Text: VaViz
Photo: After Yum
“ทุบรูบิคลูกนั้นซะ!
เราไม่ได้ทำเพราะอารมณ์
แต่ทำ เพราะอยากรู้ว่า แกนข้างในมันคืออะไร?”
ประสบการณ์จริงในวัยเด็กของ กฤษฏิ์กุล ชุมแก้ว ผู้ก่อตั้ง After Yum และผู้สร้างจักรวาล “ละครกะเทยธรรม” ที่ไม่เคยต่อรูบิคได้เลยสักสี และไม่เคยต่อได้ 6 หน้าเลยสักครั้ง ซึ่งหลังจากที่ทุบแล้วพบว่า รูบิคนั้นมี 6 หน้า 6 สี และมีแกนอยู่ตรงกลาง ทำให้รู้ว่า “บางทีความสำเร็จนั้นไม่จำเป็นต้องมาพร้อมกัน มันไปทีละหน้า ทีละสีได้”
จุดนี้เองที่กลายมาเป็นหลักคิดแบบ “The Rubik Theory” ทฤษฎีบิดลูกบาศก์ธุรกิจให้ลงตัวและประสบความสำเร็จ ที่เธอใช้มาจนถึงในปัจจุบัน
หน้าที่ 1: ฝึกสมอง ประลองปัญญา
ไม่ต่างจากธุรกิจอื่นที่ต้องเจอกับปัญหาต่างๆ กฤษฏิ์กุล ก็เช่นกันที่งานไม่มี ลูกค้าหาย ไปจนถึงเคยเป็นหนี้ 10 ล้าน ซึ่งกว่าจะกลับมาแข็งแกร่งได้อย่างทุกวันนี้ เธอใช้วิธี “เตรียมสมองให้พร้อมรับปัญหา” ไว้เลยในทุกๆ เช้า
“เรา Set Up สมองตัวเองว่า ถ้าวันนี้เกิดมี 15 ปัญหาที่คิดขึ้นมา จะเตรียมรับมือยังไง เช่น หมุนเงินไม่ทัน เพราะลูกค้าเลื่อนจ่าย รายรับไม่พอ ของขึ้นราคา หรือปัญหาจากพนักงาน เพราะขาด ลา มาสาย โกง ออก ตาย หรือปัญหาจากปัจจัยภายนอกอย่างเศรษฐกิจ สังคม การเมือง รวมถึงปัญหาจากตัวเอง เช่น หมดแรง หมดไฟ ไม่เอาแล้ว ไม่รับผิดชอบ ไปจนถึงฟุ่มเฟือย”
จากนั้นลองมาตั้งคำถามกับตัวเองอย่างมีเหตุผลว่า ปัญหาที่มาจากหลากหลายมุมนั้น ทำอะไรเราได้บ้าง หรือเราจะแก้ยังไงได้บ้าง ที่สำคัญ ทุกอย่างอย่าใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ ให้ใช้ Data เพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างมีระบบ
หน้าที่ 2: เรียนรู้ เพื่อรู้จริง
จากแม่ค้าขายยำจนได้ยืนบนเวทีในฐานะของวิทยากร กฤษฏิ์กุล บอกว่า เธอต้องเสียเงินไปถึง 3 ล้านบาท ในการแสวงหาความรู้ทุกวิชาที่อยากรู้ ซึ่งใช้เวลาตั้งแต่ช่วง COVID-19 แพร่ระบาด เพื่อเพิ่มพูนทักษะและความรู้ในการเป็นผู้ประกอบการและการทำธุรกิจให้มีศักยภาพมากขึ้น
“เรื่องสำคัญที่ห้ามพลาดคือ เรื่องของการหาครู เพราะถ้าเขาบอกในสิ่งที่ผิด ชีวิตเราพังได้เลย ดังนั้น กับครูบางคนเราใช้เวลาถึง 8 เดือนในการหาว่า ใครที่จะเหมาะสมมาเป็นผู้สอนให้เรา เพราะเมื่อเราให้ความเชื่อใจกับครู เราเชื่อในสิ่งที่เขาสอน และเรานำความรู้นั้นมาบอกต่อในบทบาทของวิทยากร ถ้าครูบอก Direction มาผิด เราก็เท่ากับพังนั่นเอง”
หน้าที่ 3: “ฉันนี้แหละ! มีคุณค่า”
เบื้องหลังเด็ดๆ ที่พาให้ผู้ประกอบการคนนี้ทะยานไปสู่เจ้าแม่พรีเซ็นเตอร์และคนดังแห่งโลกออนไลน์และวงการบันเทิงได้นั้น อยู่ที่การทำตัวเองให้มี Value โดยเธอบอกว่า ถ้าไม่รู้ว่าจะสร้าง Value ยังไง ให้สร้างจากสิ่งที่เรามีและให้หาจากสิ่งที่เรามีความถนัด
