SMEs พร้อมรับ AEC 2.8 หมื่น กสอ.หวังเพิ่มอีก 1.2 หมื่นราย

กสอ.เผยเอสเอ็มอี 2.8 หมื่นรายพร้อมรับ AEC หลังกรมเร่งพัฒนาศักยภาพ พร้อมตั้งเป้าเพิ่มอีก 1.2 หมื่นราย



    ดร.อรรชกา สีบุญเรือง ว่าที่ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม  เผยว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมในฐานะหน่วยงานหลักที่ช่วยส่งเสริม สนับสนุน และเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการ SMEs ไทย ให้สามารถแข่งขันได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

     โดยตลอดปีงบประมาณ 2555 – 2556 ที่ผ่านมา กรมได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการเพื่อสร้างความตระหนักและพร้อมรับมือในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ได้แล้วกว่า 28,000 ราย และตลอดปี 2557 ก็ยังคงสร้างความต่อเนื่องในเรื่องของการเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการ โดยมุ่งเน้นในสาขาอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพ 7 กลุ่ม ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มของการขยายโอกาสทางการค้า

     การลงทุนให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งในเชิงรับและเชิงรุก ประกอบด้วย 1. เกษตรแปรรูป 2.อัญมณีและเครื่องประดับ 3.ไม้และเครื่องเรือน 4. สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม 5. ยานยนต์และชิ้นส่วน 6.เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และ 7. สินค้าแฟชั่น

    ทั้งนี้กรมได้กำหนดกลยุทธ์เชิงรับสำหรับวิสาหกิจขนาดย่อม โดยการรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดให้สามารถต่อสู้กับสินค้าจากประเทศในกลุ่มอาเซียนที่จะมารุกตลาดไทย ในขณะที่วิสาหกิจขนาดกลางจะเน้นกลยุทธ์เชิงรุก คือ มุ่งเจาะตลาดต่างประเทศ และร่วมลงทุนกับประเทศในกลุ่มอาเซียนเพื่ออาศัยประโยชน์จากทรัพยากรด้านต่างๆ โดยผ่านกิจกรรม 3 ด้าน ประกอบด้วย  

    1.กิจกรรมการพัฒนาผู้ประกอบการและบุคลากรภาคอุตสาหกรรมเพื่อเตรียมความพร้อมและปรับตัวตั้งเป้า 12,000 ราย ด้วยการอบรมเชิงปฏิบัติการในหลักสูตรต่างๆ อาทิ กลยุทธ์การตลาด AEC การพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์สำหรับ AEC การบริหารทรัพยากรบุคคลเพื่อรองรับความหลากหลายจากแรงงานต่างชาติ หรือ ภาษีในกลุ่มประเทศอาเซียน ฯลฯ

    2.กิจกรรมการพัฒนาสถานประกอบการเป้าหมายเป็นการส่งที่ปรึกษาเข้าไปให้คำปรึกษาแนะนำ แก่สถานประกอบการในการจัดทำแผนกลยุทธ์ในการปรับตัวและดำเนินตามแผนการปรับ ตัวเพื่อให้พร้อมรับ AEC มีโรงงานเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 600 โรงงาน และ 3.การสร้างเครือข่ายระหว่างประเทศเพื่อสร้างและขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนให้แก่ธุรกิจอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น มีเป้าหมาย 10 เครือข่าย

    ดร.อรรชกา กล่าวต่อว่า สำหรับการพัฒนาสถานประกอบการได้แบ่งกลุ่มวิสาหกิจออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มเรดี้ (Ready) สถานประกอบการที่มีศักยภาพสูง มีสินค้าที่เป็นที่ยอมรับในประเทศ และมีประสบการณ์ทดลองสินค้าในตลาดต่างประเทศ ตลอดจนพร้อมบุกตลาด AEC ทันที   2. กลุ่มคอนเน็กต์ (Connect) เป็นสถานประกอบการที่มีศักยภาพปานกลางและมีความพร้อมด้านการผลิตแต่ยังต้องได้รับการพัฒนาระบบการบริหารการจัดการตลาดเชิงรุก และ 3.กลุ่มมูฟ(Move) สถานประกอบการที่มีศักยภาพในระดับท้องถิ่นหรือเขตพื้นที่แนวตะเข็บชายแดนที่ต้องการเปิดตลาด AEC กับประเทศเพื่อนบ้าน

    นอกจากนี้ กสอ.ยังได้ส่งที่ปรึกษาเข้าไปให้คำปรึกษาและข้อแนะนำต่างๆ แก่สถานประกอบการในแต่ละกลุ่มตามศักยภาพเพื่อให้พร้อมรับการเปิดการค้าอาเซียนทั้งในเชิงรุกและเชิงรับ โดยมีสัดส่วนของสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการแบ่งเป็นกลุ่ม Ready ร้อยละ 29 กลุ่ม Connect ร้อยละ 38 และกลุ่ม Move ร้อยละ 33
  
    ขณะเดียวกันยังได้นำผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการไปสร้างเครือข่ายทางการค้าในกลุ่มประเทศอาเซียน +3 โดยเน้นกลุ่มผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพเหมาะสมกับแต่ละประเทศ อาทิ เมียนมาร์ – สิ่งทอ เสื้อผ้าและอาหารแปรรูป,  สปป.ลาว – สินค้าอุปโภคบริโภค,  กัมพูชา–สินค้าอุปโภคบริโภค, เวียดนาม-สิ่งทอเครื่องหนัง และรองเท้า, มาเลเซีย-อาหาร และผลิตภัณฑ์ฮาลาล, อินโดนีเซีย–ชิ้นส่วนยานยนต์,  สิงคโปร์–อัญมณีและเครื่องประดับ,  จีน(เซี่ยงไฮ้) – อาหารแปรรูป, จีน(หนานหนิง) – เสื้อผ้า อาหารและเครื่องอุปโภคบริโภค, ญี่ปุ่น- เครื่องจักร สำหรับผลิตอาหาร และบรรจุภัณฑ์, เป็นต้น 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

NEWS & TRENDS