จากข้าราชการสาธารณสุขประจำอนามัย วันหนึ่งอยากหารายได้เสริม ประภัสสร บัวศรี จึงเริ่มต้นจากการหาสินค้ามาขายออนไลน์ เช่น ครีม, ของใช้ต่าง ๆ จนวันหนึ่งจับพลัดจับผลูมาผลิตเสื้อผ้าเด็กขาย โดยทำได้แค่เพียงหนึ่งเดือนแนวโน้มดูไปได้ดี จึงตัดสินใจจ้างลูกน้องเป็นเรื่องเป็นราว ผ่านไปได้ไม่กี่ปีจากอาชีพเสริม ก็กลายเป็นอาชีพหลัก ประภัสสรตัดสินใจลาออกจากงาน และหันมาลงทุนทำธุรกิจเต็มตัว จากเงินหลักพันที่เคยจับ ก็กลายเป็นหลักล้าน
แต่แล้วชีวิตกลับพลิกผันเมื่อเจอเข้ากับปัญหาละเมิดลิขสิทธิ์ จนทำให้ต้องสูญเงินหลายสิบล้านบาท แต่ในวิกฤตย่อมมีทางออกเสมอ หากไม่ยอมแพ้ไปเสียก่อน ชุดเสื้อผ้าเด็กแรกเกิดที่เป็นเพียงสัดส่วนน้อยนิดของธุรกิจ ไม่ได้โดนปัญหาลิขสิทธิ์ไปด้วย กลับกลายเป็นทางรอดและจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ให้กับธุรกิจ จนเป็นที่มาของแบรนด์เสื้อผ้าเด็กแรกเกิด “Bene” (เบเน่) ในทุกวันนี้
เปลี่ยนวิกฤต ให้เป็นโอกาสครั้งใหม่
“ยอมรับว่าในช่วงแรกเรายังขาดความรู้และประสบการณ์ อะไรที่ขายได้ ลูกค้าชอบ ก็เอามา โดยไม่ได้ดูให้ถี่ถ้วน ในช่วงแรกเราเริ่มจากขายเสื้อผ้าเด็กโตก่อนเป็นหลัก ตอนแรกเป็นลายการ์ตูนทั่วไป ต่อมาพอเริ่มมีลายลิขสิทธิ์เข้ามา ลูกค้าก็เริ่มชอบกันมากขึ้น ทำให้ตอนหลังเราแทบจะขายแต่ลายการ์ตูนลิขสิทธิ์เกือบทั้งหมด ขายดีมาก มีลูกค้าทั้งในประเทศและจากประเทศเพื่อนบ้าน จนต่อมาโดนปัญหาเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ ตอนนั้นธุรกิจเกือบไปไม่รอด สินค้าในสต๊อกเกือบทุกอย่างแทบเอาออกไปขายไม่ได้เลย บังเอิญตอนนั้นเรามีทำเสื้อผ้าเด็กแรกเกิด (1-3 เดือน) ติดไว้ด้วยจำนวนหนึ่งเป็นลายการ์ตูนทั่วไป ไม่ใช่ลายลิขสิทธิ์ ก็เลยลองเอามาจัดเซตขายลดราคา เพื่อหาเงินทุนไปต่อ ปรากฏว่ากลับขายได้ดี ก็เลยเบนเข็มมุ่งมาทางนี้”
ควบคุมการผลิต ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง
ประภัสสรยังค้นพบว่าข้อดีของธุรกิจเสื้อผ้าเด็กแรกเกิด คือ ไม่ต้องสต๊อกสินค้าเยอะ ขายแค่ไซส์เดียวไปเลย ทำให้ช่วยประหยัดต้นทุนไปได้มาก
“เราไม่ต้องสต๊อกสินค้าเยอะเหมือนแต่ก่อน คือ มีไซส์เดียวไปเลยแต่ก่อนลายเดียวกัน แต่ต้องมีหลายไซส์ให้เลือก ทำให้การทำงานของเราสะดวกและง่ายขึ้น”