“ตัวเราต้องมี Value ตัวเราต้องมีมูลค่า อย่า Undervalue ตัวเอง บอกตัวเองเลยว่าฉันเป็นคนที่มีมูลค่า ต้องทำตัวให้มีมูลค่า ทำตัวให้มีประโยชน์ คนอื่นถึงจะมาหาผลประโยชน์จากเรา ไม่ว่าจะดึงไปร่วมงานหรือเป็นพรีเซ็นเตอร์ เรื่องนี้จึงสำคัญมาก”
ยิ่งไปกว่านั้น ให้คิดเสมอว่า ทุกบาดแผล ทุกแผลเป็น คือสิ่งที่ทำให้เห็นว่า เราผ่านอะไรมาบ้าง เพราะ “ทุกอย่างจะเป็นกรณีศึกษาที่ทำให้ร่างของเรากลายเป็นร่างทอง”
หน้าที่ 4: ต่อยอดให้ถูกจังหวะ
ถ้าไม่อยากให้ธุรกิจหยุดนิ่งหรือถึงจุดอิ่มตัว ต้องรู้จักเก็บเกี่ยวผลผลิตที่เราสร้างมาตั้งแต่วันแรกที่เราเริ่มสร้างธุรกิจ จนผลิดอกออกผลดี เหมือนอย่างที่ After Yum ทำการขยายสาขาหลังจากเปิดร้านในปี 2019 รวมถึงขายน้ำยำ สร้างละครสั้นกะเทยธรรม ไปจนถึงออกอีเวนท์ ออกรายการต่างๆ เป็นพรีเซ็นเตอร์ ทำมิวสิกวิดีโอ ละครเวที และแผนทำภาพยนตร์ในปีหน้า
“ทำธุรกิจต้องรู้จักหา New S-Curve ของตัวเอง อย่างของเราที่ต่อยอดธุรกิจใหม่จากจุคพีคทั้งหมด ดังนั้น จำไว้เลยว่า เวลาจะทำอะไรก็ตามแต่ให้ไปต่อจุดที่ธุรกิจของเราขายดี เพื่อหาโอกาสและตลาดใหม่ๆ ให้กับธุรกิจของเราได้เรื่อยๆ”
โดยการที่จะทำให้ธุรกิจเดินหน้าได้อย่างถูกจังหวะนั้น สามารถใช้หลักที่ กฤษฏิ์กุล เรียกว่า EDIPT มาช่วยได้คือ
E – Empathise การเข้าใจลูกค้า / เข้าถึงความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
D – Define รวบรวมข้อมูลและแยกประเภท อะไรที่ลูกค้าชอบ อะไรที่ลูกค้าไม่ชอบ
I – Ideate หาไอเดีย
P – Prototype ทดลองไอเดียต่างๆ ที่คิดมาหลังบ้าน
T – Test ทดสอบผลลัพธ์ที่ได้จากหลังบ้านสู่โลกภายนอก
“ไม่ว่าจะทำอุตสาหกรรมอะไรก็ตามให้คิดภาพตัวเองจากมุมมองของผู้บริโภค อย่าคิดว่าของตัวเองดี เพราะของคนอื่นก็ดี ให้มองแบบ Outside-in ไม่ใช่ Inside-out และทำทุกอย่างโดยใช้ Data มองอุปสรรคทุกอย่างให้เป็นโอกาส หา End User ตัวจริงให้เจอ รวมถึงต้องรู้ว่า Five Forces หรือ 5 แรงกดดันภายนอกที่มีผลต่อการทำธุรกิจของเราคืออะไร และเราจะต้องสู้กลับยังไงด้วย”
หน้าที่ 5: พิสูจน์ให้โลกเห็น
ก่อนหน้าที่ละครกะเทยธรรมจะฮิตติดลมบน จนมียอดผู้ติดตามกว่าล้านคนนั้น เคยถูกตั้งคำถามมาแล้วว่า ใครจะดู ดาราคนไหนจะมาเล่นละคร TikTok กลายเป็นแรงกระตุ้นให้เสียงในหัวของ กฤษฏิ์กุล ดังขึ้นมาเลยว่า “ได้ค่ะ เดี๋ยวจะทำให้ดู”
“ถ้าไปดูหลังบ้านพร้อมลิสต์ของเราตอนนี้ จะเห็นดาราขอเข้าช่องเราไม่ต่ำกว่า 20 คน ซึ่งเราจ่ายเองทุกบาททุกสตางค์ จากวันที่มีคนตั้งคำถามในวันนั้น ใครจะคิดว่า ชมพู่ อารยาจะมาเล่น จนทำให้เรากลับมาเป็นที่พูดถึงในวันนี้หลังจากที่ห่างหายไป”
