Snack War! เกมธุรกิจขนมขบเคี้ยวไทยในตลาดหมื่นล้าน

     ตลาดขนมขบเคี้ยวในไทยยังคงคึกคัก แม้ต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงจากทั้งแบรนด์ในประเทศและสินค้านำเข้า โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการในระบบนิติบุคคลมากถึง 298 ราย ส่วนหนึ่งเพราะอัตรากำไรในธุรกิจนี้ค่อนข้างสูง จึงดึงดูดผู้เล่นรายใหม่เข้ามาไม่หยุด

     อย่างไรก็ตาม รายใหญ่ยังคงเป็นผู้นำตลาด เพราะมีความได้เปรียบด้านขนาดธุรกิจ การผลิตที่ต้นทุนต่ำกว่า และการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการออกสินค้าใหม่ หรือจัดโปรโมชั่นที่เข้าถึงผู้บริโภคได้ดีกว่า

     แม้ผู้เล่นรายใหญ่จะครองตลาดได้ แต่ในแง่การแข่งขันของผลิตภัณฑ์ก็ไม่ง่ายนัก เพราะต้องแข่งขันกันเองระหว่างผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวที่มีความหลากหลาย และยังต้องแข่งข้ามผลิตภัณฑ์ด้วยอย่างอาหารทานเล่นอื่นในตลาด เช่น ขนมหวาน ติ่มซำ เฟรนช์ฟรายส์ ลูกชิ้น เป็นต้น ส่งผลให้ตลาดขนมขบเคี้ยวโตได้จำกัดตามการเพิ่มความถี่ในการบริโภคที่ทำได้ยาก

     ขณะที่ขนมขบเคี้ยวนำเข้าที่หลากหลายรวมถึงอาหารฟาสต์ฟู้ดสัญชาติจีนและเกาหลีอย่างไก่ทอดที่เป็นที่นิยม ก็เข้ามาตีตลาดไทยเพิ่มขึ้น จะยิ่งทำให้การแข่งขันของตลาดขนมขบเคี้ยวในประเทศรุนแรงขึ้นอีก ทั้งนี้ ขนมขบเคี้ยวนำเข้าแม้จะมีปริมาณไม่มาก แต่ในปี 2564-2567 พบว่า ปริมาณการนำเข้าขนมปังกรอบและเวเฟอร์รวมโตเฉลี่ย 2.1% ต่อปี และช่วง 3 เดือนแรกปี 2568 โตถึง 12.5%

     ส่วนการส่งออกขนมขบเคี้ยวไทยที่มีสัดส่วนปริมาณราว 18% ก็มีความเสี่ยง โดยในปี 2564-2567 ปริมาณส่งออกขนมขบเคี้ยวไทยโตต่ำเฉลี่ย 1.2% ต่อปี และแม้ว่าในช่วง 2 เดือนแรกปี 2568 จะโตพุ่ง28.9% แต่ไปข้างหน้าก็ยังต้องเผชิญการแข่งขันรุนแรง โดยเฉพาะในตลาดจีน ที่มีทั้งแบรนด์ขนมเก่าและใหม่ในตลาดจำนวนมากอีกทั้งยังมีราคาถูก จะกดดันการส่งออกขนมขบเคี้ยวของไทย

ยอดขายยังโต...แต่ชะลอลง

     ปี 2568 คาดว่าตลาดขนมขบเคี้ยวไทยจะมีมูลค่า 49,550 ล้านบาท โตเพียง 1.5% ลดลงจากปีก่อนที่โตถึง 4.7% ปัจจัยหลักมาจากการท่องเที่ยวที่ชะลอตัว ส่งผลต่อพฤติกรรมการบริโภคที่มักเกิดขึ้นระหว่างเดินทางหรือสังสรรค์

     ผู้บริโภคส่วนใหญ่มักกินขนมขบเคี้ยวช่วง "We Time" หรือเวลาทำกิจกรรมร่วมกัน คิดเป็น 54% ขณะที่อีก 46% เป็นช่วง "Me Time" หรือเวลาส่วนตัว

 เจาะลึกตลาดย่อย

     1. ขนมรสเค็มหรือเผ็ด ยังครองตลาดแม้โตไม่มาก

          กลุ่มนี้มีส่วนแบ่งใหญ่ที่สุด คาดยอดขายปี 2568 อยู่ที่ 25,100 ล้านบาท โต 0.7% แม้โตน้อยแต่แบรนด์แข็งแรง และผู้บริโภคภักดี เช่น มันฝรั่งทอดที่ได้รับการจัดอันดับเป็นแบรนด์ทรงพลังของไทย ปีนี้ยังได้แรงหนุนจากการเติบโตของแพลตฟอร์มสตรีมวิดีโอ และราคาวัตถุดิบที่ลดลง แม้อีเวนต์ใหญ่ที่หนุนยอดขายจะมีน้อยลงก็ตาม

     2. ขนมปังกรอบและบิสกิต ได้แรงจากวิถีชีวิตคนเมือง

          คาดยอดขายที่ 18,100 ล้านบาท โต 2.6% กลุ่มนี้ตอบโจทย์คนเมืองที่ใช้ชีวิตเร่งรีบ และนิยมซื้อจากร้านสะดวกซื้อหรือห้างสมัยใหม่ แต่ต้นทุนอาจสูงขึ้นจากราคาน้ำตาลและเนยในตลาดโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวขึ้น 

     3. ขนมจากสาหร่าย เนื้อสัตว์ และธัญพืช ตอบโจทย์สายเฮลตี้

     ยอดขายคาดที่ 6,350 ล้านบาท โต 1.9% ได้แรงสนับสนุนจากกระแสรักสุขภาพ โดยเฉพาะการลดโซเดียมและเพิ่มโปรตีนในสินค้า แม้จะมีข้อจำกัดจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่โตช้าลง ซึ่งส่งผลต่อการซื้อของฝากอย่างสาหร่ายทอด

ความเสี่ยงที่ต้องจับตา

     1. โครงสร้างประชากรเปลี่ยน จำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ขณะที่กลุ่มวัยรุ่นที่บริโภคขนมขบเคี้ยวเป็นหลักมีแนวโน้มลดลง ทำให้การเติบโตเฉลี่ยอาจอยู่เพียง 3% ต่อปีใน 5 ปีข้างหน้า

     2. ภาษีความเค็ม รัฐเตรียมเก็บภาษีโซเดียมแบบขั้นบันไดในปี 2568 ซึ่งอาจกระทบยอดขายโดยตรง โดยตัวอย่างจากประเทศฮังการีแสดงให้เห็นว่าการเก็บภาษีนี้สามารถทำให้ยอดขายลดลงได้ถึง 12%

     ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

เจาะพฤติกรรม Gen Z 2025 ว่าที่ผู้กุมอำนาจซื้อในอนาคต

Gen Z กว่า 11.6 ล้านคนในไทย กำลังกลายเป็น ‘ผู้กุมอำนาจซื้อ’ รุ่นต่อไป ดังนั้น ธุรกิจและแบรนด์ต่าง ๆ จำเป็นต้องเข้าใจพฤติกรรม ความคิด และแรงผลักดันของพวกเขา เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสทางตลาดจากผู้กุมกระเป๋าสตางค์ในอนาคตอันใกล้นี้

ถึงเวลาก็ต้อง...ขยับขยาย ส่อง 3 Beauty Blogger แตกไลน์สู่สายธุรกิจ

เหล่า Blogger ยุคเก๋าที่โลดแล่นอยู่ในวงการโซเชียลมาอย่างยาวนาน ต่างเริ่มต้นขยับขยายจากการเป็นแค่อาชีพ Blogger ข้ามสู่เส้นทางธุรกิจ และนี่คือธุรกิจจาก 3 Beauty Blogger ชื่อดัง ที่ก้าวเข้าสู่เส้นทางนักธุรกิจแบบเต็มตัว

10 เทรนด์ Future Food โอกาสใหม่ธุรกิจไทย

โลกของอาหารกำลังเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ ไม่ใช่แค่ความอร่อย หรือแพ็กเกจที่สวยงามอีกต่อไป แต่ผู้บริโภคมองลึกถึง “วัตถุดิบ สุขภาพ ความยั่งยืน และนวัตกรรม” และเทรนด์ที่น่าสนใจนี้ เรียกว่า “Future Food” ซึ่งจะมาสร้างโอกาสทองให้ธุรกิจไทย