ในช่วงแรกของการเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง ประภัสสรใช้วิธีซื้อผ้าสำเร็จรูปจากแหล่งขายส่งมาผลิต และจ้างช่างที่กรุงเทพฯ ตัดเย็บให้แม้ต้นทุนจะถูกกว่า ไม่ต้องใช้เงินลงทุนเยอะ แต่กลับพบว่าการควบคุมมาตรฐานทำได้ยาก เนื่องจากผ้าแต่ละล็อตที่ได้จะไม่เหมือนกัน แถมลายที่มีก็ไปซ้ำกับเจ้าอื่นได้ ทำให้ไม่สามารถทำราคาได้ เป็นเหตุให้ตัดสินใจสั่งทอผ้าเฉพาะของแบรนด์ขึ้นมา นอกจากนั้น ยังออกแบบลวดลายเองเฉพาะของแบรนด์ โดยย้ายการผลิตทั้งพิมพ์ลายผ้า ตัดเย็บ มาอยู่ที่ จ.พิจิตรทำให้สร้างงานให้ชุมชนได้ด้วย จึงเรียกได้ว่าเป็นแบรนด์เสื้อผ้าเด็กที่ทำเกือบครบวงจรได้ด้วยตัวเอง ควบคุมมาตรฐานการผลิตได้ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางสู่มือลูกค้า
จัดเรียงความคิด เติมระบบสู่มืออาชีพ
แม้จะผ่านเรื่องราวธุรกิจมามากมาย แต่ประภัสสรมองว่า เธออยากสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ จึงได้สมัครเข้าร่วมโครงการ NEC DIPROM เพื่อเสริมแนวคิดให้เป็นระบบมากขึ้น
“รู้สึกว่าทำธุรกิจมานาน แต่ทุกอย่างก็จับพลัดจับผลู เลยอยากเรียนรู้กระบวนการทำงานที่ถูกต้อง อยากหาคนมาช่วยรีเช็กว่าสิ่งที่เราทำว่ามาถูกทางหรือเปล่า พอได้มาอบรม ทำให้เรามีระบบความคิดที่ชัดเจนขึ้นและยังนำไปแก้ปัญหา และเพิ่มเติมมูลค่าให้กับสินค้าได้ ยกตัวอย่างเช่นเรื่องการผลิต แต่ก่อนเวลาเอาผ้ามาตัดทำชุด ก็จะมีขอบด้านข้างที่ถูกตัดทิ้งไปเฉย ๆ แต่พอได้มาเรียนวิธีบริหารจัดการ มันทำให้เราฉุกคิดได้ว่าเศษผ้าที่เหลือตรงนี้ เรายังสามารถนำมาเย็บเป็นถุงมือ ถุงเท้า เพื่อจัดเป็นเซตให้เข้าชุดกับเสื้อและกางเกงได้ ทำให้ขายได้ราคาเพิ่มขึ้น จากปกติเราจะขายเป็นโปรโมชัน 6 ชุด ก็กลายเป็นขายชุดนั้นชุดเดียว แต่ให้ครบเซตถุงมือ ถุงเท้า และหมวกด้วย ซึ่งพอเราแตกไลน์สินค้าออกมามากขึ้น ทำให้ได้ประโยชน์หลายอย่าง 1.ทำให้สินค้าดูน่าสนใจมากขึ้น 2.ได้เพิ่มมูลค่าในการจัดเซตและได้ป้อนงานให้ช่างมีงานทำทุกวัน พอมาลงทุนทำโรงงานเอง เราจำเป็นต้องดูแลลูกน้อง”
ปัจจุบันสินค้าภายใต้แบรนด์ Bene ได้แก่ ชุดผูก, ผ้าอ้อม, ถุงมือถุงเท้า, ผ้าห่ม, ที่นอน, มุ้ง โดยอนาคตต่อไปประภัสสรมองเป้าหมายของแบรนด์ว่า อยากเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์เด็กอ่อนที่ครบวงจร รวมถึงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังรับจ้างผลิต OEM ให้กับแบรนด์ต่าง ๆ ต่อไป
ข้อมูลติดต่อ : โทร.063-854-9456, FB : เสื้อผ้าของใช้เด็กอ่อน ขายปลีกราคาส่ง Rapass & Natta
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี