เทรนด์ธุรกิจ 2025 สิ่งที่ธุรกิจ SME ต้องรู้

     เหลืออีกไม่กี่วันก็จะหมดปี 2004 แล้ว ในปี 2025 นั้นการค้าโลกและเศรษฐกิจไทยมีทั้งความท้าทายและโอกาส และมีเทรนด์ธุรกิจอะไรบ้างที่ SME ต้องรู้ไปดูกัน

3 ภาพใหญ่เศรษฐกิจโลกปี 2025

     ข้อมูลจาก finbiz by ttb ได้ฉายภาพเศรษฐกิจภาพใหญ่ และเจาะความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจจีนที่ส่งผลต่อการค้าโลกและการค้าของไทยโดยเฉพาะในภาคนำเข้า-ส่งออก จับตามองและเตรียมพร้อมรับมือนั้นมี 3 เรื่องหลักๆ ดังนี้

     1. Steady but Slow เศรษฐกิจในประเทศพัฒนาที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ เช่น สหรัฐฯ ยุโรปและญี่ปุ่น มีแนวโน้มเติบโตช้าลง ในขณะที่กลุ่มตลาดเกิดใหม่ เช่น ประเทศในกลุ่มอาเซียนยังเห็นศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่

     2. New Easing Cycle เงินเฟ้อทั่วโลกทยอยปรับตัวลง กลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย ส่งผลให้ธนาคารกลางทั่วโลก เริ่มเข้าสู่วัฏจักรการลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ไปเมื่อเดือนกันยายน ส่งสัญญาณการปรับลดต้นทุนทางการเงิน และคาดการณ์ว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะยังมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปี 2025

     3. Geopolitical Risks นโยบายด้านการค้าระหว่างประเทศที่ต่างกันระหว่างผู้สมัครเลือกตั้งสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อการค้าโลกที่ต่างกันไป รวมถึงสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางยังจะยืดเยื้อต่อไป

โอกาสและความท้าทายของประเทศไทย

     สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2025 คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวหลังจากได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดของวิกฤตต่างๆ ไปแล้ว แต่ยังต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ โดยวิเคราะห์ในแต่ละภาคส่วน ดังนี้

     - ภาคการบริโภคในประเทศ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 60% ของจีดีพี ยังเห็นโมเมนตัมการเติบโต อย่างไรก็ตามสิ่งที่อาจต้องพิจารณาเพิ่มคือ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ระดับสูง อาจลดทอนการบริโภคกลุ่มสินค้าคงทน

     - ภาคการท่องเที่ยว คิดเป็นสัดส่วนถึง 12% ของจีดีพี ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติคาดว่าจะถึง 35 ล้านคนในปีนี้ และมีแนวโน้มที่จะเป็น 38 ล้านคนได้ในปี 2025 แต่ประเด็นที่น่าติดตามคือ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่กลับมาเที่ยวไทยมีเพียง 60% เมื่อเทียบกับก่อนช่วงโควิด ในขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่นับชาวจีนมีจำนวนใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด

     - ภาคการส่งออก ฟื้นตัวค่อนข้างดี ภาคการส่งออกยังเป็นตัวจักรสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยปีนี้คาดว่าจะเติบโตอย่างน้อย 2-3%

     - ภาคการผลิต ยังเห็นการเติบโตในกลุ่มสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เคมีภัณฑ์ ในขณะที่กลุ่มสินค้าคงทน เช่น ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ เริ่มเห็นสัญญาณการหดตัว

    - ภาคการลงทุน แม้ทุกวันนี้ต่างชาติจะหันไปลงทุนที่เวียดนามกันค่อนข้างมาก แต่การลงทุนในประเทศไทยก็ยังคงอยู่ในทิศทางที่ดี โดยเติบโตประมาณ 30% เมื่อเทียบกับปี 2023 โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า โรงงานผลิต Data Center และ PCBs

เตรียมพร้อมรับสถานการณ์การค้าแบบ Dual Globalization

     สภาพแวดล้อมทางการค้าระหว่างประเทศในปี 2025 อาจถูกแบ่งเป็นสองขั้วชัดเจนมากขึ้น จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่เหมือนจะมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้สมัครจากรีพับลิกันเป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้ง กําแพงภาษีสินค้าจากจีนอาจถูกขยับเป็น 60% หรือ 4 เท่าจากของเดิม 

     Dual Globalization หรือโลกที่แบ่งเป็นสองขั้วจากภูมิศาสตร์เศรษฐกิจใหม่ การขยายตลาดและการสร้างเครือข่ายพันธมิตรในตลาดใหม่ ๆ โดยฝั่งยุทธศาสตร์สหรัฐฯ อาจมุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์กับ อินเดีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม เข้ามาในห่วงโซ่สหรัฐฯ ส่วนยุทธศาสตร์จีน มุ่งเน้นขยับขยายพื้นที่ไปยังประเทศกําลังพัฒนาอย่างแอฟริกา ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันได้ขึ้นมาเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของจีนแทนสหรัฐอเมริกาแล้ว ส่งผลให้บทบาทของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีความสำคัญและน่าสนใจมากขึ้น จากการเป็นพื้นที่ในการเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลกในยุคถัดไป

เทรนด์ธุรกิจ 2025 สิ่งต้องรู้สำหรับธุรกิจ SME

     ปี 2025 จะเป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ธุรกิจไทยจะต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก แต่ขณะเดียวกันก็มีโอกาสใหม่ ๆ ที่รอให้เข้าไปคว้า ไม่ว่าจะเป็นการขยายตลาด หรือการปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก สำหรับ SME ต้องคำนึงถึงกลยุทธ์ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมการค้าโลกที่กำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจากแนวโน้มที่สำคัญ ดังนี้

    1. การค้าโลกมุ่งหน้าสู่เอเชีย การค้าโลกกำลังเปลี่ยนแปลงจากประเทศที่พัฒนาแล้วไปยังตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะในเอเชีย ซึ่งมีโอกาสในการเติบโตมากขึ้น SME ควรหันมามองหาการค้ากับประเทศในเอเชียเพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างโอกาสใหม่ ๆ

     2. ปรับตัวให้ทันต่อการแยกตัวของห่วงโซ่อุปทาน การเกิดสงครามการค้าและมาตรการกีดกันทางการค้า ทำให้ผู้ประกอบการ SME จำเป็นต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว โดยการพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพสูงขึ้นและมีมาตรฐานที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด เช่น การใช้แนวคิด Go Green & ESG ในการผลิตและการตลาด

     3. มาตรฐาน ESG ที่เพิ่มขึ้น การใช้มาตรฐาน ESG จะกลายเป็นเรื่องสำคัญในธุรกิจ โดยเฉพาะเมื่อมีการใช้มาตรการทางการค้าจากประเทศตะวันตก SME ต้องเตรียมความพร้อมในการปรับปรุงกระบวนการผลิตและการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับมาตรฐานเหล่านี้ เพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการเข้าถึงตลาดโล

     4. กลยุทธ์การบุกตลาด

         - ตลาดสหรัฐฯ และยุโรป หาช่องทางใหม่ในการส่งออก โดยเฉพาะจากสินค้าที่มีคุณภาพและสามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาด

         - ตลาดจีน ใช้โอกาสจากช่องทางแพลตฟอร์มจีนที่ธุรกิจไทยเข้าถึงได้ในการรุกตลาดจีนที่มีประชากรจำนวนมาก พัฒนาสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคชาวจีน

         - ตลาดอาเซียน ใช้ยุทธศาสตร์ที่ตั้งของไทยเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน

         - ตลาดใหม่ในเอเชียและอื่น ๆ ค้นหาโอกาสในตลาดที่กำลังเติบโต เช่น อินเดีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา

     5. การสร้างความยืดหยุ่น เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างมูลค่าเพิ่มในสินค้า

     ดังนั้นการปรับตัวและมีความยืดหยุ่นในการทำธุรกิจจะเป็นกุญแจสำคัญในการประสบความสำเร็จในเศรษฐกิจปี 2025 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายใหม่ ๆ รออยู่ SME ไทยต้องไม่หยุดนิ่ง เตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

ที่มา :  ข้อมูลจากงาน ttb Global Trade & FX Forum : The Future of Asia Economic Trends and Trade Challenges for Thailand 2025

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

มิติใหม่แห่งการย้อมสีผม ใช้ “ใบตอง” แทนฟอยล์ ลดต้นทุน ลดโลกร้อนง่ายๆ แบบ 2 in 1  

ปกติเวลาที่พูดถึงใบตองสด ภาพแรกๆ ที่เด้งขึ้นมาในหัวของเรา ไม่ใช้ห่อขนมไทย ก็คงนึกถึงเทศกาลลอยกระทง แต่วันนี้น้องใบกล้วยสีเขียวคุ้นตานั้นมาในลุคที่เดิร์นกว่าคือ “ใช้ห่อผมเวลาทำสี” แทนฟอยล์กันแล้ว

เคสยาดม ชวนหิว ไอเดียทำเงิน จากไอเทมฮิต ว้าว! จนอยากหยิบมาใช้

พบไอเดียสุดเก๋ “เคสยาดม ฉบับคนหิว” ที่นำเอาเมนูสรีทฟู้ดแบบไทยๆ รวมถึงอาหารฟาสฟู้ดมาปั้นด้วยดินไทย ทำเป็นเมนูต่างๆ อาทิ ผัดไท, ส้มตำ, ก๋วยเตี๋ยว, มาม่า ต้มยำกุ้ง, แฮมเบอร์เกอร์, ถังไก่ KFC

รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ปลุกความกลัวพลาด ที่ช่วยเร่งยอดขายโต

ลูกค้าไม่ได้ซื้อเพราะอยากได้เสมอไป แต่ซื้อเพราะ ‘กลัวพลาด’ รู้จัก FOMO Marketing กลยุทธ์ต้นทุนต่ำที่ช่วยให้ SME ปิดการขายได้ไวขึ้น