โอกาสโกอินเตอร์ของแบรนด์ไทย ทำงานกับนักธุรกิจระดับโลก งาน Gifts & Premium Fair ฮ่องกง

TEXT : ณัฏฐ์ฤทัย สุวิทยาวัฒน์

     ฮ่องกงขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนที่มีการจัดงานแสดงสินค้าที่ยิ่งใหญ่ของโลกแห่งหนึ่ง และหนึ่งในนั้นคืองานแสดงสินค้าของขวัญและของพรีเมียมภายใต้ชื่อ Hong Kong Gifts & Premium Fair ซึ่งกำลังจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 27-30 เมษายน 2024

     ความยิ่งใหญ่ของงาน Hong Kong Gifts & Premium Fair สะท้อนจากจำนวนผู้แสดงสินค้าเกือบ 4,000 รายจาก 21 ประเทศทั่วโลกที่จะมาอัปเดตเทรนด์สินค้าของขวัญและผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมที่คัดสรรมาจากทั่วโลก นับเป็นเวทีที่เหมาะสำหรับแบรนด์ที่ต้องการการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด โอกาสในการหาเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจที่จะได้ทำงานร่วมกัน

     สภาพัฒนาการค้าฮ่องกง ในฐานะผู้จัดงานเปิดเผยว่างาน Hong Kong Gifts & Premium Fair งานที่นำเสนอสินค้าของขวัญและผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมที่คัดสรรมาจากทั่วโลกปีนี้จะประกอบไปด้วยงานอีเว้นท์สร้างสรรค์ 6 ประเภทที่ครอบคลุมในเรื่องของแฟชั่น ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ รวมถึงการอัปเดตผลิตภัณฑ์และเทรนด์ล่าสุดที่จะรวมจัดแสดงภายในงานอีเว้นท์เดียว จัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมและนิทรรศการฮ่องกง (HKCEC) ตั้งแต่วันที่ 27 ถึง 30 เมษายน 2024

     นอกจากนี้ยังได้รับความสนใจจากแบรนด์สินค้าชั้นนำกว่า 4,000 ราย จาก 21 ประเทศ มาจัดแสดงสินค้า เวทีนี้กลายเป็นจุดดึงดูดให้มีนักธุรกิจ ผู้ซื้อ (buyer) กว่า 56,000 รายจากทั่วโลก จึงนับเป็นเวทีที่เหมาะสำหรับแบรนด์ที่ต้องการการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด พร้อมโอกาสในการหาเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ

ไฮไลท์ห้ามพลาด

     Hall of Fine Designs ที่ได้รับการชื่นชมอย่างมากจะกลับมาอีกครั้งพร้อมการรวมตัวของแบรนด์ที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลก รวมถึงแบรนด์ดัง อย่าง Red A (ฮ่องกง), Tiny Memory (ฮ่องกง), YASHICA (ญี่ปุ่น) และอีกมากมาย

     นอกจากนี้สมาคมผู้ส่งออกฮ่องกงจะรวบรวมบริษัทต่างๆ ในฮ่องกงจัดแสดงทักษะการออกแบบและความเป็นเลิศในการสร้างแบรนด์ของนักออกแบบผลิตภัณฑ์ในฮ่องกง ผลงานที่ชนะรางวัล Hong Kong Smart Design Awards จะถูกจัดแสดงให้เห็นถึงไอเดียวความคิดสร้างสรรค์ของแบรนด์ระดับโลก

     Cultural & Creative Corner อีกหนึ่งไฮไลท์หลายคนเฝ้ารอ เตรียมกลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ในปีนี้ โดยดึงดูดผู้เข้าชมด้วยการนำเสนอแบรนด์ดีไซเนอร์และผลิตภัณฑ์ในสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์