นอกจากนี้ รู้ไหมว่าคาแรกเตอร์ของเส้นจังจากละครกะเทยธรรมกับแต๋ง After Yum ยังสามารถทำงานให้แพลตฟอร์ม ที่เป็น Food Delivery เหมือนกันได้ในเวลาเดียวกัน โดยเส้นจังทำงานให้ LINE Man และแต๋ง After Yum ขายของอยู่ใน Shopee Food สิ่งนี้ทำให้เห็นว่า หากเราพิสูจน์ให้เห็นว่าเราทำได้และมีคุณค่า ลูกค้าก็ต้องการเราไปร่วมงาน
ในขณะเดียวกัน เรายังสามารถเลือกลูกค้าที่จะมาร่วมงานกันได้เช่นกัน โดยสิ่งที่ กฤษฏิ์กุล ทำนั้นอาจจะดูสวนทางกับใครหลายคน เช่น หากคุณอยู่ในวงการเอเจนซี่ เธอจะขอเก็บค่าใช้จ่ายก่อน 100% ก่อนประชุม และเมื่อประชุมไปแล้วเคมีไม่ตรงกัน เธอจะคืนเงินทั้งหมดให้ เพื่อการันตีว่า ลูกค้าที่เข้ามานั้นรู้จักและเข้าใจคาแรกเตอร์ของตัวละครนั้นจริงๆ ไม่ใช่เพราะต้องการแค่กระแสเท่านั้น
หน้าที่ 6: ทันโลกการ Live
จากที่ไม่เคยโฟกัสกับเรื่องของ Live Streaming มาก่อน แต่พอได้เห็นเทรนด์ของละครสั้นที่จะมาแรงใน TikTok ปีหน้าและการ Live สดที่กำลังทำเงินได้อย่างมหาศาล ตอนนี้ทางแบรนด์จึงมีทีมหลังบ้านที่มาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ
“เราต้องมีวิธีการดึงคนให้อยู่กับเรา เมื่อคนเข้ามาหน้าบ้านเราแล้ว เข้ามาในร้านเราแล้ว ต้องรู้ว่าจะบริหารจัดการยังไงให้เขาอยู่กับเรา เช่น ช่วง 3 นาทีแรกของการ Live เราไม่จับหรือขายสินค้าเลย แต่เต้นอย่างเดียว คนดูเป็นล้าน เพราะเราทำให้คนเชื่อว่าเราทำได้”
ซึ่งหลักที่เธอยึดไว้ก็คือ เชื่อ + ชัด + ศรัทธา + โชว์ หรือเชื่อในสิ่งที่เราจะทำ ชัดเจนว่าเราทำได้ ศรัทธาในสิ่งที่เราเชื่อ และทำทุกอย่างแล้วนำออกมาโชว์นั่นเอง
สู้ให้สุด...แล้วอดทนจนกว่าจะแลนด์
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไรก็ตาม ต้องใจสู้ ซึ่งถ้าไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง กฤษฏิ์กุล แนะนำไว้ว่า ให้ตั้งท่ากระบวนชุดความคิด หรือ Mindset ใหม่ โดยทำการ Reframing ตัวเอง ซึ่งเป็นการล้างปมความคิดแบบเก่าหรือความเชื่ออะไรผิดๆ ที่เคยมีมา เช่น เราทำสิ่งนั้น/สิ่งนี้ไม่ได้ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเองทั้งนั้น
“นอกจากนี้ เราต้องมี Inner Makeover หรือสร้างอินเนอร์ให้ตัวเอง บอกตัวเองว่าเราทำได้ พร้อมมี Mindset Creator ที่หากสถานการณ์มันแย่ ต้องรีบหันมาดูแลเรื่องสุขภาพจิตของตัวเอง กินให้อิ่ม นอนให้หลับ พร้อมทำทุกอย่างซ้ำๆ จนกลายเป็นนิสัย จากนิสัยเป็นสันดาน จากสันดานเป็น DNA สุดท้ายแล้ว ถ้ายังไม่มีอะไรดีขึ้นให้ชักปลั๊ก ปิดเครื่องรีสตาร์ทนับ 1 ใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำแบบนี้มาตลอดจนผ่านปัญหาต่างๆ มาได้”
“รูบิคมันมี 6 หน้า
ใครทำสำเร็จคือเรื่องของเขา
แต่เราเหมือนขายกุ้งอบวุ้นเส้น
หม้อไหนสุกก็ขายก่อน
นั่นเพราะความสำเร็จนั้นไม่จำเป็นต้องมาพร้อมกันเสมอไป”
ที่มา: งานสัมมนา Digital SME Conference Thailand 2025
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี