ต้องยอมรับว่าวิกฤต โควิด-19 ไม่เพียงแต่สร้างผลกระทบต่อสุขภาพ ยังสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาล ภาคธุรกิจจำนวนมากจำเป็นต้องปิดกิจการ แต่ในขณะเดียวกัน โควิด-19 นั่นเอง ที่ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ทั้งยังมอบ ‘บทเรียน’ แก่ภาคธุรกิจให้พร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้คือ เทคโนโลยี นวัตกรรม
นี่คือ 4 นวัตกรรมดาวเด่นจากงาน ‘KMITL INNOKET 2022 ตลาดนวัตกรรมสร้างอาชีพ-ต่อยอดธุรกิจ’ สามารถนำไปต่อยอดได้ในเชิงธุรกิจ ได้จริงดังนี้
1. นวัตกรรมตรวจคุณภาพ
มาตรฐานและคุณภาพของผลผลิตถือเป็นสิ่งสำคัญที่สร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภคและสามารถนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า อย่างการสร้างมาตรฐานให้กับผลผลิตการเกษตรของไทย ที่ทีมนักวิจัยคณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล. ได้คิดค้นและพัฒนา ‘เครื่องคัดแยกคุณภาพเนื้อทุเรียน’ ด้วยโซ่ถาดลําเลียงคลื่นไมโครเวฟ (Durian Maturity Inspection) ที่สามารถระบุได้ว่าพูทุเรียนที่ผ่านการลำเลียงบนสายพานนั้น มีคุณภาพอยู่ในระดับ ‘อ่อน หรือ แก่’ รวมถึงมีปริมาณแป้งและน้ำตาลของทุเรียนมากน้อยเพียงใด นอกจากนั้นเครื่องดังกล่าวยังสามารถใช้ตรวจวัดการขาดสารอาหารของผลผลิตได้อีกด้วย ผ่านการตรวจจากใบทุเรียน นับได้ว่าเครื่องคัดแยกคุณภาพเนื้อทุเรียน จะมีส่วนคัดสรรคุณภาพผลผลิตก่อนจัดจำหน่ายภายในประเทศ และส่งออกไปยังต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากการพัฒนาเครื่องมือตรวจวัดคุณภาพผลไม้แล้ว ทางคณะวิทยาลัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมวัสดุ สจล. ยังได้คิดค้น ‘แผ่นตรวจสารเคมีในผัก-ผลไม้ชนิดใช้ซ้ำได้’ ที่สามารถตรวจร่องรอยของสารเคมีที่มีความเข้มข้นต่ำได้อย่างรวดเร็ว เช่น ยาฆ่าแมลงในผักและผลไม้ เป็นต้น นอกจากนี้ อุปกรณ์สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้มากกว่า 30 รอบ โดยมีอายุการเก็บรักษาได้นานถึง 6 เดือน ทั้งนี้ นวัตกรรมดังกล่าวอยู่ระหว่างการยื่นจดสิทธิบัตรและพร้อมต่อการถ่ายทอดนวัตกรรมสู่เชิงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้วในงบลงทุนที่ 200,000 บาท
2. เม็ดดินเผา ป๊อปเพอร์ไลท์
จากกระแสการปลูกต้นไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นสำหรับผู้ประกอบที่กำลังมองหานวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบาย ทาง สจล. จึงคิดค้นเม็ดดินเผา ป๊อปเพอร์ไลท์ ที่ใช้สำหรับปลูกพืชและปิดหน้ากระถางไม้ประดับ มีคุณสมบัติในการช่วยเก็บรักษาความชุ่มชื้นในกระถางต้นไม้ และสารอาหารให้พืชได้ดี โดยเม็ดดินเผา “ป๊อปเพอร์ไลท์” เกิดจากการนำส่วนผสมที่หาได้ง่าย ราคาถูก และสามารถเผาขึ้นรูปได้ด้วยการใช้อุณหภูมิที่ต่ำลง ซึ่งนอกจากจะลดต้นทุนลงได้แล้ว ยังสามารถช่วยลดการใช้พลังงานอีกด้วย โดยมีมูลค่าการจำหน่ายเริ่มต้นอยู่ที่ 50 บาทต่อแพค