     เพื่อตอบสนองเทรนด์ล่าสุด Hong Kong Gifts & Premium Fair ปีนี้มีการเปิดตัวโซนแสดงสินค้าใหม่ล่าสุด โซนสินค้ากลางแจ้งและกีฬา โดยจัดแสดงผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเกี่ยวกับอุปกรณ์ตั้งแคมป์ รองเท้าเต้นรำและอุปกรณ์กีฬา

     นอกจากนี้ภายในงานจะมีการจัดกิจกรรมต่างๆ มากมายเพื่อให้ผู้เข้าชมได้อัปเดตเทรนด์การตลาดล่าสุด และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างผู้แสดงสินค้าและผู้ซื้อ และจะมีการสัมมนาที่จัดขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและสมาคมต่างๆ เพื่อแบ่งปันข้อมูลเชิงลึก เช่น แนวโน้มของตลาดผู้บริโภค ความยั่งยืน และเศรษฐกิจผู้สูงวัย โดยจะมีตัวแทนจาก Coresight Research, Google และ Pinkoi มาแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกด้านไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคและกลยุทธ์ทำการตลาดเชื่อมต่อโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน

EXHIBITION+ เชื่อมต่อโลกออฟไลน์และออนไลน์

     งานปีนี้จะยังคงใช้โมเดลไฮบริด EXHIBITION+ ต่อไป EXHIBITION+ ประกอบด้วยองค์ประกอบนิทรรศการที่สำคัญ 4 ส่วน รวมถึงงานแสดงสินค้าที่จัดขึ้นโดย HKTDC, Click2Match แพลตฟอร์มจับคู่ธุรกิจอัจฉริยะ, การสัมมนากลยุทธ์การตลาดที่เชื่อมต่อโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกันโดย Intelligence Hub, แพลตฟอร์มการจัดหาโดย hktdc.com เพื่อการบริการที่ครอบคลุมตลอดทั้งวัน ที่เพิ่มความยืดหยุ่นและประสิทธิผลของการส่งเสริมธุรกิจสำหรับ SME และเสนอสิทธิประโยชน์ เช่น ระยะเวลาการจัดงานที่ขยายออกไป การขยายแพลตฟอร์มและการเพิ่มโอกาสที่ได้รับ EXHIBITION+ จะขยายการการสร้างสัมพันธ์แบบพบหน้ากันตั้งแต่นิทรรศการที่ผู้แสดงสินค้าและผู้ซื้อมาพบปะในงานจริงไปจนถึงแพลตฟอร์มจับคู่ธุรกิจอัจฉริยะออนไลน์เพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ เชื่อมต่อกับพันธมิตรทางธุรกิจในเชิงรุก

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

วิกฤตสูงวัย เด็กเกิดใหม่น้อย กรณีศึกษาธุรกิจญี่ปุ่น ปรับตัวผลิตสินค้าผู้ใหญ่แทนสินค้าเด็ก

Oji Holdings ผู้ผลิตผ้าอ้อมในญี่ปุ่นประกาศยุติผลิตผ้าอ้อมเด็ก หันไปเพิ่มปริมาณการผลิตผ้าอ้อมผู้ใหญ่แทน สาเหตุมาจากอัตราการเกิดที่ลดลงและจำนวนประชากรสูงวัยของญี่ปุ่นที่เพิ่มสูงขึ้น

ฟังก์ชันแยกบิลจ่ายได้ เทรนด์ใหม่ที่ร้านอาหารต้องรู้ ลูกค้ายุคใหม่อยากจ่ายเท่าที่กินโดยไม่รู้สึกผิด

ไม่ใช่เรื่องต้องรู้สึกผิดอีกต่อไป หากไปกินอาหารกับเพื่อน แล้วอยากแยกรับผิดชอบจ่ายเฉพาะในส่วนที่ตัวเองสั่ง เทรนด์พฤติกรรมใหม่ของผู้บริโภคชาวอเมริกาที่หันมาใช้แอปพลิเคชันแยกจ่ายบิลกันมากขึ้น