให้ลองวิเคราะห์ว่าเพราะเหตุใดเทรนด์ดังกล่าวถึงได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นก็มีการพยายามรณรงค์เกิดขึ้นมากมาย คิดว่าอาจเป็นเพราะผู้บริโภคไม่ได้รู้สึกว่า นี่คือ การห้าม รณรงค์หรือถูกบังคับให้ลดละเลิกแต่อย่างใด แต่ถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่มีเพิ่มเข้ามา ทำให้เกิดความหลากหลายเป็นช้อยส์ที่มีให้เลือกมากขึ้นกว่าเดิม โดยที่พวกเขาก็ยังสามารถรู้สึกสุนทรีย์หรือสนุกกับบรรยากาศนั้นได้เหมือนเดิมไม่แตกต่าง แต่สิ่งที่ต่าง คือ ได้สุขภาพที่ดีมากขึ้นจากปริมาณแอลกอฮอล์ที่หายไปนั่นเอง

     และนี่คือ อีกหนึ่งรูปแบบธุรกิจหรือเทรนด์ที่เกิดขึ้น เหมือนกับที่โกวเล้งเคยว่าไว้อย่างไรอย่างนั้น

ที่มา : https://www.businessinsider.com/sober-bars-booming-across-country-alcohol-free-lifestyle-dry-january-2023-1?fbclid=IwAR2fV7GEdCCjd_6axSF4kOxo2OYVFTAMlb2uEV813LwoEBsiN9PotvNvE0Y

https://www.insider.com/review-hekate-zero-alcohol-sober-bar-nyc-2023-1#in-may-2022-i-decided-to-stop-drinking-alcohol-but-the-conundrum-i-now-face-is-that-i-actually-liked-the-taste-and-experience-of-drinking-1

https://www.oregonlive.com/business/2021/03/two-cocktails-hold-the-booze-some-bars-are-going-alcohol-free.html?fbclid=IwAR1DrhMGU3myxyD7u8HSAtGPpFNFksChO6MW5EXa3wU5K9CW58di9C5skx8

https://onceinlife.co/sober-curious

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

3 ปรากฏการณ์ธุรกิจปี 2025 ที่ชี้ว่า SME ที่พยายามขายให้ทุกคน กำลังหายไปจากตลาด

ปี 2025 ไม่ได้ฆ่า SME ที่เล็ก แต่มันกำลังฆ่า SME ที่ “พยายามเอาใจทุกคน” 3 ปรากฏการณ์ธุรกิจเขย่าวงการธุรกิจ ที่พิสูจน์แล้วว่า "ความลังเล" อาจกลายเป็นต้นทุนที่แพงที่สุด

ธุรกิจร้านกาแฟโคม่าหนัก เกาหลีใต้เพิ่งเจอ ปัญหาคาเฟ่ล้นเมือง ไทยจะตามรอยไหม ร้านใหม่เจ๊ง 2 ปี ร้านเก่าก็รอดยาก

รู้หรือไม่? ในโซล ที่มีคาเฟ่กว่า 80,000 ร้าน นั้น... ตอนนี้ ร้านที่ 'ปิดตัว' แซงหน้า 'ร้านที่เปิดใหม่' ไปแล้ว นี่คือวิกฤตครั้งแรกในรอบ 60 ปี!

Giving Machine ตู้กดบุญอัตโนมัติ เปลี่ยนการทำบุญให้ง่าย อยากทำแบบไหน ก็เลือกได้เลย

วันนี้ตู้กดอัตโนมัติถูกพัฒนาไปไกล ถึงขั้นกลายเป็น “ตู้กดบุญ” กันแล้ว ตู้ดังกล่าวมีชื่อว่า ‘Giving Machine’ โดยเปลี่ยนจากการกดซื้อสินค้ามาเป็นการเลือก “รายการบริจาค” แทน