ถอดวิธีคิดญี่ปุ่น 5 เคล็ดลับออกแบบสินค้าที่ครองใจคนทั่วโลก

Text: Neung Cch.


     เคยสงสัยไหมว่าทำไมสินค้าจากญี่ปุ่นถึงได้รับความนิยมไปทั่วโลก? ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์, แกดเจ็ต, หรือแม้กระทั่งของใช้ในชีวิตประจำวัน นั่นเพราะสินค้าจากแดนปลาดิบมักจะโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง และฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด

     วันนี้เราจะมาเจาะลึก 5 เคล็ดลับการออกแบบสินค้าสไตล์ญี่ปุ่น ผ่านแนวคิด BOFER ของศาสตราจารย์ Hiromi Inokuchi ซึ่งเป็นหลักการที่ใช้ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ของญี่ปุ่นให้ประสบความสำเร็จทั่วโลก

หลักการ BOFER มุ่งเน้นไปที่:

     Beauty (ความงาม): สินค้ามีดีไซน์ที่สวยงาม สะอาดตา และดึงดูดสายตา ซึ่งเป็นสิ่งแรกที่ทำให้ผู้บริโภคอยากเข้าถึง

     Originality (ความเป็นเอกลักษณ์): ผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างจากคู่แข่ง ทำให้ผู้บริโภคจดจำได้ง่าย

     Functionality (ฟังก์ชัน): เน้นประโยชน์ใช้สอยที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง

     Economy (ความคุ้มค่า): ผลิตภัณฑ์มีความคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป ทั้งในแง่ของคุณภาพและการใช้งาน

     Reliability (ความน่าเชื่อถือ): สินค้ามีความทนทานและเชื่อถือได้ ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจในการเลือกใช้

ตัวอย่างความสำเร็จธุรกิจ

     ถ้าลองมองแบรนด์สินค้าญี่ปุ่นที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลกอย่าง Muji ก็จะเห็นได้ว่ามีหลักการออกแบบที่สองคล้องกับแนวคิดดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบที่เรียบง่าย ใช้สีโทนธรรมชาติ และเน้นความกลมกลืนกับสิ่งแวดล้อม หรือจะเป็น Sony Walkman ที่ปฏิวัติวงการฟังเพลง กลายเป็นผู้บุกเบิกทำให้การฟังเพลงง่ายสะดวกสบายขึ้น หรือแม้แต่แบรนด์ Uniqlo เสื้อผ้าราคาเหมาะสมกับคุณภาพ และใช้งานได้นาน

     ถ้าคุณอยากให้สินค้าครองใจคนทั่วโลกเหมือนสินค้าญี่ปุ่น อย่าลืมว่าการออกแบบก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้คุณภาพ

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

 

RECCOMMEND: MARKETING

เทรนด์ Emotional Spending โอกาสทองธุรกิจ เมื่อคนลงทุนกับความสุขใจมากขึ้น

เมื่อผู้บริโภคไทยเริ่มให้ความสำคัญกับ ความสุขใจมากกว่าสิ่งจำเป็น การใช้จ่ายเพื่อเติมเต็มชีวิต (Emotional Spending) กำลังกลายเป็น โอกาสทองของธุรกิจ ผู้ประกอบการที่เข้าใจเทรนด์นี้ มีโอกาสสร้างรายได้และความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง

Tiny Tattoo: เทรนด์ใหม่ที่สอนให้แบรนด์หรูคิดต่าง สิ่งเล็กๆ กำลังเปลี่ยนเกมตลาด Luxury

รอยสักขนาดจิ๋ว (tiny tattoo) และเส้นบาง (fine-line tattoo) ไม่ใช่แค่ศิลปะ แต่เป็น “การลงทุนด้านรสนิยม” ที่อยู่กับเจ้าของตลอดชีวิต ส่งผลให้จำนวนผู้ทำงานในธุรกิจร้านสักสหรัฐฯ เพิ่มจาก 150,000 เป็น 180,000 (2020–2024)

นี่ไม่ใช่แท่งสี แต่คือไอเดีย มัทฉะบาร์ พร้อมทาน 6 เฉดสี เจ้าแรกของไทย

ที่เห็นเรียงเป็นแท่งๆ ไล่เฉดเขียวจนถึงน้ำตาลในกล่องนี้ ไม่ใช่พาเลตต์สีน้ำหรือแท่งสีแต่อย่างใด แต่คือ “มัทฉะบาร์”