รับจ้างลาออก ธุรกิจใหม่มาแรงในญี่ปุ่น ตอบโจทย์คนทำงานยุคใหม่ขี้เกรงใจ เปิดให้บริการแล้วกว่า 100 แห่ง

TEXT : Sir.nim

     ด้วยเทรนด์การทำงานของผู้คนยุคนี้ที่เปลี่ยนแปลงไปจากยุคก่อนมาก รักในอิสระ ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิต แสวงหาความสุข และประสบการณ์ใหม่ๆ พอๆ กับการทำงาน จนเกิดเป็นเทรนด์ใหม่เกิดขึ้นมากมาย อาทิ  The Great Resignation – การลาออกครั้งใหญ่ ที่พนักงานชิงลาออกเป็นจำนวนมาก หรือ Quiet Quitting – การลาออกเงียบ ที่ไม่ได้ลาออก แต่ไม่ได้ทุ่มเท ไม่ทำเกินหน้าที่

     จนล่าสุดทำให้เกิดธุรกิจรูปแบบใหม่ขึ้นมา ที่เรียกว่า “บริษัทรับจ้างลาออก” โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อในเรื่องสังคมการทำงานที่กดดัน และเคร่งเครียดมากที่สุดแห่งหนี่งของโลก จนได้ชื่อว่าเป็นประเทศต้นกำเนิดของโรค “คาโรชิ ซินโดรม” (Karoshi Syndrome) หรือการเสียชีวิตจากการทำงานหนักเกินไป

     โดยการให้บริการรับจ้างลาออกเพิ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพื่อช่วยให้พนักงานลาออกจากบริษัทได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องไปพบหน้าหรือยื่นลาออกด้วยตัวเอง จากความอึดอัดใจที่จะบอก พูดไม่เป็น เกรงใจ หรือแม้แต่ความไม่สะดวกใจที่จะกลับไปอีก

     “Exit” เป็นบริษัทแรกๆ ที่เปิดให้บริการ “รับจ้างลาออก” โดยเปิดทำการเมื่อปี 2017 นิอิโนะ โทชิยูกิ (Niino Toshiyuki) ผู้ก่อตั้งเปิดเผยว่า ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตัวเอง โดยหลายปีก่อนเขาต้องการลาออกจากงาน เพราะไม่มีความสุข แต่ต้องเจอกับความกดดันจากหัวหน้าที่ทำให้รู้สึกผิด จนกระทั่งสุดท้ายก็ต้องนั่งทำงานต่อ และยกเลิกการลาออกไป จึงทำให้เขาเกิดความเข้าใจและเห็นใจคนทำงานที่รู้สึกแบบเดียวกัน ซึ่งจนถึงปัจจุบันบริษัท Exit สามารถช่วยให้ลูกค้าลาออกจากงานสำเร็จมาแล้ว 10,000 คนต่อปี

     สำหรับกระบวนการ “ลาออกแทน” จะเริ่มต้นเมื่อลูกค้าติดต่อเข้ามา และทำการจ่ายค่าธรรมเนียมเรียบร้อยแล้ว ซึ่งค่าบริการต่อครั้งจะอยู่ที่ 20,000 เยน หรือราว 5,000 บาท หลังจากนั้นทางบริษัทจะดำเนินการยื่นใบลาออกในนามของลูกค้า  รวมถึงการเจรจาให้ลาออกจากงานได้ทันที โดยไม่ต้องกลับไปทำงานอีก

     นิอิโนะกล่าวว่า สาเหตุหลักของการเข้ามาใช้บริการของลูกค้ามักมาด้วย 2 สาเหตุหลัก ได้แก่ 1.ไม่มั่นใจที่จะเผชิญหน้ากับนายจ้าง เพื่อขอลาออก 2.รู้สึกผิดที่ต้องลาออก เนื่องจากรู้สึกว่าตัวเองกำลังทอดทิ้งบริษัท โดยเขามองว่าข้อดีของการใช้บริการดังกล่าว ไม่เพียงแต่ช่วยให้ลูกค้าที่เป็นพนักงานบรรลุจุดประสงค์การลาออกอย่างที่ต้องการ แต่บริษัทที่เป็นต้นเรื่องยังได้รับรู้สาเหตุแท้จริงในการลาออกของพนักงานอีกด้วย ทำให้สามารถนำไปปรับปรุงแก้ไขได้อย่างตรงจุด เพราะเป็นเรื่องยากที่พนักงานจะกล้าบอกความจริงตรงๆ ด้วยตัวเอง

     โดยหลังจากก่อตั้งบริษัทขึ้นมา นิอิโนะกล่าวว่าได้มีอีกหลายบริษัทเริ่มเปิดตัวขึ้นมาเพื่อให้บริการรับจ้างลาออกเหมือนกับเขาเพิ่มมากขึ้นอีกหลายแห่งทีเดียว

     เช่นเดียวกับบริษัท Albatross ที่เพิ่งเปิดให้บริการรับจ้างลาออกเมื่อปี 2022 โดยได้กล่าวว่าบริษัทเองสามารถรองรับลูกค้าได้ประมาณ 200 คนต่อเดือน แต่ปัจจุบันกลับมีลูกค้าติดต่อเข้ามามากกว่า 1,400 รายในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ลูกค้าส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงอายุ 20-30 ปี คิดเป็นร้อยละ 60 โดยมองว่าสาเหตุหลักของการกระตุ้นให้เกิดการอยากลาออกดังกล่าว มาจาก 1.ความไม่ตรงกันในค่านิยมระหว่างคนทำงานอายุน้อย และบริษัทที่มีวัฒนธรรมล้าสมัย และ 2.แรงผลักดันจากการขาดแคลนแรงงานท่ามกลางจำนวนประชากรที่ลดลง และอัตราผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น

     ณ ปัจจุบันมีบริษัทที่ให้บริการรับจ้างลาออกในญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้นกว่า 100 แห่ง เรตราคาจะอยู่ที่ราว 20,000 -  50,000 เยน แม้จะมีความสะดวกมากขึ้น แต่บริการรับจ้างลาออกก็ยังมีข้อจำกัด หากต้องมีการดำเนินการเกี่ยวกับกฎหมายเกิดขึ้น ผู้รับมอบฉันทะจะต้องมีคุณสมบัติเป็นทนายความที่ถูกต้อง จึงจะสามารถยื่นเรื่องแทนได้นั่นเอง

     นับเป็นอีกธุรกิจการให้บริการรูปแบบใหม่ ที่เกิดขึ้นจากกระแสความต้องการของผู้คนในสังคมที่เปลี่ยนไป ถึงแม้จะดูแปลกอยู่สักหน่อย แต่ก็มีอุปสงค์ความต้องการจริงของลูกค้าเกิดขึ้น ไม่แน่นี่อาจเป็นแนวทางการทำธุรกิจรูปแบบใหม่ต่อไปในอนาคตที่น่าสนใจก็ได้

ที่มา : https://news.abs-cbn.com/business/2024/5/14/more-japan-workers-turning-to-job-resignation-services-after-holidays-824

https://finance.yahoo.com/news/startup-quit-job-behalf-save-155120291.html?guccounter=1

https://www.aljazeera.com/economy/2023/6/7/in-japan-embarrassed-employees-pay-agencies-to-quit-for-them

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

ย้อนตำนาน มาสคอตไทย ก่อน "น้องหมีเนย" มีแบรนด์ไหนทำมาร์เก็ตติ้งนี้บ้าง

หลายคนมี Brand Love ในใจ ที่ไม่ใช่แค่สินค้าต้องดี จนเรากลายเป็นลูกค้าประจำ ยังต้องมี Brand Characters ที่จะช่วยให้คนจดจำได้ อีกหนึ่งทางเลือกที่ถ้าอยากสร้างแบรนด์ให้ปัง

ขายสินค้าออร์แกนิกให้เป็นแมส จากแนวคิดแบรนด์ KING Organic

KING Organic ผู้ผลิตผัก ผลไม้ และสินค้าแปรรูปออร์แกนิก จ.สมุทรสาคร ได้คิดกลยุทธ์การทำธุรกิจที่เรียกว่า “Mass Premium” ขึ้นมา เพื่อทำของพรีเมียม ให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้กว้างขวางมากขึ้น ในราคาที่ใครๆ ก็สามารถจับต้องได้ มีวิธีการยังไง ไปดูกัน